ตอนที่ 430 สมบัติยังไม่ปรากฏ ผู้ยิ่งใหญ่

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 430 สมบัติยังไม่ปรากฏ ผู้ยิ่งใหญ่มาถึงก่อนแล้ว (2)

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดบางอย่าง ตัวอย่างเช่น หากเขาใช้รูปลักษณ์เด็กสาวเข้าใกล้ผู้อาวุโสพิทักษ์สำนัก เขาก็รับรองได้ว่าเซียนชราเหล่านั้นจะไม่เอยปากขับไล่ออกไป…

อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้หลายครั้งเมื่อเขาคอยเฝ้าดูแลสำนักตู้เซียน

แค่กๆ มาพูดถึงการล่าสมบัติกันดีกว่า

ก่อนที่หลี่ฉางโซวจะเริ่มลงมือ เขาต้องมีแผนการก่อนแล้วจึงเตรียมแผนสำรองหลายแผน

หลังจากที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินมาถึงที่นี่ เขาก็ไม่ได้รีบเร่งดำเนินการ แต่ตั้งเสาลับเข้าและออกจากเมืองซื่อเถี่ยและด้านนอกหุบเขาเพื่อคอยสังเกตการณ์สถานที่นี้ได้ทั่วทุกทิศทาง…

ผ่านไปครึ่งปี

ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา หลี่ฉางโซ่วจับพลังกดดันเซียนจินจากปรมาจารย์คนเดียวกันได้สามครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นความถี่ที่ค่อนข้างสูง เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นปรมาจารย์เผ่าปีศาจที่กำลังเฝ้าดูแลเมืองซื่อเถี่ย

อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วได้ค้นพบข้อบกพร่องของค่ายกลในเมืองซื่อเถี่ย และพบจุดอ่อนที่ทำลายค่ายกลใหญ่จากภายในนั้น

เขารู้ถึงการจัดวางกำลังพล กฎการป้องกันต่างๆ ของที่นี่ และความเร็วในการจัดส่งกำลังเสริมไปสนับสนุนในพื้นที่ต่างๆ…

นอกจากนี้ เขายังเห็นน้องสาวของฮูหยินเจ้าเมือง ได้พบกับแม่ทัพปีศาจที่เฝ้าประตูเมืองทางเหนือในภูเขาแห้งแล้งลูกหนึ่ง และเห็นสามีของน้องสาวของฮูหยินเจ้าเมืองและฮูหยินเจ้าเมืองแอบเล่นหูเล่นตากันอยู่ลับๆ

เจ้าเมืองเป็นปีศาจกระทิงอยู่ในขอบเขตเซียนเทียนขั้นปลาย เขาร่วมดื่ม กินเนื้อกับเหล่าปรมาจารย์ปีศาจกลุ่มหนึ่งทุกวัน และเส้นผมสีเขียวบนศีรษะของเขานั้นก็โดดเด่นเป็นพิเศษ[1]…

‘สมบัติที่ข้ากำลังค้นหาอยู่นั้น เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นสมบัติของปีศาจกระทิงตัวนี้’

หลี่ฉางโซ่วคาดเดาเช่นนั้น

แผนการรบที่เขาวางไว้นั้นไม่ซับซ้อน มันเป็นเพียงล่อเสือออกจากถ้ำเท่านั้น

เขาแสร้งทำเป็นโจมตีเมืองซื่อเถี่ย และแผ่ขยายความรู้สึกถึงวิกฤตเกินจริงออกไปเพื่อเรียกเหล่าปรมาจารย์ปีศาจในหุบเขา และฉวยโอกาสนี้เข้าไปล่าหาสมบัติ

สิ่งเดียวที่เขาไม่แน่ใจในตอนนี้คือ ขอบเขตพลังของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาปีศาจกระทิงนั้น อยู่ที่ขอบเขตใด หากมีหนึ่งเซียนต้าหลัวจินอยู่ในนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าชราเซียนจินเหล่านี้ ก็จะถูกละทิ้งไว้ที่นี่เป็นส่วนใหญ่

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วจึงได้เตรียมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์โดยระบุคำว่า จิน หมายเลขสอง หมายเลขสาม หมายเลขสี่ หมายเลขห้า และหมายเลขหกที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมา

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินทั้งสามได้ทำการโจมตีด้านหน้าในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินคนหนึ่งได้เข้าไปในหุบเขาเพื่อค้นหาสมบัติขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินอีกสองคน ก็พร้อมจะหลบหนีได้ตลอดเวลา!

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินทั้งหก ซึ่งทำให้หลี่ฉางโซ่วมีความมั่นใจในการล่าสมบัติมากขึ้น

แน่นอนว่า ในช่วงเวลานี้ เขารู้สึกพอใจตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินมากที่สุด

หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้ว เขาก็ทำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนเทียนตัวที่สอง และไม่ได้รับความสนใจจากเต๋าสวรรค์อีกเลย

แต่ในกระบวนการสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ หลี่ฉางโซ่วรู้สึกเล็กน้อยว่า หากมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินมากกว่าเก้าคนในเวลาเดียวกัน การลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ก็ยังมา และจะดุร้ายรุนแรงกว่าครั้งก่อนหน้านี้

ช่างมันเถิด

ข้ากลัวว่า

ในขั้นนี้ ร่างจำแลงของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินทั้งหกนั้น เพียงพอแล้ว และพวกเขายังสามารถสร้างฉากของ ‘หกเซียนจินเผ่ามนุษย์ที่ปิดล้อมเมืองซื่อเถี่ย’ ได้

สามวันต่อมา หลี่ฉางโซ่วแสร้งเป่าแตรส่งเสียงให้ดังระเบิดขึ้น!

ข้าต้องทำลายค่ายกลของเมืองซื่อเถี่ยภายในครึ่งชั่วยามและสกัดกั้นกำลังเสริมของอีกฝ่าย ข้าต้องสังหารปีศาจใหญ่ในเมืองที่กำลังทนทุกข์จากกรรมร้ายและเข้าไปค้นหาสมบัติในหุบเขานั้น!

มหาสงครามจะ…จะมา…

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก-”

แรงคลื่นกระเพื่อมฉับพลันนี้ ทำให้หลี่ฉางโซ่วตกใจอย่างไม่ทันระวังตัวเล็กน้อย

หลี่ฉางโซ่วดึงจิตกลับมาทันที และเสี้ยวเจตจำนงวิญญาณของเขา ก็ตกลงไปที่วิหารเทพทะเลหลักในเมืองอันสุ่ย ซึ่งได้รับบูรณะใหม่เรียบร้อยแล้ว และใช้เจตจำนงวิญญาณเพื่อสร้างสะพานเชื่อมนำอ๋าวอี่เข้าสู่ความฝัน

เกิดอันใดขึ้นที่นี่?

หลี่ฉางโซ่วไม่เคยละเลยเผ่ามังกร แต่เมื่อเร็วๆ นี้ โดยทั่วไปแล้ว เผ่ามังกรก็มีเสถียรภาพ และไม่มีเรื่องสำคัญอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่ควรทำก็ยังคงทำอยู่

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก!”

ในความฝันนั้น อ๋าวอี่ซึ่งสวมชุดเสื้อคลุมผ้าไหมสีขาวลายทอง ทำให้ยิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นกว่าเดิม เขาได้กระโดดออกไปสองสามก้าว อยู่ต่อหน้าหลี่ฉางโซ่ว และโค้งคำนับให้ทันที

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ดูเจ้าเต็มไปด้วยสายลมวสันต์[2] มีข่าวดีอะไรหรือ?”

“ฮิฮิ พี่ชาย ช่วงสองสามวันมานี้ ท่านมีเรื่องสำคัญอันใดทำอยู่หรือไม่ขอรับ? ”

เมื่อได้ยินว่าอ๋าวอี่ไม่ตอบคำถาม หลี่ฉางโซ่วก็ใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้ามีเรื่องเล็กน้อยที่ต้องทำ ข้ายุ่งๆ เล็กน้อยในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เจ้ามีเรื่องอันใดที่อยากให้ข้าช่วยทำหรือไม่? ”

อ๋าวอี่อดจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมาไม่ได้ในขณะที่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านมีเรื่องอะไรให้ช่วย ไยไม่บอกอ๋าวอี่ขอรับ? อ๋าวอี่ยินดีที่จะทำงานให้พี่ชาย! ”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเพียงแค่กำลังมองหาบางอย่าง”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางส่ายศีรษะและถามว่า “เจ้ามาที่นี่ มีเรื่องสำคัญอันใดหรือไม่?”

“ไม่สำคัญหรอกขอรับ” อ๋าวอี่รีบกล่าวว่า “เป็นเพียงว่าท่านลุงฉินหว่านมาพบข้าที่เกาะเต่าทอง และขอให้ข้าช่วยเชิญพี่ชายไปร่วมงานเลี้ยงที่เกาะเต่าทองจะได้หรือไม่ขอรับ?

ในช่วงเวลาสามวัน หนึ่งอาจารย์ป้าและหนึ่งอาจารย์ลุงเซียนจินทั้งสองคนบนเกาะเต่าทอง ได้กลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า และทุกคนจึงอยากใช้โอกาสนี้เพื่อความรื่นเริงสนุกสนานกันขอรับ”

“ข้าไปไม่ได้” หลี่ฉางโซ่วยิ้มพลางส่ายศีรษะและกล่าวว่า “หลังจากนี้ ข้าจะส่งคนไปที่เมืองอันสุ่ยและจะเตรียมของขวัญให้เจ้าช่วยส่งมันไปให้ข้าได้”

“ได้ขอรับ” อ๋าวอี่พยักหน้าตกลงทันที แล้วมองหลี่ฉางโซ่วอย่างห่วงใย “พี่ชาย หากท่านมีเรื่องอันใดต้องทำ โปรดบอกน้องชายของท่านด้วยเถิดขอรับ!”

“ไม่ต้องห่วง” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางยกมือขึ้นตบไหล่อ๋าวอี่

อ๋าวอี่รู้ว่าเขากำลังติดตามศิษย์ของสำนักตู้เซียนคนหนึ่ง และความจริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะใช้มือของอ๋าวอี่ให้ช่วยระดมปรมาจารย์เผ่ามังกรเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานในเมืองซื่อเถี่ย

แต่ช่วงนี้ เผ่ามังกรมีปัญหาวุ่นวายหลายเรื่องมากเกินไป เขาจึงต้องแบ่งเบาภาระให้พวกเขาน้อยลง

และด้วยความคิดเหล่านี้เข้ามาในใจของเขา หลี่ฉางโซ่วจึงยิ้มพลางและกล่าวว่า “เช่นนั้น ข้าจะไม่ขอเกรงใจเจ้าแล้ว”

จากนั้น อ๋าวอี่ก็ฉีกยิ้มบานแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

มีงานรื่นเริงที่เกาะเต่าทอง…

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้น จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ ต่อเรื่องสำคัญต่างๆ ที่เขาต้องทำ

เขาต้องเตรียมการสู้รบต่อไป!

ดังนั้น สามวันต่อมา…

ในราวเวลาครึ่งชั่วยามก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะพร้อมต่อสู้

ในขณะนั้น บนเกาะเต่าทอง มีคนจำนวนมากมายมหาศาลมารวมตัวกันทั้งภายในและภายนอกห้องโถง

ที่มุมหนึ่งของห้องโถง เทพธิดาหั่วหลิงที่สวมมงกุฎทองคำ กำลังขมวดคิ้วอยู่ที่ที่นั่งหลักซึ่งว่างอยู่ตรงกลางห้องโถง

เทพธิดาจินกวงที่สวมชุดกระโปรงสั้น รีบเดินจากด้านข้างมาอย่างรวดเร็วแล้วถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ใหญ่อยู่ที่ใด ไฉนเขายังไม่มาอีก ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้มากับท่านด้วยหรือ?”

เทพธิดาหั่วหลิงอดจะตบหน้าผากของนางไม่ได้

“เมื่อครู่นี้ เขาบอกว่าได้กลิ่นว่า มีสมบัติกำลังจะถือกำเนิดขึ้น ก็เลยตื่นเต้น อยากไปดูกัน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้ เขาไปที่ใด”

“อืม” เทพธิดาจินกวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ข้าเคยพูดในสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านี้แล้วและศิษย์พี่ใหญ่เต๋าเป่าก็มาที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานให้กับทั้งสองคนด้วย…แล้วพวกเราควรจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี?”

“เหตุใดเราไม่เชิญศิษย์พี่ใหญ่มาอีกคนหนึ่งเล่า?”

“เราไปที่วังปี้โหยวไม่ได้…เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร?” เทพธิดาจินกวงรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะเชิญพี่น้องบุญธรรมสองคนไปที่เกาะซานเซียนที่ใกล้ที่สุดด้วยกัน เพื่อดูว่าจะสามารถเชิญหนึ่งในศิษย์พี่หญิงทั้งสามคนมาได้หรือไม่?”

เทพธิดาหั่วหลิงดูรู้สึกผิดเล็กน้อย “ให้ข้าไปที่นั่นด้วยเถิด อาจารย์ของข้าจริงจังมากนะ…”

“เฮ้อ”

เทพธิดาทั้งสองต่างมองหน้ากัน และแต่ละคนก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจและยิ้มแหยออกมา

………………………………………………………………..

[1] มีอีกนัยคือ ในทำนองสวมหมากเขียวที่ถูกคู่ของตนคบชู้

[2] มีท่าทางแย้มยิ้ม เต็มไปด้วยความสุขสำราญใจ