ตอนที่ 1101 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (3) / ตอนที่ 1102 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (4)
ตอนที่ 1101 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (3)
“ข้าอยากเจอนาง! เดี๋ยวนี้!” ชวีเหวินเฮ่าไม่ยอมอ่อนข้อให้ เขาจ้องชวีซินรุ่ยอย่างแค้นเคือง
ชวีซินรุ่ยหรี่ตาลงอย่างน่ากลัวแต่ไม่พูดอะไร
“ข้าอยากเจอนาง!” ชวีเหวินเฮ่าตวาดอีกครั้ง
“ฮูหยินตายแล้ว…” สตรีนางนั้นพูดอีกครั้งพลางร่ำไห้
ชวีเหวินเฮ่ากระอักโลหิตออกมาราวกับว่าเขาโดนโจมตีอย่างแรง!
เมื่อก่อนตอนที่ชวีซินรุ่ยไม่ยอมให้เขาพบกับฮูหยินเลย ชวีเหวินเฮ่าก็เคยเดาในทำนองนี้เอาไว้แล้ว คนอื่นๆ กลับมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ มีแต่ฮูหยินของเขาที่ถูกปฏิเสธ ชวีซินรุ่ยมักจะมีข้อแก้ตัวเสมอ และเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมเชื่อนาง
เขาได้ฟังข่าวฮูหยินของเขาจากปากคำของคนที่กลับมาบ้างไม่มากก็น้อย และนั่นเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมเขาได้มากที่สุด
พอมีสตรีวัยกลางคนนางนั้นพูดนำขึ้นมา สตรีนางอื่นๆ ที่เคยนำข่าวฮูหยินกลับมาบอกก็รวบรวมความกล้าพูดความจริงออกมาบ้าง
ปีแรกๆ ที่ฮูหยินถูกจับไปนั้น นางป่วยหนักอย่างกะทันหันในคุกใต้ดินที่เปียกชื้นและหนาวเย็น และชวีซินรุ่ยก็ไม่ยอมให้ใครมารักษานางเลย แต่กลับโยนนางไปไว้ในกรงขังที่สกปรกที่สุดและปล่อยให้นางตายในนั้นโดยไม่คิดจะส่งอาหารให้นางกินในช่วงสุดท้ายด้วยซ้ำ
เมื่อขาดอาหารและน้ำแถมยังป่วยหนัก ฮูหยินที่ได้แต่ใช้น้ำสกปรกที่พบในคุกใต้ดินประทังชีวิตจึงไม่สามารถมีชีวิตรอดได้นาน
ตอนที่นางตายนั้นนางเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกจากความหิวโหยและความทรมานจากอาการเจ็บป่วย ศพของนางดูไม่เหมือนมนุษย์ด้วยซ้ำ ชวีซินรุ่ยโยนศพนางทิ้งไว้ในป่าเพื่อให้พวกสัตว์ป่าฉีกทึ้งกินศพของนาง…
ชวีเหวินเฮ่าตกตะลึง เสียงร้องไห้ของพวกสตรีเป็นเหมือนมีดอันแหลมคมที่หั่นเศษเสี้ยวความหวังอันน้อยนิดในใจเขาให้แหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
ฮูหยินของเขาเป็นรักแรกจากวัยเด็กของเขา พวกเขารักกันมาตลอดและในที่สุดก็มีบุตรีที่มาจากความรักของพวกเขา แต่ความฝันอันสมบูรณ์แบบนั้นก็แหลกสลายตั้งแต่วันที่ชวีซินรุ่ยมาที่เมืองพันอสูร…
เขาใช้ชีวิตอย่างอัปยศอดสูมานานหลายปี ยอมอ่อนข้อและทำการเสียสละ ทั้งหมดก็เพื่อความหวังที่ครอบครัวของเขาจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง
แต่สิ่งที่เขาได้ยินมาตลอดหลายปีนี้เป็นเพียงคำโกหกที่ชวีซินรุ่ยสั่งให้บอกเขาเท่านั้น…
“ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆ!” ทันใดนั้นชวีเหวินเฮ่าก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะนั้นน่ากลัวสำหรับทุกคนที่ได้ยินเป็นอย่างมาก ฮูหยินของเขาตายแล้ว บุตรีก็ถูกกระทำย่ำยีอย่างโหดร้าย แล้วสิ่งที่น่าหัวเราะที่สุดก็คือเขาดันซื่อไปหลงเชื่อว่าตราบใดที่เขาทำตามที่ชวีซินรุ่ยสั่ง นางจะปล่อยพวกเขา…
เสียงหัวเราะแห่งความเจ็บปวดนั้นดังก้องสะท้อนอยู่ในอากาศ ชวีเหวินเฮ่าหลั่งน้ำตาออกมาเป็นโลหิตราวกับไหลออกมาจากก้นบึ้งของจิตวิญญาณ…
“กลายเป็นว่า…ข้าเป็นตัวตลก…ที่น่าขำที่สุดในโลก…ฮ่าๆ…เจ้าเมือง…ฮ่าๆๆ!” ชวีเหวินเฮ่าหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับฟังดูน่าสงสารมากกว่าเสียงร้องไห้ใดๆ ที่พวกเขาเคยได้ยิน
เพื่อฮูหยิน เขายอมกลายเป็นหุ่นเชิด เพื่อบุตรี เขายอมละทิ้งคุณธรรม ทรยศความไว้ใจ กลายเป็นคนชั่วช้าเลวทราม…
และสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถปกป้องอะไรไว้ได้เลย ชีวิตของเขาทั้งชีวิตเป็นแค่เรื่องตลกน่าหัวเราะที่สุดในโลก!
ชวีเหวินเฮ่าเสียสติไปแล้ว เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะจนสำลัก เสียงหัวเราะของเขาฟังเสียดหูของชวีซินรุ่ยยิ่งนัก
เสิ่นฉือเดินผ่านชวีเหวินเฮ่าตรงไปยังพวกสตรีที่กำลังหวาดกลัว!
ตอนที่ 1102 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (4)
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่น่าสงสารและน่าปวดใจของชวีเหวินเฮ่า ชาวเมืองที่ถูกกดขี่ข่มเหงมานานหลายปีพลันรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา!
ไม่ว่าสตรีพวกนั้นจะเป็นคนในครอบครัวของพวกเขาหรือไม่ก็ตาม ชาวเมืองทุกคนก็ก้าวออกมายืนข้างหน้าพวกสตรีกลายเป็นกำแพงมนุษย์ที่ขวางกั้นพวกสตรีที่ต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปีเอาไว้เบื้องหลัง!
เสิ่นฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองชาวเมืองกลุ่มใหญ่ที่ยืนขวางทางเขา รอยยิ้มของเขาจางหายไปช้าๆ ดวงตาทอประกายน่ากลัว
“พวกเจ้าจะทำอะไร” เสิ่นฉือถามพลางเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา
“เราจะไม่ยอมให้เจ้าจับพวกนางกลับไป! พวกนางเป็นคนของเมืองพันอสูร! พวกเรามีหน้าที่ปกป้องพวกนางไม่ให้พวกนางถูกทำร้าย!” ชายร่างสูงคนหนึ่งรวบรวมความกล้าตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
เสิ่นฉือหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วต่อยเข้าใส่หน้าอกของชายคนนั้น พลังวิญญาณขั้นสีม่วงปกคลุมหมัดของเขา การโจมตีที่รุนแรงเพียงครั้งเดียวทะลวงหน้าอกของชายคนนั้นทันที!
เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นที่ร่างของชายคนนั้น เขาหมดลมหายใจทันที ร่างสูงของเขาล้มลงบนกองโลหิตสีแดงที่พื้น!
“มีใครอยากตายอีกหรือไม่” เสิ่นฉือถามพลางหรี่ตาลง พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของเขาปกคลุมไปทั่วร่าง สายตาคมกริบกวาดมองผู้คนรอบๆ แววตาอำมหิตน่ากลัวเห็นได้อย่างชัดเจน
แต่ทว่า…
ทุกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าไม่ยอมให้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงทำให้ตัวเองกลายเป็นคนขี้ขลาดอีกแล้ว
พวกเขาทนกันมาหลายปีแล้ว แล้วพวกเขาได้อะไรบ้าง ความอัปยศตลอดหลายปีมานี้ทำให้พวกเขาไม่อาจนิ่งเงียบได้อีกแล้ว ความโหดร้ายของชวีซินรุ่ยทำให้พวกเขาตระหนักชัดว่าต่อให้พวกเขายอมเป็นหุ่นเชิดของนางต่อไป พวกเขาก็ไม่สามารถปกป้องครอบครัวของพวกเขาได้อยู่ดี
ต่อหน้าปีศาจร้ายเลือดเย็นเช่นนั้น พวกชาวเมืองไม่ยอมหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว!
พวกชาวเมืองที่ได้เจอกับครอบครัวตัวเองอีกครั้งต่างยืนกรานหนักแน่นว่าจะไม่ยอมผลักฮูหยินและมารดาของตัวเองกลับเข้าสู่กองไฟอีกเด็ดขาด!
พวกเขาเลือกนิ่งเงียบยอมจำนนมาตลอดหลายปี แต่ตอนนี้พวกเขาจะไม่ทำตัวขี้ขลาดแบบนั้นอีก!
“ถ้าพวกเจ้าเก่งจริงก็ฆ่าพวกเราให้หมดเลยสิ! วันนี้! เราจะไม่ยอมให้พวกเจ้าเอาตัวใครไปจากเมืองพันอสูรอีกแม้แต่คนเดียว!” ทันใดนั้นสยงป้าก็เดินออกมาจากฝูงชน เขายืนอยู่หน้าทุกคนพร้อมกับจ้องมองไปที่เสิ่นฉือ
เขาเคยละทิ้งพันธมิตร เคยเป็นคนอ่อนแอ แต่วันนี้เขาจะไม่ยอมมีชีวิตอยู่อย่างอัปยศอดสูอีก!
ตายอย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างคนขลาด!
ใบหน้าของชวีซินรุ่ยบิดเบี้ยวด้วยโทสะ การขัดขืนของเมืองพันอสูรทั้งเมืองทำให้นางโกรธมาก
“ดีมาก! พวกเจ้าทุกคนจะต่อต้านข้าใช่หรือไม่ อย่างนั้นก็ตายกันให้หมด! ทุกคนฟังข้าให้ดี! วันนี้ข้าจะฝังเมืองนี้ทั้งเมืองให้จมดิน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะทำให้คำว่าเมืองพันอสูรหายไปจากแผ่นดินนี้!”
ชวีซินรุ่ยโกรธจัดจนระเบิด พลังวิญญาณขั้นสีม่วงส่องสว่างออกจากร่างของนาง บุรุษอีกสองคนที่มาจากตำหนักหวนจิตก็ปล่อยพลังวิญญาณออกมาด้วย พลังวิญญาณขั้นสีม่วงอันแข็งแกร่งทำให้อากาศโดยรอบหนักอึ้ง รังสีกดดันที่เกินจินตนาการทำให้ชาวเมืองหลายคนหายใจไม่ออกและเจ็บปวดไปทั่วร่าง แต่พวกเขาก็กัดฟันสู้โดยไม่ยอมจำนนอีก!
พวกเขาพอแล้วกับการมีชีวิตอยู่มาหลายปีโดยไม่มีจุดหมาย!
นี่เป็นการแสดงถึงศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจครั้งสุดท้ายของพวกเขา พวกเขายอมสู้ตายดีกว่ายอมจำนน!
พลังกดดันอันแข็งแกร่งเป็นเหมือนมือที่กำรอบคอของทุกคนเอาไว้ เหงื่อไหลชุ่มร่างของพวกเขา ทุกคนในเมืองพันอสูรต่างพบว่าตัวเองหายใจไม่ออก!
“ก่อนที่เจ้าจะฆ่าล้างเมือง มาชำระหนี้แค้นระหว่างเราก่อนดีกว่า” ทันใดนั้น! เสียงใสเย็นชาก็ดังขึ้นที่บนกำแพงเมือง!