บทที่ 593 นั่งเครื่องบิน

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 593 นั่งเครื่องบิน

บทที่ 593 นั่งเครื่องบิน

“สิ่งที่พี่เฉิงพูดนั้นสมเหตุสมผล!” ฝูงชนพยักหน้าเล็กน้อย ท้ายที่สุด นายน้อยของพวกเขาเป็นคนฆ่าทั้งหงจงและฉู่เทียนเซิง

ในสายตาของพวกเขา นายน้อยมีพลังมหาศาล ไม่มีทางที่เขาจะถูกลักพาตัวไปโดยชายชราสองคน

เฉิงโซวผิงปลื้มใจในทันทีเมื่อเขาได้ยินฝูงชนเรียกเขาว่า ‘พี่เฉิง’ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความเคารพ

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายน้อย ดังนั้นเขาต้องเกาะแข้งเกาะขานายน้อยของเขาให้แน่นที่สุด!

ใครกล้าทำลายชื่อเสียงของนายน้อยด้วยการบอกว่าเขาถูกลักพาตัวไป?! ข้าต้องจัดการข่าวลือแย่ ๆ พวกนี้ทันที!

โจวหลูจวิ้นดึงเฉิงโซวผิงไปด้านข้าง สีหน้าของเขามืดมน “เจ้าแน่ใจเหรอว่านายน้อยวางแผนเอาไว้แบบนี้ ผู้อาวุโสสองคนนั้นอย่างน้อยก็อยู่ในระดับที่เก้า”

“ระดับเก้า?” เฉิงโซวผิงตกใจ “นั่นสูงกว่าการบ่มเพาะของนายน้อยหรือเปล่า?”

“แน่นอน!” เฟิงต้าหนิวพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “ทุกคนรู้ว่าผู้บ่มเพาะระดับเก้าสามารถบินทะยานสู่ท้องฟ้าได้ ผู้อาวุโสสองคนนั้นบินหนีไปพร้อมกับลากนายน้อยไปด้วย ทำไมเจ้าถึงขาดความรู้ทั่วไปเช่นนี้???”

“น…แน่นอนว่า ข้ารู้อยู่แล้ว!” เฉิงโซวผิงตะโกนอย่างดื้อรั้น แต่ข้างในเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาเริ่มสวดอ้อนวอนต่อสวรรค์เพื่อให้นายน้อยของเขาปลอดภัย หากมีอะไรเกิดขึ้น อนาคตของเขาที่จะก้าวหน้าในตระกูลฉู่จะสูญสลายกลายเป็นควัน!

ซูอันพบว่าตัวเองถูกอุ้มลอยขึ้นไปในอากาศ หมู่เรือนด้านล่างมีขนาดเล็กลงและเล็กลง เขากลืนน้ำลายและพูดว่า “พวกท่านจะสู้กันก็สู้กันไปเซ่! ทำไมต้องลากข้าเข้ามามีส่วนร่วมด้วย!!!”

แต่ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดปาก ลมก็โกรกเข้าไปในลำคอของเขาจนคำพูดของเขากลายเป็นแทบฟังไม่รู้เรื่อง

ผู้เฒ่ามี่พึมพำ “เจ้าเองก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วย เจ้าเลยแค่ยืนดูเฉย ๆ ไม่ได้!”

“เกี่ยวอะไรกับข้า?!” จากนั้นซูอันก็นึกขึ้นได้ เพราะเขาเองก็รู้จักวิชาวัฏจักรหงส์อมตะด้วย บางทีเรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเช่นกัน “อุ้มข้าไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ข้าไม่อยากร่วงลงไป!”

ผู้เฒ่ามี่ยิ้มอย่างไม่จริงใจ “อย่ากังวล ถ้าเจ้าร่วงลงไป อย่างมากก็แค่พิการ แต่การบ่มเพาะของเจ้าน่าจะก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น”

ซูอันไม่รู้สึกขบขัน

ชายหนุ่มรู้ว่าวิชาวัฏจักรหงส์อมตะต้องบ่มเพาะผ่านความเจ็บปวด แต่เขาไม่ต้องการหล่นจากท้องฟ้าเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา!

เสียงของเว่ยต้านดังมาจากด้านหลัง “อิ๋งน้อย ข้าแปลกใจที่เจ้าสังเกตเห็นเด็กคนนี้ด้วย ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่นั่น”

ผู้เฒ่ามี่หัวเราะ “ข้ามีวิธีของข้า”

ซูอันตกตะลึง เขาคิดว่าความแตกต่างในการบ่มเพาะทำให้วิชาบังบดเร้นซ่อนไม่ได้ผล แต่คำพูดของเว่ยต้านเพิ่งพิสูจน์ว่าความคิดของเขาผิด

ผู้เฒ่ามี่สังเกตเห็นข้าได้ยังไง?

“ข้าเดาว่าเจ้าคงทิ้งรอยประทับวิญญาณไว้บนตัวเขา” เว่ยต้านถอนหายใจ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสนใจเด็กคนนี้ขนาดนี้จริง ๆ เจ้าส่งต่อวิชาวัฏจักรหงส์อมตะให้เขาด้วยหรือเปล่า?”

ผู้เฒ่ามี่ไม่ตอบ หัวใจของซูอันเริ่มเต้นแรง

และโดยไม่คาดคิด เว่ยต้านสามารถจับสังเกตได้จากเสียงหัวใจของซูอันที่เต้นแรง เขาถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดัง

“อย่างที่คาดไว้จริง ๆ เฮ้อ…เรื่องคงไม่บานปลายขนาดนี้ถ้าข้าคงเลือกสอบปากคำเขาตั้งแต่แรก!”

ผู้เฒ่ามี่พึมพำ “ตอนนี้สายเกินไปแล้วที่จะเสียใจ”

“ยังไม่สาย ข้าจะจับเจ้าทั้งคู่มาสอบปากคำ” เว่ยต้านยิ้ม “แม้ปากของเจ้าจะปิดสนิท แต่เด็กคนนี้น่าจะรับมือได้ไม่ยาก”

ซูอันไม่ชอบการถูกปฏิบัติราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ล่องหน “ท่านสองคนค่อยคุยกันหลังจากลงพื้นแล้วไม่ได้เหรอ หรือว่าพวกท่านชอบอากาศบนนี้เป็นพิเศษหรืออะไรทำนองนั้น??”

ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นต่ำกว่าชายชราสองคนมาก ซูอันน้อยเริ่มหดตัวจากความหนาวเย็น

“เจ้าเด็กคนนี้กลัวงั้นเรอะ?” เว่ยต้านถามอย่างหยอกล้อ “แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันเป็นเรื่องปกติที่คนธรรมดาจะรู้สึกกลัวในครั้งแรกที่พวกเขาบินสูงขนาดนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องอายหรอก”

ซูอันไม่ประทับใจในการบินครั้งแรกนี้เลย

“ท่านคิดว่าระดับความสูงเพียงเล็กน้อยนี้ทำให้ข้ากลัวเหรอ? ข้าเคยบินขึ้นไปสามพันจั้งโดยไม่ต้องแม้แต่จะยกนิ้วขึ้น!

“สามพันจั้ง?!*[1]”

ทั้งเว่ยต้านและผู้เฒ่ามี่ต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินตัวเลขนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาสลัดความตกใจออกอย่างรวดเร็ว ผู้เฒ่ามี่โกรธมากจนเกือบจะปล่อยซูอันให้ร่วงลงไป “ไอ้เด็กเวร ถ้าเจ้ายังไม่หยุดโม้ข้าจะปล่อยเจ้าลงไป!”

ท่านยั่วยุมี่เหลียนอิ๋งสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!

เว่ยต้านแสดงสีหน้าเห็นใจผู้เฒ่ามี่ “อิ๋งน้อย ทำไมเจ้าถึงเลือกเด็กที่ไร้ยางอายเช่นนี้ให้เป็นผู้สืบทอดของเจ้า?”

ท่านยั่วยุเว่ยต้านสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 666!

นี่มันเรื่องตลกชัด ๆ ยิ่งบินสูง ลมก็ยิ่งแรง แม้แต่จักรพรรดิที่เป็นผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งนี้ก็ยังไม่สามารถบินได้สูงขนาดนั้น นับประสาอะไรกับไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้!

ซูอันเบ้ปาก “พวกท่านย่อมไม่รู้ว่าข้าทำอะไรได้บ้าง ไม่ต่างอะไรกับแมลงฤดูร้อนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฤดูหนาว!”

เขาไม่ได้โกหกจริง ๆ เครื่องบินทุกลำในโลกก่อนหน้าของเขาบินไปที่ระดับความสูงนั้น

เว่ยต้านไม่สนใจซูอันอีกต่อไป เขาปล่อยให้ซูอันยืนกรานเรื่องไร้สาระต่อไปและกลับมาสนใจผู้เฒ่ามี่ต่อ “อิ๋งน้อย ข้าอยากรู้บางอย่าง ทำไมเจ้ายังไม่ใช้วิชาวัฏจักรหงส์อมตะอีก?”

นี่คือสิ่งที่รบกวนใจของซูอันเช่นกัน เขาเองก็สงสัยว่าทำไมผู้เฒ่ามี่ไม่ใช้ จ้าววายุ ทักษะนกเป็ดน้ำสีคราม หรือทักษะอื่น ๆ ไม่ว่าผู้เฒ่ามี่จะฝึกฝนช้าแค่ไหนก็ไม่มีทางแย่กว่าข้าใช่ไหม?

เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าระดับที่สูงขึ้นของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะเป็นอย่างไร หรือทักษะใหม่ ๆ ที่ตัวเองจะได้รับคืออะไร

ผู้เฒ่ามี่ยังคงเงียบ เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจที่จะไม่ตอบคำถามนี้

เว่ยต้านดูเหมือนจะไม่สนใจ เขาเริ่มพูดกับตัวเอง “หลายปีแล้วที่เราไม่ได้พบเจอกัน การบ่มเพาะของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่นั้นมา ซึ่งน่าจะเป็นเพราะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่สามารถย่นระยะช่องว่างระหว่างเราสองคนได้เร็วขนาดนี้ แต่ข้าไม่คิดว่านั่นคือความวิเศษทั้งหมดที่วิชาวัฏจักรหงส์อมตะมี”

ในที่สุด ผู้เฒ่ามี่ก็พูดขึ้น “วิชาวัฏจักรหงส์อมตะแสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลก ฉะนั้นมันจึงไม่เหมาะกับคนที่ร่างกายไม่สมบูรณ์เช่นเจ้าและข้า มันช่วยเพียงแค่เร่งให้บ่มเพาะได้รวดเร็วกว่าเดิม แต่ข้าไม่มีวันบรรลุถึงจุดสุดยอดของเคล็ดวิชาได้”

เว่ยต้านขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาเข้าใจดีว่าร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของขันทีมักส่งผลเสียต่อการบ่มเพาะ เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่าขันทีไม่สามารถดึงอำนาจของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะออกมาได้อย่างเต็มที่ไม่ต่างไปจากวิชาอื่น ๆ

จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ เขามองไปที่ซูอันในอ้อมแขนของผู้เฒ่ามี่ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงให้ความสำคัญกับไอ้เด็กนั่นขนาดนี้ ตามข่าวลือ ที่ผ่านมามันเป็นแค่ขยะที่ไร้ค่า แต่เมื่อไม่นานมานี้จู่ ๆ มันกลับฉายแสงกลายเป็นคนโด่งดังแถมยังสามารถบ่มเพาะได้อีกต่างหาก สาเหตุที่มันบ่มเพาะได้ขึ้นมานี้คงเป็นเพราะฤทธิ์ของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ!”

[1] 7,500 เมตร ตัวเอกหมายถึงนั่งเครื่องบิน