ตอนที่ 543 ยังมีชีวิตอยู่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 543 ยังมีชีวิตอยู่

ท่ามกลางเปลวไฟที่สะบัดพลิ้วอยู่ในตะเกียง เซียวหรงเหยี่ยนหวนนึกถึงเพลงดาบของแม่ทัพหน้ากากผี ชายหนุ่มรู้สึกชื่นชมในฝีมือของแม่ทัพผู้นั้นยิ่งนัก

เซียวหรงเหยี่ยนเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน กล่าวขึ้น “เพลงดาบดุดันและเด็ดขาด ปลายคมของดาบชี้ไปทางใดล้วนปลิดชีวิตศัตรูได้อย่างแม่นยำ หากไม่ใช่คนที่ฝึกฝนเพลงดาบมายาวนานกว่าสิบปี ไม่มีทางใช้ดาบเช่นนี้ได้แน่ ที่สำคัญเขายังยิงธนูได้แม่นยำไม่แพ้เจ้าเลย”

ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น สมองปรากฏภาพของแม่ทัพหน้ากากผีขึ้นอีกครั้ง ร่างที่สวมชุดเกราะสีเงินนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทีองอาจร่างนั้นค่อยๆ ทับซ้อนกับร่างของอาอวี๋

ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนซีดเผือด ชาวาบไปครึ่งร่าง

อาอวี๋…

เซียวหรงเหยี่ยนเห็นใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนซีดเผือดก็ตกใจจนรีบหยัดแผ่นหลังตรง “เจ้าเป็นอันใดไป ได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ!”

ไป๋ชิงเหยียนได้สติจึงส่ายหน้าเบาๆ พยายามควบคุมสติให้นิ่ง หากแม่ทัพหน้ากากผีผู้นั้นคืออาอวี๋จริงๆ…ไป๋ชิงเหยียนจะก้มกราบสวรรค์ที่เมตตาไว้ชีวิตน้องชายของนาง

นางเชื่อว่าหากอาอวี๋รู้ว่านางมาเติงโจว เขาต้องหาทางติดต่อนางอย่างแน่นอน

หากอาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะทนเห็นพี่สาวและมารดาของเขาเสียใจได้อย่างไรกัน

บัดนี้นางอยู่ที่เติงโจว ไม่ได้อยู่ไกลถึงซั่วหยางจนเขาไม่อาจส่งสารบอกนางได้

เดิมทีไป๋ชิงเหยียนตั้งใจว่าจะเดินทางกลับซั่วหยางโดยเร็วที่สุด ทว่า บัดนี้ไป๋ชิงเหยียนอยากอยู่นี่ที่ต่ออีกสักระยะ หากอาอวี๋ไม่ติดต่อมาหานาง นางจะลอบบุกเข้าไปพบแม่ทัพหน้ากากผีผู้นั้นเอง

ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยน “เซียวเซียนเซิงพักรักษาตัวให้เต็มที่นะเจ้าคะ”

“คุณหนูใหญ่ไป๋!” เซียวหรงเหยี่ยนลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ทว่า ประตูยังเปิดอ้าอยู่ เขาจึงไม่ได้ทำสิ่งใดเกินเลย ทำเพียงเอ่ยเสียงแผ่วเบา “วันนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่”

“ขอบพระคุณเซียวเซียนเซิงที่ห่วงใย ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนก้มศีรษะให้เซียวหรงเหยี่ยนเล็กน้อย จากนั้นประคองมือของชุนเถาก้าวออกไปจากประตูด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

เซียวหรงเหยี่ยนยืนมองแผ่นหลังของไป๋ชิงเหยียนเดินจากไปอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น เขากลัวว่าไป๋ชิงเหยียนจะได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ยอมบอกให้เขารู้ ทว่า จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เขาเอ่ยถึงแม่ทัพหน้ากากผีของหนานหรงผู้นั้น ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนซีดเผือดลงทันที

เขาไม่เคยเห็นไป๋ชิงเหยียนเสียอาการเช่นนี้มาก่อน

คิ้วที่ขมวดยุ่งของเซียวหรงเหยี่ยนค่อยๆ คลายออก หรือว่าไป๋ชิงเหยียนสงสัยว่าแม่ทัพหน้ากากผีจะเป็นคุณชายคนใดคนหนึ่งของตระกูลไป๋กันนะ

ไป๋ชิงเหยียนก้าวผ่านประตูเรือน เงยหน้ามองแสงจันทร์บนท้องฟ้าที่สว่างไสวราวกับหยก ดวงตาร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่อยู่

นางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าแม่ทัพหน้ากากผีผู้นั้นคืออาอวี๋

อาอวี๋น้องชายของนาง…ยังมีชีวิตอยู่!

แม่ทัพหน้ากากผีผู้นั้นคืออาอวี๋อย่างแน่นอน!

“คุณหนูใหญ่!” ชุนเถามองไป๋ชิงเหยียนที่น้ำตาไหลอาบหน้าอย่างตกใจ โทสะเดือดดาลขึ้นทันที “เซียวเซียนเซิงล่วงเกินคุณหนูหรือเจ้าคะ!”

จนถึงบัดนี้ชุนเถาก็ยังไม่เคยลืมเรื่องที่เซียวหรงเหยี่ยนบุกเข้าไปในห้องนอนของไป๋ชิงเหยียนยามวิกาล นางรู้สึกว่าเซียวเซียนเซิงผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ผู้นี้เสียมารยาทกับคุณหนูใหญ่ของนางมากเกินไปแล้ว!

“ชุนเถา ข้าดีใจต่างหาก!” ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ

ไม่มีข่าวใดที่จะทำให้นางดีใจไปมากกว่าข่าวที่อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว!

ไป๋ชิงเหยียนเคยคิดนับครั้งไม่ถ้วนว่าหากนางสามารถแลกชีวิตของนางกับการให้อาอวี๋ฟื้นขึ้นมาได้ นางยินดีทำเป็นอย่างยิ่ง

มีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว…

ชุนเถางุนงง ทว่า เมื่อเห็นใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชุนเถาจึงตัดสินใจไม่ถูกว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ไปกับหญิงสาวดี

ไป๋ชิงเหยียนมองดูใบหน้าของชุนเถา ลำคอของหญิงร้อนผ่าว เอื้อมมือไปเขกศีรษะของชุนเถาเบาๆ จากนั้นกล่าวขึ้น “รีบไปตามลุงผิงมาพบข้าที่ศาลาหูซิน ข้ามีเรื่องให้เขาไปจัดการโดยด่วนที่สุด!”

ชุนเถารับคำแล้ววิ่งไปตามหาหลูผิง

ไป๋ชิงเหยียนพยายามควบคุมสติของตัวเองให้สงบลง รอให้อาอวี๋ติดต่อมาหานาง ทว่า อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ นางจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างไรกัน!

หากอาอวี๋ถูกกักขัง ไม่อาจติดต่อมาหานางหรือมาพบนางได้เล่า!

ไป๋ชิงเหยียนตัดสินใจแล้วว่าจะให้หลูผิงพาคนปลอมกายเข้าไปหาแม่ทัพหน้ากากผีในหนานหรงก่อน ให้หลูผิงใช้สัญญาณกู่เซ่าหยั่งเชิงว่าคนผู้นั้นใช่อาอวี๋หรือไม่ เขาถูกคนจับตาดูจนไม่อาจส่งสารใดๆ หรือปลีกตัวมาหานางไม่ได้ใช่หรือไม่

หลูผิงเพิ่งทำแผลเสร็จ ได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการพบเขา หลูผิงจึงรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เดินถือโคมไฟไปยังศาลาหูซินพร้อมกับชุนเถาและสาวใช้ตระกูลต่ง

หลูผิงเห็นไป๋ชิงเหยียนยืนก้มหน้าใช้ความคิดอยู่ใต้แสงไฟในศาลาหูซิน หลูผิงยื่นโคมไฟให้ชุนเถา จากนั้นสาวเท้าไปหาไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว ทำความเคารพหญิงสาว “คุณหนูใหญ่!”

ไป๋ชิงเหยียนได้สติ หันกลับไปหาหลูผิง “ลุงผิง ข้ามีเรื่องที่สำคัญมากอยากให้ลุงผิงไปจัดการ”

“คุณหนูใหญ่สั่งมาได้เลยขอรับ หลูผิงจะทำสุดความสามารถขอรับ!” หลูผิงหยัดกายขึ้น มองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยสีหน้าจริงจัง

ฝ่ามือของไป๋ชิงเหยียนมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย หญิงสาวกำหมัดแน่นพลางเดินเข้าไปใกล้หลูผิง ก้มหน้ากระซิบข้างใบหูของหลูผิงเสียงเบาหวิว “ลุงผิงช่วยพาคนปลอมกายเข้าไปหาแม่ทัพหน้ากากผีในหนานหรงที เมื่อพบเขาให้ส่งสัญญาณกู่เซ่าบอกเขาว่า…พี่หญิงรอเขากลับมาอย่างปลอดภัย”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ น้ำตาไหลพรากออกมาจากขอบตา

หลูผิงหันไปมองไป๋ชิงเหยียนอย่างตกตะลึง ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดก็ถูกไป๋ชิงเหยียนจับข้อมือไว้แน่นเสียก่อน “จงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ!”

ลำคอของหลูผิงร้อนผ่าว มองดูไป๋ชิงเหยียนที่กัดฟันกรอด น้ำตาไหลอาบใบหน้าก็รู้ทันทีว่าหญิงสาวไม่ได้โกหก ดวงตาของหลูผิงแดงฉาน ร่างทั้งร่างเกร็งแน่นด้วยความตื่นเต้น “คุณหนูใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ! หลูผิงจะออกเดินทางบัดเดี๋ยวนี้ หากเป็นคุณชายตระกูลไป๋จริง ต่อให้แลกด้วยชีวิตหลูผิงก็จะพาเขากลับมาให้ได้ขอรับ!”

สำหรับหลูผิงแล้ว ไม่ว่าเป็นคุณชายคนใดของตระกูลไป๋ก็ล้วนเป็นเรื่องที่น่ายินดีทั้งสิ้น

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า หลูผิงทำความเคารพหญิงสาวเสร็จก็ออกเดินทางทันที

มองส่งหลูผิงจากไป ไป๋ชิงเหยียนยังยืนอยู่กลางศาลาหูซิน โคมไฟแขวนประดับอยู่สี่มุมของศาลา แมลงเม่าบินเข้าไปเล่นไฟ ไป๋ชิงเหยียนมองดูทะเลสาบที่มีแสงสะท้อนจากโคมไฟ ใช้มือปาดน้ำตาบนใบหน้าออก พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง

นางเคยรับปากอาอวี๋ว่าจะหาดาบดีๆ ให้เขาสักเล่ม ดูเหมือนว่าบัดนี้นางคงต้องเริ่มเฟ้นหาดาบนั้นแล้ว วันที่อาอวี๋กลับมา นางจะมอบดาบเล่มนั้นให้เขาด้วยตัวเองดั่งที่เคยรับปากกับเขาไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว

อารมณ์ที่สงบลงของไป๋ชิงเหยียนพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง น้ำตาไหลพราก

ตั้งแต่ที่บุรุษตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้นที่หนานเจียง หญิงสาวฝืนประคองสติของตัวเองไว้ตลอดเวลา ไม่กล้าเสียใจและไม่มีเวลาเสียใจ ได้แต่กัดฟันอดทน คิดหาวิธีปกป้องตระกูลไป๋และปูทางเพื่อวันข้างหน้า

ต่อให้อยู่ในช่วงเวลาเป็นช่วงเวลาตาย หญิงสาวก็ไม่เคยร้องไห้หนักเช่นนี้มาก่อน

หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง ไม่รู้ว่าเหตุใดยิ่งเช็ดน้ำตาถึงยิ่งไหลออกมาหนักกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เรื่องที่อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีแท้ๆ

นางไม่รู้ว่าเหตุใดอาอวี๋ถึงต้องใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าของตัวเอง เป็นเพราะใบหน้าเสียโฉมหรือเพราะไม่อยากให้ผู้อื่นเห็นใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองกันแน่

ไป๋ชิงเหยียนไม่อาจรู้ได้..

นางรู้เพียงว่ายิ่งอยากเจออาอวี๋มากเท่าใดก็ยิ่งต้องควบคุมสติให้ได้มากเท่านั้น

บัดนี้อาอวี๋อยู่ในหนานหรงซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นั่นหมายถึงอันตรายถึงชีวิต…