ตอนที่ 544 คนที่เติบโตมาด้วยกัน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 544 คนที่เติบโตมาด้วยกัน

ต้องทำทุกอย่างอย่างรอบคอบมากที่สุด

ชุนเถาเห็นไป๋ชิงเหยียนยืนนิ่งอยู่กลางศาลาหูซินจึงสั่งให้สาวใช้ตระกูลต่งกลับไปนำเสื้อคลุมกันลมมาให้ไป๋ชิงเหยียน ส่วนตนเองเดินก้าวเท้าเข้าไปหยุดอยู่ด้านหลังของหญิงสาว เอ่ยเตือนเสียงนุ่มนวล “คุณหนูใหญ่ เรากลับกันก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ยิ่งดึกแมลงยิ่งมาก อากาศที่เติงโจวเย็นกว่าซั่วหยางมากนัก ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เอ่ยเสียงแหบพร่า “กลับกันเถิด!”

ชุนเถาก้าวไปประคองแขนของไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าของคุณหนูใหญ่ ชุนเถารู้สึกปวดใจมากกว่าเดิม นางไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่เป็นอันใดกันแน่ รู้สึกร้อนใจมาก ทว่า ทำได้เพียงกล่าว “คุณหนูใหญ่ บ่าวปลอบคนไม่เก่ง ไม่รู้ว่าควรกล่าวสิ่งใดกับคุณหนูใหญ่ ทว่า หากคุณหนูใหญ่มีปัญหาอันใด คุณหนูใหญ่บอกกับต่งเหล่าไท่จวินเถิดเจ้าค่ะ ท่านรักและเอ็นดูคุณหนูใหญ่มากนะเจ้าคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปาก “เด็กโง่ชุนเถา ไม่ใช่มีปัญหาอันใด เป็นเรื่องน่ายินดีต่างหาก! เมื่อเรื่องทุกอย่างลงตัวแล้วข้าค่อยบอกให้ท่านยายรับรู้ ทว่า ข้าชอบที่เจ้ากล่าวอย่างถ่อมตัวเช่นนี้ยิ่งนัก!”

ชุนเถาเงยหน้ามองเห็นดวงตาที่แดงก่ำของไป๋ชิงเหยียนมีรอยยิ้มในแววตา ได้ยินคุณหนูใหญ่กล่าวชมนางเช่นนี้ ใบหน้าของนางแดงเถือกทันที

ท่านยายรักและเอ็นหนูอาอวี๋มากเช่นกัน หากวันหนึ่งท่านยายเห็นอาอวี๋กลับมา ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ!

ไหนจะท่านแม่ บรรดาท่านอาสะใภ้ น้องสาว อาเจวี๋ยและอาอวิ๋นอีก

หากพวกเขารู้ว่าอาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าจะดีใจมากเพียงใด

คิดแล้วดวงตาของไป๋ชิงเหยียนก็แดงก่ำขึ้นอีกรอบ หญิงสาวหลับตาที่บวมช้ำลง ควบคุมอารมณ์ของตัวเอง กล่าวเปลี่ยนเรื่องกับชุนเถา “วันนี้ข้าไม่อยู่ หลัวอี๋เหนียงส่งคนมาตามเจ้าไปหาบ้างหรือไม่”

ชุนเถาพยักหน้า “หมัวมัวข้างกายของหลัวอี๋เหนียงกล่าวว่าข้าปักลายดอกไม้สวย ให้ข้าไปปักเป็นตัวอย่างให้นางสักอัน ทว่า ข้าบอกไปว่ามีงานต้องทำ ปลีกตัวไม่ได้ตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”

หลัวอี๋เหนียงพุ่งเป้ามาที่ชุนเถาจริงๆ ด้วย

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เจ้าทำได้ดีมาก ต่อไปหากมีผู้ใดมาเรียกเจ้าไปอีก เจ้าก็ทำเช่นเดิม ไม่ต้องไว้หน้าพวกเขา ต่อให้เป็นการหักหน้าพวกเขาก็มิเป็นอันใด เข้าใจหรือไม่”

ชุนเถารู้ว่าคุณหนูใหญ่กำลังปกป้องนางจึงพยักหน้ายิ้มๆ “ชุนเถาทราบแล้วเจ้าค่ะ”

นี่คือตระกูลต่งแห่งเติงโจว ไป๋ชิงเหยียนไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอนุของท่านน้าชายได้ นางจึงได้แต่บอกให้ชุนเถาเลี่ยงห่างจากคนพวกนั้น

ยามปกติชุนเถาติดตามรับใช้นางอยู่ตลอดเวลา ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง นางแค่กลัวว่าหากช่วงใดที่นางยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจชุนเถา ชุนเถาจะได้ระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม

ไป๋ชิงเหยียนกลับไปสนทนากับต่งเหล่าไท่จวินที่เรือนสักพัก จากนั้นปรนนิบัติต่งเหล่าไท่จวินพักผ่อน ต่งเหล่าไท่จวินยังคงเอ่ยกำชับไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยหน่าย “ต่อไปอย่าทำตัวบุ่มบ่ามอีก เจ้าห้ามปล่อยตัวเองให้รั้งท้ายเด็ดขาด แม่ของเจ้าเหลือลูกสาวอย่างเจ้าเพียงคนเดียว หากเจ้าเป็นอันใดไป แม่ของเจ้าก็คงไม่อยากมีชีวิตต่อไปเหมือนกัน หากเจ้าไม่สนใจตัวเองก็จงสนใจแม่ของเจ้าบ้าง รู้เรื่องหรือไม่”

เมื่อกล่าวถึงมารดา ไป๋ชิงเหยียนอดนึกถึงอาอวี๋ขึ้นมาไม่ได้ ขอบตาของนางเริ่มร้อนผ่าว มองไปทางท่านยายที่ผมขาวโพลนและใบหน้าเริ่มเหี่ยวย่น กล่าวพลางพยักหน้ายิ้มๆ “อาเป่าทราบแล้วเจ้าค่ะท่านยาย ท่านยายนอนพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ!”

ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกกับท่านยายว่าอาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากห้องของต่งเหล่าไท่จวิน ชุนเถาเข้าไปประคองไป๋ชิงเหยียนพลางเอ่ยบอก “คุณหนูใหญ่ หลัวอี๋เหนียงนำยามาให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ นางกล่าวว่าจะมอบให้คุณหนูใหญ่ด้วยตัวเอง บัดนี้รออยู่ที่นอกเรือนเจ้าค่ะ”

“เจ้าส่งคนไปบอกหลัวอี๋เหนียงว่าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ข้ารับน้ำใจของนางแล้ว บอกนางว่าช่วงที่ข้าอยู่ที่จวนต่งให้ต่างคนต่างอยู่อย่างสงบน่าจะดีที่สุด” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อไปไม่ว่าหลัวอี๋เหนียงจะหาข้ออ้างใดมาพบข้า เจ้าบอกปัดนางแทนข้าได้เลย”

ไป๋ชิงเหยียนให้ชุนเถาเป็นคนปฏิเสธหลัวอี๋เหนียงเพราะต้องการให้หลัวอี๋เหนียงรับรู้ว่านางไม่ควรพุ่งเป้าหมายมาที่ชุนเถา ให้หลัวอี๋เหนียงล้มเลิกความคิดนั้นและอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในช่วงที่นางยังอยู่ที่จวนต่ง

ชุนเถารับคำ ทว่า รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าหลัวอี๋เหนียงผู้นี้ทำสิ่งใดคุณหนูใหญ่ของนางไม่พอใจกันแน่

แต่ความจริงก็ถูกต้องแล้ว คุณหนูใหญ่ของนางเป็นถึงองค์หญิงเจิ้นกั๋ว หลัวอี๋เหนียงผู้นั้นเป็นเพียงอนุ…กล่าวตามตรงก็คือบ่าวรับใช้ต่ำศักดิ์คนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะคุณหนูใหญ่ของนางพักอาศัยอยู่ที่จวนต่ง อี๋เหนียงต่ำต้อยเช่นนั้นจะมีโอกาสพบหน้าคุณหนูใหญ่ได้อย่างไรกัน

คืนนั้นไป๋ชิงเหยียนหลับไม่สนิท หญิงสาวฝันถึงอาอวี๋ทั้งคืน วันต่อมาดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาวบวมช้ำ

ชุนเถารีบนำไข่สองฟองมาประคบดวงตาให้ไป๋ชิงเหยียน ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนจัดการตัวเองเรียบร้อยและเดินไปคาราวะยามเช้าต่งเหล่าไท่จวินที่ห้อง ชุยซื่อ เสี่ยวชุยซื่อ ต่งถิงอวิ๋นและต่งถิงจือต่างอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพเสร็จ ต่งเหล่าไท่จวินรั้งตัวหลานสาวไปนั่งข้างกาย กล่าวยิ้มๆ “เมื่อวานเจ้าเหน็ดเหนื่อยจากการไปช่วยคนกลับมา ยายบอกให้เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ต้องมาคาราวะยามเช้าไม่ใช่หรือ”

“อาเป่าอยากทานอาหารที่แบบเดียวกับท่านยายจึงมาที่นี่เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

ต่งเหล่าไท่จวินได้ยินเช่นนี้จึงยิ้มไม่หุบ รีบสั่งให้คนไปเตรียมอาหารเช้า ให้ชุยซื่อ เสี่ยวชุยซื่อและหลานสาวอีกสองคนอยู่รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน

ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าท่านน้าชายมอบหน้าที่ดูแลองค์หญิงแห่งต้าเยี่ยนให้ท่านน้าสะใภ้เป็นคนดูแลจึงเอ่ยถาม “ท่านน้าสะใภ้ อาการขององค์หญิงหมิงเฉิงเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”

“ท่านหมอหลายคนสลับกันตรวจดูอาการ บัดนี้ไข้ขององค์หญิงหมิงเฉิงยังไม่ลด ท่านหมอผู้หนึ่งลอบกล่าวกับข้าว่าองค์หญิงหมิงเฉิง…ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ เกรงว่าคงจะไม่รอด!” ชุยซื่อเห็นสตรีที่งดงามราวกับดอกไม้แรกแย้ม ในใจก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้

แต่ไรมาชะตาชีวิตขององค์หญิงที่เดินทางไปแต่งงานเชื่อมไมตรีไม่เคยดีสักราย เดิมทีสตรีที่อายุยังน้อยเพียงนั้นควรได้อยู่ออดอ้อนบิดามารดาในอ้อมกอด ทว่า กลับต้องเดินทางไปแต่งงานไกลถึงหรงตี๋ นางย่อมรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ทว่า ชุยซื่อยังหวังอยากให้องค์หญิงหมิงเฉิงฟื้นขึ้นมา อย่างไรเสียการมีชีวิตอยู่ต่อสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด

ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงเรื่องที่เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวเมื่อคืนว่าองค์หญิงหมิงเฉิงและแม่ทัพเซี่ยสวินเติบโตมาด้วยกัน ไม่รู้ว่าหากให้แม่ทัพเซี่ยสวินมาพบหน้าองค์หญิงหมิงเฉิงสักครั้งจะกระตุ้นให้นางอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่

เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนรู้ข่าวว่าท่านน้าชายปล่อยตัวคนของขบวนส่งตัวเจ้าสาวของต้าเยี่ยนออกมาหมดแล้ว คนเหล่านั้นคุ้มกันเรือนที่องค์หญิงหมิงเฉิงพักรักษาตัวอย่างแน่นหนาราวกับกลัวว่าผู้อื่นจะเข้าไปทำร้ายองค์หญิงของพวกเขา

ต่งชิงเยว่ให้คนขี่ม้าเร็วนำข่าวเรื่องที่เขาช่วยเหลือองค์หญิงแห่งต้าเยี่ยนไว้ได้ไปรายงานให้เมืองหลวงทราบ ไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าหากองค์หญิงหมิงเฉิงแห่งต้าเยี่ยนไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ฮ่องเต้จะโทษว่าเป็นความผิดของท่านน้าชายนาง

ไป๋ชิงเหยียนกำลังช่วยต่งเหล่าไท่จวินตัดแต่งกิ่งของต้นบอนไซอยู่ในห้อง เมื่อต่งเหล่าไท่จวินเห็นว่าหลานสาวตัดต้นไม้ดีๆ ของนางจนเสียหายเกือบหมดก็รู้สึกเสียดายมาก

หวังหมัวมัวเห็นเหตุการณ์จึงรีบเข้าไปห้ามไป๋ชิงเหยียน “ตายแล้ว คุณหนูเจ้าคะ เหล่าไท่จวินรักต้นบอนไซเหล่านี้มากนะเจ้าคะ! ดูสิเจ้าคะ คุณหนูตัดพวกมันจนโล้นเกือบหมดแล้ว เหล่าไท่จวินเสียดายจนแทบร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ!”