บทที่ 441 แผนซ้อนแผน

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 441 แผนซ้อนแผน

ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน ด้านนอกก็มีเสียงลมหายใจแผ่วเบาดังขึ้น

“ผู้ใดกัน!” แววตาของฉีเฟยตื่นตระหนก พลันเล็งอาวุธลับออกไปทางด้านนอกทันที

“หยุดนะ!” หนิงอ๋องตะโกน

นั่นเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองโดยจิตใต้สำนึกของเขา

ฉีเฟยได้ยินคนเป็นนายบอกให้เขาหยุด แต่เสียดายที่อาวุธลับถูกขว้างออกไปแล้ว เขาจึงต้องออกแรงมากกว่าเดิมเพื่อปาลูกดอกสกัดลูกดอกที่ยิงโจมตีออกไปก่อนหน้า

ลูกดอกทั้งสองทะลุหน้าต่างออกไป เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นกลางอากาศพร้อมกับประกายไฟ ก่อนจะร่วงตกลงอย่างพร้อมเพรียงกันริมรองเท้าปักลายดอกไม้งาม

ฉีเฟยกระชากประตูให้เปิดออกในทันใด หลังจากเห็นแล้วว่าเป็นผู้ใด สีหน้าของเขาก็ตกตะลึง “อ๋องเฟย!”

หนิงอ๋องเฟยเกือบตายเพราะลูกดอก ใบหน้าของนางซีดเผือด

ฉีเฟยรีบโค้งถวายบังคมในทันที “ขออ๋องเฟยโปรดอภัย! ข้าน้อยไม่รู้ว่าอ๋องเฟยจะ…”

จะอะไรอย่างนั้นรึ

จะมาหาในเวลาเช่นนี้ หรือว่าจะมายืนหลบมุมอยู่แอบฟังหนิงอ๋องอยู่ด้านนอก

หนิงอ๋องเฟยกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น พยายามอดกลั้นไม่ให้แววตาไหววูบ ริมฝีปากของนางสั่นเครือ ไม่รู้ว่าโกรธเคืองหรือหวาดกลัว หรือว่าทั้งสองอย่าง

ทันใดนั้นนางก็หันหลังกลับ เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมา

“ซู่ซิน!”

หนิงอ๋องวิ่งตามราวกับร่างกายไม่เจ็บไม่ปวด

หนิงอ๋องคว้าแขนของหนิงอ๋องเฟยเอาไว้

ฉีเฟยเห็นดังนั้น แม้จะอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ต้องถอยออกไป เพียงแต่เขานั้นดันหูดีไปหน่อย อันที่จริงก็ได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ แต่ประเด็นคือหากเขาไม่อยู่ในเหตุการณ์อ๋องเฟยก็จะได้ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนเท่าไร

หนิงอ๋องวิ่งออกมาเพียงระยะทางสั้นๆ ทว่าบาดแผลบนร่างกายหลายจุดก็พากันเลือดซึมออกมา ริมฝีปากสีสดของเขาขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเหงื่อผุดซึมไปทั่วทั้งหน้าผาก

“ซู่ซิน” เขาอดทนอดกลั้นความเจ็บปวด เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “เจ้าอย่าเพิ่งไป ฟังข้าอธิบายก่อน”

หนิงอ๋องเฟยกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น มองเขาด้วยแววตาซับซ้อน ดวงตาคลอน้ำใสสั่นไหววูบ “ฟังท่านอธิบายเรื่องอันใดหรือ อธิบายว่าเหตุใดถึงจับตัวสามีของหมอกู้ไป หรืออธิบายว่าเหตุใดสี่ปีก่อนท่านถึงได้เผาเซียวเหิงทั้งเป็น!”

หนิงอ๋องเอ่ย “เซียวเหิงยังไม่ตาย…”

หนิงอ๋องเฟยตวาดลั่น “นั่นเป็นเพราะเขาดวงแข็ง! ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่ได้ทำร้ายเขา!”

“ซู่ซิน…ข้าเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” หนิงอ๋องกำแขนนางแน่น ดวงตาเริ่มแดงก่ำ “ตอนนั้นแม่ข้าเป็นลิ่วอ๋องเฟย สนมของลิ่วอ๋อง เป็นภรรยาที่เสด็จปู่จัดหาให้เสด็จพ่อ แต่พอเสด็จพ่อขึ้นครองบัลลังก์กลับประทานยศให้แม่ข้าเป็นเพียงแค่สนมยศเฟย ข้าจากที่เคยเป็นลูกเมียแต่งก็กลายเป็นลูกเมียรอง! เดิมทีวังบูรพาควรเป็นของข้า ตำแหน่งรัชทายาทควรเป็นของข้า ทั้งหมดทั้งมวลควรเป็นของข้า! ข้ายอมไม่ได้…ซู่ซิน…ข้าไม่ยอม!”

หนิงอ๋องเฟยแย้งกลับ “ท่านก็เลยฆ่าคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างนั้นหรือ!”

หนิงอ๋องอธิบาย “เซียวเหิงไม่ได้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เขาไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ขององค์หญิงซิ่นหยาง เขาเป็นเพียงเลือดเนื้อของสาวใช้นางหนึ่ง องค์หญิงซิ่นหยางเศร้าโศกเพราะเสียลูกไปจึงได้เอ็นดูเขา เด็กคนนั้น…เด็กคนนั้นไม่ควรตาย คนที่ควรตายคือเจ้านั่น…เจ้านั่นแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของเด็กคนนั้นไป…เขาสมควรตายอยู่แล้ว!”

หนิงอ๋องเฟยมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ราวกับจิตใจได้รับแรงกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างโอนเอน เซถอยหลังไปหลายก้าว

หนิงอ๋องที่เพิ่งรู้ตัวว่าพลั้งพูดอะไรออกไป ใบหน้าก็เริ่มขาวซีด ปกติแล้วเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้ แต่เพราะวันนี้ถูกหมอหญิงที่ชื่อกู้เจียวนั่นยั่วโมโหจนเสียสติ

เขาเดินก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกผิด

“อย่าเข้ามา! อย่ามาแตะต้องตัวข้า!” หนิงอ๋องเฟยก้าวถอยหลังอีก ยกมือขึ้นปรามเขา กันเขาไม่ให้เข้าใกล้

“ได้ ข้าไม่เข้าไป” หนิงอ๋องขานรับในทันใด สายตามองไปยังเบื้องหลังของนาง “ด้านหลังเจ้าเป็นบันได เจ้าระวังอย่าตกลงไปล่ะ”

เขาเอ่ยพลางก้าวถอยหลังหลายก้าว ส่งสัญญาณให้หนิงอ๋องเฟยเดินก้าวหน้ามาอีกสักหน่อย

ทว่าหนิงอ๋องเฟยกลับก้าวขาไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว

หนิงอ๋องเห็นความหวาดกลัวและความผิดหวังที่ยากจะปกปิดในแววตาของนาง ก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

“อย่าเข้ามานะ!” นางเอ่ย!

หนิงอ๋องรีบถอยเท้ากลับในทันใดอีกครั้ง ยกมือขึ้นเชิงห้ามปรามพลางเอ่ย “เอาละ ซู่ซิน ข้าไม่เดินเข้าไปแล้ว ข้าไม่เดินเข้าไปแล้วจริงๆ เจ้าฟังข้านะ ที่ข้าทำเช่นนั้นไม่ใช่เพียงเพราะเพื่อตัวเองทั้งหมด แต่ทำเพื่อเจ้าด้วยเช่นกัน วันหน้าหากข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ เจ้าก็จะได้เป็นฮองเฮาแห่งแคว้นเจา”

หนิงอ๋องเฟยแค่นหัวเราะ “ฮองเฮาอย่างนั้นหรือ ฝ่าบาท ข้าจะได้เป็นฮองเฮาจริงๆ หรือเพคะ”

ประโยคนี้ราวกับเปิดประตูอีกบานหนึ่ง ความรู้สึกอันรุนแรงพลุ่งพล่านขึ้นมา กลบความหวาดกลัวและความผิดหวังเมื่อครู่ไปจนสิ้น

นางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่พูดไม่จาแม้สักคำ ก่อนจะหันหลังกลับเดินออกจากตำหนักไป

หนิงอ๋องไม่รั้งนางไว้ เพียงแต่ทอดสายตามองแผ่นหลังของนางหายไปกับความมืด เรียวคิ้วค่อยขมวดเข้าหากัน

“นายท่าน”

ฉีเฟยเดินเข้ามา “ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”

หนิงอ๋องกุมหน้าอกก่อนจะกระอักเลือดออกมา

จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไรเล่า

เพียงแต่ฝืนทนยามอยู่ต่อหน้านางก็เท่านั้น

ฉีเฟยรีบพยุงหนิงอ๋องเข้ามาในห้อง บาดแผลบนร่างของหนิงอ๋องปริเปิด ฉีเฟยเรียกหมอในจวนมาทำแผลใหม่ให้หนิงอ๋องอีกรอบ

ดึกดื่นค่อนคืนกว่าจะจัดการแผลของหนิงอ๋องได้

ฉีเฟยเดินออกไปส่งหมอ ก่อนจะเอ่ยเสียงจริงจังกับหนิงอ๋อง “นายท่าน ท่านอย่าทำเช่นนี้อีกเลยพ่ะย่ะค่ะ ทรมานร่างกายกันเกินไปแล้ว”

“อ๋องเฟยหลับไปแล้วหรือยัง” หนิงอ๋องถาม

ฉีเฟยชะงักไป อ๋องเฟยทำให้ท่านอ๋องเจ็บขนาดนี้ แต่ท่านอ๋องยังเป็นห่วงนางอีกหรือ

ฉีเฟยเอ่ยเสียงทุ้ม “หลับแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หนิงอ๋องตอบ “หลับแล้วก็ดี”

ฉีเฟยเอ่ย “นายท่าน ข้าไม่อาจวางใจเรื่องอ๋องเฟยได้ นางกับรุ่ยอ๋องเฟยและหมอกู้ต่างสนิทสนมกัน หากนางแพร่งพรายออกไป…”

หนิงอ๋องนิ่งไปพลางเอ่ย “นางไม่ทำเช่นนั้นหรอก”

ฉีเฟยครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถาม “ถึงกระนั้นข้าน้อยจะขอส่งคนไป…จับตาดูอ๋องเฟยได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

หนิงอ๋องเหลือบตามองด้วยสายตาเย็นชา

ฉีเฟยหัวหด

หนิงอ๋องเงียบไปครู่ใหญ่ ไม่รู้ว่าคัดค้านคำขอนั้นหรือไม่ “ให้คนตามอยู่ห่างๆ อย่าให้อ๋องเฟยจับได้ อีกอย่างตอนไหนไม่ควรจับตาดูก็เลี่ยงออกมา”

เรื่องนั้นฉีเฟยเข้าใจดี เรื่องส่วนตัวอย่างอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเขาไม่จำเป็นต้องเฝ้าสังเกตการณ์

หนิงอ๋องทอดถอนใจ “ช่างเถิด รอนางอารมณ์เย็นลงหน่อย ข้าจะไปง้อนางเอง เรื่องสำคัญตอนนี้คือจัดการเซียวลิ่วหลังกับกู้เจียว ไม่สิ ต้องจัดการกู้เจียวก่อน”

หญิงนางนี้ปั่นหัวเขาเก่งนัก ไม่มีใครรู้ว่านางจะเดินหมากต่อไปอย่างไร

หนิงอ๋องไม่เคยกังวลกับคู่แข่งคนใดมาก่อน กู้เจียวเป็นคนแรกที่ทำให้ร้อนรนนั่งไม่ติดที่

ฉีเฟยเอ่ย “องค์ชาย ส่งคนไปฆ่านางเสียไม่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ!”

หนิงอ๋องเอ่ยเสียงเย็น “ยอดฝีมือที่ลอบสังหารหยวนถังเมื่อคราวก่อนต้องตายเพราะอะไรเจ้าจำไม่ได้หรือ”

ฉีเฟยแก้ต่าง “นางอยู่ที่นั่นก็จริงแต่อาจไม่ใช่ฝีมือนางก็ได้นี่พ่ะย่ะค่ะ” ยอดฝีมือในตอนนั้นตายเรียบ ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาสักคน พวกเขาสันนิษฐานจากรอยเท้าและยาสมุนไพรที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่ากู้เจียวก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

หนิงอ๋องลูบแหวนหยกข้างหมอน “ทำการใหญ่ต้องรอบคอบ คนน้อยเกินไปก็ฆ่านางไม่ตาย คนมากเกินไป ก็จะกลายเป็นที่สงสัย”

ฉีเฟยขมวดคิ้ว “เช่นนั้นจะต่อกรกับนางอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

หนิงอ๋องจ้องมองแหวนหยก “ไม่ต้องรีบร้อน เทียบกันแล้วยามนี้นางคงอยากจัดการข้าเสียมากกว่า พอถึงตอนนั้นข้าก็ใช้แผนซ้อนแผน”