บทที่ 557 บุตรแห่งมรรคาสวรรค์ เทพมารจุติ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 557 บุตรแห่งมรรคาสวรรค์ เทพมารจุติ

จี้เซียนเสินถูกแสงทองที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาทำให้ตกใจ เขาเงยหน้ามองทันที

ทหารสวรรค์ที่อารักขาประตูสวรรค์ทักษิณตั้งท่าพร้อมต่อสู้

จี้เซียนเสินนับนิ้วทำนาย ท่าทางแปลกประหลาด

อีกด้านหนึ่ง

หานเจวี๋ยในเขตเซียนร้อยคีรีพลันลืมตาขึ้น

นับตั้งแต่เทพสูงสุดอู๋ฝ่าจากไปก็ผ่านมานึ่งร้อยเจ็ดปีแล้ว ในช่วงระหว่างนี้ เขาฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอด จนกระทั่งถูกกลิ่นอายลึกลับนี้รบกวน

“กลิ่นอายช่างคุ้นเคยนัก…”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง เริ่มนับนิ้วทำนาย

เขาทำนายได้ว่าทางทิศตะวันออกของแดนเซียนมีแสงทองสายหนึ่งพุ่งจากธรณีเชื่อมถึงนภา แสงทองสายนี้พวยพุ่งขึ้นจากภูเขาไฟบนเกาะแห่งหนึ่ง ทะลวงหมู่เมฆ ไม่อาจหยุดยั้งได้ เมื่อมองจากที่ไกลๆ ดูราวกับอภินิหาร

สุดปลายด้านล่างของแสงทองมีเงาร่างคนผู้หนึ่งหดคู้อยู่ท่ามกลางลาวา มองจากรูปร่างน่าจะเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

จักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏ!

หานเจวี๋ยหรี่ตาลง

เพิ่งถือกำเนิดก็มีตบะระดับจักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏเลยหรือ

เลิศล้ำนัก!

หานเจวี๋ยพบว่าตนไม่สามารถทำนายถึงต้นกำเนิดของเด็กหนุ่มในแสงทองคนนี้ได้

เขาจำเป็นต้องใช้ระบบวิวัฒนาการทำนายดู

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

หืม?

ห้าพันล้านปีหรือ

แพงกว่าอริยะมรรคาสวรรค์เสียอีก!

หานเจวี๋ยชักสนใจเสียแล้ว เลือกดำเนินการต่อ

[เทียน: จักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏ บุตรแห่งมรรคาสวรรค์ เทพมารฟ้าบุพกาล ผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่โดยลิขิตแห่งมรรคาสวรรค์ แบกรับภารกิจสวรรค์รวมแดนเซียนให้เป็นหนึ่ง]

บุตรแห่งมรรคาสวรรค์!

เทพมารฟ้าบุพกาล!

ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ

หานเจวี๋ยรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว

เขาสังเกตเห็นว่ามีผู้บำเพ็ญมากมายเหาะมุ่งหน้าไปทางเกาะที่เทียนอยู่ แม้กระทั่งมหาจักรพรรดิเฉินร่างแยกของมหาจักรพรรรดิเซียวก็ไปด้วย

หานเจวี๋ยคิดดูเล็กน้อย ถ่ายทอดเสียงหาหลี่เต้าคงที่อยู่ระหว่างเดินทางกลับ

เขาให้หลี่เต้าคงไปตรวจสอบเทียนดู แต่จะรับเป็นศิษย์หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของหลี่เต้าคง

ส่วนหานโยว ให้พาชาวเลิศเอกากลับมาตามเดิม

หานเจวี๋ยคิดไปคิดมา ถ่ายทอดเสียงไปหาบรรพจารย์ซานชิงต่อ ให้บรรพจารย์ซานชิงไปหาเทียน

ส่วนเรื่องที่บรรพจารย์ซานชิงศิโรราบต่อหานเจวี๋ยแล้ว เขามิได้บอกเรื่องนี้แก่หลี่เต้าคง ทั้งสองต่างเรื่องราวต่างวาระ ต่างอาศัยฝีมือของแต่ละคน

จนถึงตอนนี้หลี่มู่อีก็ยังไม่พบเห็นความผิดปกติของบรรพจารย์ซานชิง ระยะหลังมานี้เขาไม่แม้แต่จะไปหาบรรพจารย์ซานชิงด้วยซ้ำ

จากคำบอกเล่าของบรรพจารย์ซานชิง หลี่มู่อีมองเขาเป็นสมบัติวิเศษสำหรับใช้สอยอย่างสมบูรณ์ โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางมาถามไถ่ทุกข์สุขของเขา

ตอนนี้ดีร้ายอย่างไรหานเจวี๋ยก็เป็นอริยะเช่นกัน ในฐานะผู้นำกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง ไม่สามารถลงมือจัดการทุกอย่างเองได้อีก

จากนั้น หานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ

บุตรแห่งมรรคาสวรรค์แล้วอย่างไร

หากเป็นศัตรูกับข้า ล้วนต้องย่อยยับ!

….

ทะเลไร้ขอบเขต หมู่เกาะเรียงรายประปรายบนผิวทะเล

ผู้บำเพ็ญแต่ละคนเหาะมาจากทั่วสารทิศ ทั้งหมดล้วนเหาะมุ่งหน้ามายังเกาะแห่งหนึ่ง

นั่นคือเกาะที่บุตรแห่งมรรคาสวรรค์ถือกำเนิด แสงทองลึกลับสลายตัวไปแล้ว

ณ ปากปล่องภูเขาไฟบนเกาะ

หนุ่มน้อยร่างกายเปลือยเปล่าคนหนึ่งคลานออกมา เขาผอมซูบอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมขาวโพลน ม่านตาดั่งอสรพิษ หน้าผากมีเขาแหลมดั่งคมมีดอยู่หนึ่งคู่

เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ด้วยความมึนงง

“ถือกำเนิดก็เป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว ไม่เลวๆ”

เสียงหัวเราะอ่อนโยนเสียงหนึ่งแว่วเข้ามา เด็กหนุ่มผินหน้ามอง เห็นมหาจักรพรรดิเฉินยืนอยู่บนหน้าผา มองเขาด้วยรอยยิ้ม

เด็กหนุ่มตื่นตัว แม้จะพูดจาไม่เป็น แต่เมื่อพบพานสิ่งมีชีวิตแปลกหน้า เขาย่อมต่อต้านตามสัญชาตญาณ

เวลานี้เอง ผู้บำเพ็ญทรงพลังร่อนลงบนหน้าผาทีละรายๆ

“นี่คือเผ่าพันธุ์ใด”

“เลิศล้ำนัก ข้าอยู่บนชั้นฟ้าที่ห้าก็ยังมองเห็นแสงทองของเขา คุณสมบัติเขาไม่ธรรมดาแน่นอน”

“ครึ่งอริยะล้วนมากันถ้วนหน้า เห็นทีว่าเด็กคนนี้จะไม่ตกมาถึงพวกเราเสียแล้ว”

“ผู้ใดบ้างที่ไม่มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ อาจารย์ลุงของบิดาศิษย์พี่ข้าเป็นเทพเซียนเผ่าสวรรค์ ข้ามีสิทธิ์หรือไม่เล่า”

“รอดูต่อไปเถอะ เด็กคนนี้ดูผิดปกติ”

เหล่าผู้บำเพ็ญพากันวิจารณ์

ถูกมุงดูเช่นนี้ เด็กหนุ่มตระหนกสุดขีด กวาดสายตามองรอบข้าง คล้ายกำลังเสาะหาช่องทางหลบหนี

เวลานี้เอง บัวทองโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า งดงามตระการตา

“เด็กคนนี้มีวาสนากับข้า ทุกท่านโปรดจากไปเถิด”

เสียงบรรพจารย์ซานชิงแว่วมา ยิ่งใหญ่ทรงพลัง เขย่าขวัญผู้คน

ทุกคนต่างหันไปมอง มองเห็นบรรพจารย์ซานชิงก้าวลงมาจากยอดเมฆ ใต้เท้าเสมือนมีบันไดล่องหนรองรับ

เมื่อเห็นบรรพจารย์ซานชิง ผู้บำเพ็ญมากมายเกิดความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า

แม้จะไม่ทราบว่าบรรพจารย์ซานชิงเป็นใคร แต่รัศมีแกร่งกล้าและลึกล้ำเกินหยั่งของคนผู้นี้เพียงพอจะทำให้คนตระหนกได้

“เด็กคนนี้มีวาสนาต่อสำนักพุทธของข้า หวังว่าทุกท่านจะไว้หน้าบ้าง!”

เสียงทรงอำนาจแว่วเข้ามา เมื่อหันมองไปตามเสียง พุทธองค์ทองสูงหมื่นจั้งองค์หนึ่งลอยข้ามท้องทะเลมา พุ่งฉิวไร้ซึ่งความกริ่งเกรง

“บรรพชนพุทธเทวัญ!”

ใครบางคนอุทานออกมา น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความยำเกรง

ผู้นำแห่งสำนักพุทธ ยอดผู้ทรงพลังแห่งการฝ่ามหาเคราะห์ สิ่งมีชีวิตเก้าในสิบของโลกล้วนเรียกขานเป็นเสียงเดียวกันว่าบรรพชน!

บรรพชนพุทธเทวัญและบรรพจารย์ซานชิงจะปะทะกันแล้ว!

บรรยากาศฟ้าดินแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง

….

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

อาณาเขตเต๋าสำนักพุทธ

ฉิวซีไหลสีหน้ามืดทะมึน ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่

เงาแสงสายหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้าเขา เป็นวิญญาณมรรคาสวรรค์

“เจ้าบอกว่าจะสนับสนุนข้า ทว่ายามนี้กลับสร้างบุตรแห่งมรรคาสวรรค์ขึ้นมา หมายความว่าอย่างไร” ฉิวซีไหลถามเสียงเข้ม

เมื่อเห็นเทียนปรากฏกายขึ้น เขาก็โมโหแทบตายแล้ว

แม้จะเป็นอริยะ ก็รู้สึกทนไม่ไหวเช่นกัน

วิญญาณมรรคาสวรรค์เอ่ยว่า “ข้าก็จนปัญญาเช่นกัน เทพมารฟ้าบุพกาลตนนี้บรรพชนเต๋าเหลือทิ้งไว้ก่อนจากไป มหันตภัยมารสวรรค์เป็นเหตุให้ดวงชะตามรรคาสวรรค์เสื่อมถอย เทพมารฟ้าบุพกาลตนนี้ฟื้นตื่น ข้าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เป็นบุตรแห่งมรรคาสวรรค์ เช่นนี้ถึงจะสามารถควบคุมได้”

ฉิวซีไหลขมวดคิ้วแน่น ยังคงไม่สบอารมณ์

มรรคาสวรรค์ปกปิดเขาหลายเรื่องเกินไป เขาพลันรู้สึกว่าตนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของมรรคาสวรรค์

ตอนนี้มีบุตรแห่งมรรคาสวรรค์ปรากฏขึ้นมาคนหนึ่ง แล้วต่อไปล่ะ

เมื่อไรเขาถึงจะสามารถควบคุมมรรคาสวรรค์ ได้กลายเป็นตัวตนเช่นเดียวกับบรรพชนเต๋าเล่า

วิญญาณมรรคาสวรรค์กล่าวว่า “ระยะนี้ดวงชะตาสำนักซ่อนเร้นเพิ่มขึ้นเร็วยิ่ง ดวงชะตาของเผ่าสวรรค์รวมอยู่ที่บรรพชนสวรรค์ทั้งหมด อีกทั้งบรรพชนสวรรค์มีบ่วงกรรมเชื่อมโยงกับหานเจวี๋ย คาดว่าคงเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้นแล้วเป็นแน่ เจ้าระวังตัวด้วย”

ฉิวซีไหลเอ่ยเรียบๆ “ข้าทราบแล้ว แต่หานเจวี๋ยแข็งแกร่งเกินไป ไม่สามารถต่อสู้กันอย่างโจ่งแจ้งได้”

จากนั้นวิญญาณมรรคาสวรรค์ก็เลือนหายไป

ฉิวซีไหลโบกมือขวาคราหนึ่ง ม่านแสงสายหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

ภายในม่านแสงบรรพจารย์ซานชิงกำลังต่อสู้กับผู้ทรงพลังหลายสิบคน ในบรรดานั้นมีหลี่เต้าคงและบรรพชนพุทธเทวัญอยู่ด้วย

แม้ว่าจะตัวคนเดียว บรรพจารย์ซานชิงยังคงครองความได้เปรียบ แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ฉิวซีไหลมองฉากนี้ด้วยสายตาเร่าร้อน

หากเขามีบรรพจารย์ซานชิง แดนเซียนนี้ไยจะมิใช่ของเขา

….

สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น นับนิ้วทำนาย

ท่าทีของเขาดูแปลกพิกล

บุตรแห่งมรรคาสวรรค์คนนั้นยังมิได้ติดตามผู้ใด แต่ตั้งตนเป็นใหญ่ปกครองเกาะฟากหนึ่ง ตั้งตัวเป็นราชา

หลี่เต้าคงยังคงพัวพันบรรพจารย์ซานชิง ไล่ตามสู้รบกับบรรพจารย์ซานชิงอยู่ตลอด

บรรพจารย์ซานชิงทราบว่าเขาเป็นคนของสำนักซ่อนเร้น จึงอ่อนข้อให้ตลอด หานเจวี๋ยมีคำสั่งไว้ เขาไม่สามารถเผยสถานะที่แท้จริงได้ ทำได้เพียงต่อสู้ปัดป้องหลี่เต้าคง

หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย

เขารู้ว่าหลี่เต้าคงบ้าบิ่น แต่ไม่คิดว่าจะบ้าบิ่นขนาดนี้

เขาจำเป็นต้องถ่ายทอดเสียงหาหลี่เต้าคง ให้เขารามือ

“ไม่เป็นไรขอรับ เจ้าสำนัก ข้าต้องเอาขนะเขาให้ได้!”

หลี่เต้าคงตอบกลับภายในใจ หานเจวี๋ยกลอกตาด้วยความโมโห

ช่างเถอะ

ปล่อยคนผู้นี้สู้ไปแล้วกัน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางสู้บรรพจารย์ซานชิงได้

ถึงแม้หลี่เต้าคงจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่เหนือไปกว่าสือตู๋เต้า

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะหลับตาบำเพ็ญต่อ

เต้าจื้อจุนมาขอเข้าพบเขาพอดี

ปัจจุบันนี้ภายในสำนักซ่อนเร้น นอกจากหานเจวี๋ย หลี่เต้าคง และองครักษ์อาณาเขตเต๋าแล้ว เต้าจื้อจุนคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดตบะบรรลุถึงระดับเซียนทองต้าหลัวระยะกลาง เข้าใกล้ระยะปลายยิ่งนักแล้ว

“อาจารย์ อาณาเขตฟ้าบุพกาลมีผู้มาใหม่อีกแล้ว ท่านไม่เข้าไปดูหน่อยหรือขอรับ” หลังจากเต้าจื้อจุนเข้าอารามมาก็ถามขึ้น

………………………………………………………………