ตอนที่ 1117 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (4) ตอนที่ 1118 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (5)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1117 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (4) / ตอนที่ 1118 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (5)
ตอนที่ 1117 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (4)

แต่ชวีหลิงเย่ว์ทำท่าเหมือนสัตว์ตัวน้อยขี้ตกใจ นางขดตัวกลมเป็นลูกบอลอย่างหวาดกลัว

จวินอู๋เสียรู้สึกเหมือนลำคอแห้งผากขึ้นมาทันที นางไม่รู้ว่าความรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกนี้มาจากไหน แต่นางรู้ว่าการเห็นชวีหลิงเย่ว์ตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาถึงขนาดนี้นั้นทำให้นางเจ็บปวดมาก

นางเห็นชวีหลิงเย่ว์นั่งอยู่บนพื้นแข็งๆ เย็นๆ เอาสองแขนกอดตัวเองไว้แน่น พร้อมกับเงยหน้ามองนางอย่างระวัง จวินอู๋เสียยิ่งรู้สึกหายใจไม่ออกมากขึ้นทุกที นางถอดชุดคลุมตัวนอกออกและบังคับคลุมรอบร่างกายของชวีหลิงเย่ว์โดยไม่สนใจอาการดิ้นรนของนาง จากนั้นก็กอดชวีหลิงเย่ว์ที่ตัวสั่นเอาไว้แน่น

“ข้าคือจวินเสีย ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ไม่ต้องกลัวนะ” จวินอู๋เสียกล่อมเสียงเบา นางกระซิบข้างหูของชวีหลิงเย่ว์ซ้ำๆ เพื่อปลอบนางอย่างอดทน

อาการดิ้นรนของชวีหลิงเย่ว์ค่อยๆ สงบลง แต่ร่างที่ถูกทำร้ายมาอย่างหนักยังคงสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้

“จวิน…จวิน…เสีย…” ชวีหลิงเย่ว์พยายามทวนสองคำนั้นด้วยความยากลำบาก

“อืม” จวินอู๋เสียตอบรับอย่างอ่อนโยน

“จวินเสีย…จวินเสีย…” ความหวาดกลัวในดวงตาของชวีหลิงเย่ว์ค่อยๆ หายไป แล้วสายตาก็เปลี่ยนเป็นเศร้าโศกและเริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรงอีกครั้งทั้งๆ ที่เพิ่งสงบลงได้ไม่นาน!

“ช่วยด้วย! จวินเสีย…ช่วยข้าด้วย…ช่วยข้าด้วย…” ดูเหมือนนางจะไม่รู้แล้วว่าคนตรงหน้านางคือจวินอู๋เสีย นางพยายามดิ้นรนเพื่อหนีจากที่นั่นไม่หยุด เสียงโซ่จากการดึงไม่หยุดดังลั่น บาดแผลของนางฉีกมากขึ้นอีก โลหิตไหลลงบนโซ่เหล็กสีดำและหยดลงพื้นปนไปกับโลหิตที่ยังไม่แห้ง!

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วทันที ถ้าชวีหลิงเย่ว์ยังดิ้นรนไม่หยุดแบบนี้ มือและขาของนางอาจจะพิการในไม่ช้า!

จวินอู๋เสียตัดสินใจอย่างรวดเร็ว นางรวมพลังวิญญาณไว้ที่มือแล้วกระชากโซ่ที่ล่ามแขนขาของชวีหลิงเย่ว์ออก

ทันทีที่เป็นอิสระจากโซ่ล่าม ชวีหลิงเย่ว์ก็ล้มลงทันที พอไม่มีโซ่พยุงตัวเอาไว้นางก็ล้มลงกองกับพื้น แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเลยสักนิด และใช้มือที่เปื้อนโลหิตเต็มไปหมดลากตัวเองไปตามพื้นหินตรงไปยังทางออกของคุกใต้ดิน

ตอนนั้นเองจวินอู๋เสียจึงได้เห็นว่านิ้วโป้งบนมือขวาของชวีหลิงเย่ว์ถูกตัดออกไปอย่างเรียบกริบ บาดแผลถูกผ้าพันเอาไว้ลวกๆ เท่านั้น และตอนนี้ผ้าพันแผลนั้นก็กลายเป็นสีดำไปแล้วจากความสกปรกและโลหิตแห้ง…

“ช่วยข้า…ช่วยข้าด้วย…” เสียงวิงวอนอย่างสิ้นหวังของชวีหลิงเย่ว์ฟังเหมือนถูกบีบคั้นออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ นั่นเป็นความคิดเดียวที่อยู่ในจิตสำนึกที่สับสนและบอบช้ำ นางไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย คิดเพียงอย่างเดียวที่จะหนีออกจากที่คุมขังนี้ ออกไปจากขุมนรกแห่งนี้…

“เยี่ยซา” เสียงของจวินอู๋เสียฟังแหบเครือเล็กน้อย

เยี่ยซาปรากฏตัวขึ้นในห้องขังทันที

“พานางไปพักผ่อน และอย่าให้นางดิ้นรนขัดขืน” จวินอู๋เสียพูดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ สติสัมปชัญญะของชวีหลิงเย่ว์อยู่ในความสับสนยุ่งเหยิงอย่างหนัก ความทรมานในช่วงที่ผ่านมาได้บดขยี้จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กสาวจนแหลกสลาย ทำให้นางสูญเสียความสามารถในการทำความเข้าใจสถานการณ์ เหลือไว้แต่จิตสำนึกสุดท้ายก่อนที่จะเสียสติ

ถ้าปล่อยชวีหลิงเย่ว์ให้เป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้จวินอู๋เสียรักษานางด้วยตัวเอง ก็ยังยากที่นางจะหายดีได้

เยี่ยซาพยักหน้าและเดินเข้าไปทันที การเข้าไปของเขาทำให้ชวีหลิงเย่ว์กรีดร้องเสียงดังขึ้นไปอีก นางพยายามดิ้นรนหนีจากสัมผัสของบุรุษอย่างสุดแรง ปากก็เอาแต่ร้องเรียกชื่อ ‘จวินเสีย’ ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น

ตอนที่ 1118 ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน (5)

จนถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่จิตใจกำลังจะพังทลาย ชวีหลิงเย่ว์ก็ยังคิดว่า… ‘จวินเสีย’ จะมาช่วยนาง

จวินอู๋เสียรู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับลงมาที่หน้าอกจนทำให้นางหายใจไม่ออก

เยี่ยซาไม่กล้าทำรุนแรงกับชวีหลิงเย่ว์ แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้นางทำร้ายตัวเองต่อไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำให้นางหมดสติและอุ้มนางขึ้น หลังจากพยักหน้าให้จวินอู๋เสียแล้วเขาก็อุ้มชวีหลิงเย่ว์ออกไป

ห้องขังตกอยู่ในความเงียบ เสียงเดียวที่จวินอู๋เสียได้ยินคือเสียงหายใจของตัวเอง

ตัวนางเองไม่ใช่คนดีอะไร นางจัดการกับชวีซินรุ่ยก็เพราะชวีซินรุ่ยเป็นศัตรูของนาง ไม่ใช่เพราะนางสงสารเห็นใจในชะตากรรมของเมืองพันอสูร

แต่เมื่อนางเห็นชวีหลิงเย่ว์ตกอยู่ในสภาพนี้ อารมณ์ความรู้สึกของนางก็หลุดการควบคุมไปเล็กน้อย

นางเห็นด้านที่ชั่วร้ายและน่าเกลียดของโลกมามาก แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามนางก็ไม่สามารถรับได้

นั่นก็คือการกระทำย่ำยีกับสตรีเช่นนี้

ทั้งชาติก่อนและชาตินี้ก็ไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

“ให้นางตายจะมีความสุขมากกว่ามีชีวิตอยู่นะ” จวินอู๋เย่าพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าจวินอู๋เสีย

สภาพของชวีหลิงเย่ว์ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว จิตใจของนางพังทลายไปแล้ว ต่อให้จวินอู๋เสียรักษานางได้ แต่สิ่งที่นางประสบมาจะทำให้นางมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวด ความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนได้พวกนั้นจะอยู่กับนางไปตลอดชีวิต ทรมานนางอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จวินอู๋เสียเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า

“ทำไม”

ดวงตาของจวินอู๋เย่าทอแววประหลาด

จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นทันที

“ทำไมสตรีที่ต้องเจอความทรมานเช่นนั้นถึงต้องเลือกความตายอย่างเดียว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของนางเลย นางเป็นแค่เหยื่อเท่านั้น ทำไมเหยื่อถึงกลายเป็นฝ่ายที่มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้นางตาย นางผ่านมาได้แล้ว นางมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตต่อไป ตรรกะอะไรถึงจะให้เด็กสาวที่ทำถูกกระทำต้องอยากตายเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บปวดทรมาน”

จวินอู๋เสียยังจำได้อย่างชัดเจน ก่อนที่นางจะเข้าร่วมองค์กร ตอนที่นางยังอยู่ในร้านสัตว์เลี้ยงเล็กๆ นั้น เช้าวันหนึ่งนางได้เห็นเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ สหายร่วมงานของนางที่ร้านสัตว์เลี้ยงได้กลับบ้านไปตามลำพังกลางดึก และถูกจู่โจมโดยพวกอันธพาลกลุ่มหนึ่ง สุดท้ายเด็กสาวคนนั้นก็ฆ่าตัวตายด้วยยานอนหลับที่บ้าน

จวินอู๋เสียไม่อาจเข้าใจได้เลย ก็เห็นชัดๆ ว่าคนพวกนี้คือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่ทำไมพวกเขาถึงต้องถูกกระทำอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าที่พวกคนร้ายเจอ สตรีต้องเข้มแข็งขึ้นด้วยตัวเอง ไม่มีใครสามารถตัดสินชะตาของพวกเขาได้!

“ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง รวมถึงมีอนาคต แต่ถ้าตายไปแล้ว ทุกอย่างก็จบสิ้น” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับมองจวินอู๋เย่า

จวินอู๋เย่ายิ้มออกมาทันที เขามองดวงตาที่เป็นประกายของจวินอู๋เสียแล้วก็ยิ้มสดใสยิ่งขึ้น

“นี่คือสิ่งที่เจ้าเชื่อมาโดยตลอดหรือ เพราะอย่างนั้นตอนที่เจ้าบาดเจ็บสาหัสตอนนั้น เจ้าถึงยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่สินะ” คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้จวินอู๋เย่าคิดถึงตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก อาการบาดเจ็บของจวินอู๋เสียตอนนั้นสาหัสมากจนนางแทบไม่ต่างไปจากคนตายเลย แต่นางก็ยังไม่คิดจะทิ้งโอกาสที่จะรอดชีวิตเลยแม้แต่น้อย ถึงขั้นปล่อยเขาที่เป็นบุคคลอันตรายไม่รู้ที่มาที่ไปออกมา

“ตราบใดที่มีความตั้งใจจะมีชีวิต ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะผ่านไปไม่ได้ ข้าเชื่อว่า…ชวีหลิงเย่ว์จะผ่านเรื่องนี้ไปได้” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับหรี่ตาลงด้วยความมั่นใจ

“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าในโลกนี้น่ะสำหรับสตรีแล้วพรหมจรรย์ถูกมองว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองอีกนะ” จวินอู๋เย่าถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น แม้ว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่พูดไปเลยสักนิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อนี้ฝังรากลึกอยู่ในใจของผู้คนมากมาย