บทที่ 600 เรื่องไม่คาดฝัน
บทที่ 600 เรื่องไม่คาดฝัน
เมื่อได้กระบี่มา ผู้เฒ่ามี่ก็ไม่รีบร้อนที่จะโจมตีต่อไป เขาต้องการบีบให้ซูอันใช้ไพ่เด็ดที่เหลือทั้งหมดเพื่อที่เขาจะได้เห็นว่าตัวเองจะได้ครอบครองอะไรบ้าง
ในวันนี้ ซูอันได้ทำหลาย ๆ สิ่งให้เขาประหลาดใจมากเกินไป เขาต้องการให้ไอ้เด็กเวรตรงหน้าใช้ไพ่เด็ดให้หมด ด้วยวิธีนี้ มันจะง่ายกว่ามากที่จะปลอมตัวเป็นอีกฝ่ายในภายหลัง
“เจ้าบอกว่าข้าสารเลว เจ้าน่ะสิที่สารเลว ทั้งครอบครัวเจ้านั่นแหละที่สารเลว ไอ้ขันทีไม่มีจู๋!” ซูอันด่าทอดังลั่นด้วยความโมโห ก่อนจะเปิดใช้งานอำนาจอาณาเขตของกระบี่ไท่เอ๋อร์ทันที
กระบี่ไท่เอ๋อร์เป็นกระบี่แห่งราชา แม้ว่าจะถูกปิดผนึก แต่พลังโดยกำเนิดของมันยังคงมีอยู่
ซูอันไม่เคยใช้มันมาก่อน เพราะที่ผ่านมาเขามีไพ่เด็ดอื่น ๆ และตัวเองมักจะใช้งานพวกมันก่อนเสมอ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย และนี่ไม่ใช่เวลาที่จะรักษาไพ่เด็ดใด ๆ จึงเทหมดหน้าตักในคราวเดียว
กระบี่ไท่เอ๋อร์ยอมรับเขาเป็นนายของมันแล้วและเชื่อมสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับเขา ไม่สำคัญว่าตอนนี้มันจะอยู่ในมือของผู้เฒ่ามี่หรือว่าใคร ซูอันจึงสามารถใช้งานมันได้ดั่งใจนึกตลอดเวลา
ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงร้องออกมาจากกระบี่ไท่เอ๋อร์ และมันก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนหลุดออกจากมือของผู้เฒ่ามี่ ก่อนจะปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าสยดสยองแผ่ออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง
สัตว์อสูรบางตัวเริ่มส่งเสียงครวญครางจากระยะไกล เห็นได้ชัดว่าพวกมันตกใจกลัวกับแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวนี้ พวกมันล้มลงกับพื้นและเริ่มสั่นสะท้าน
ผู้เฒ่ามี่แบกรับความกดดันรุนแรงนี้ ร่างกายของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และจิตใจของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความกลัว การมองเห็นของเขาจึงค่อย ๆ มืดลง
ในชั่วอึดใจถัดมา จู่ ๆ เขาก็เห็นองค์จักรพรรดิยืนอยู่ตรงหน้า ก่นด่าเรื่องวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ จากนั้นภาพก็ตัดไปเปลี่ยนเป็นเห็นเหล่าวิญญาณพยาบาทบินวนรอบตัวเขา วิญญาณพยาบาทเหล่านั้นมีใบหน้าคล้ายกับอดีตสหายที่ร่วมภารกิจตามหาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ พวกมันพยายามฉีกทึ้งร่างและเรียกร้องชีวิตของเขา
ซูอันเพ่งสมาธิพยายามควบคุมกระบี่ไท่เอ๋อร์จากระยะไกลให้มันเคลื่อนไปที่คอของผู้เฒ่ามี่
เขารู้ว่าความแตกต่างระหว่างการบ่มเพาะของพวกเขานั้นมากเกินไปพลังกดดันของกระบี่ไท่เอ๋อร์จึงสามารถเล่นงานผู้เฒ่ามี่ได้ชั่วขณะเท่านั้น
แต่ในขณะที่ปลายกระบี่ไท่เอ๋อร์กำลังจะจ้วงแทงคอผู้เฒ่ามี่ จู่ ๆ ดวงตาของผู้เฒ่ามี่พลันเปิดออก เขาตั้งสติ ก่อนจะรีบหลบไปด้านข้าง
แต่โชคไม่ดีที่เขายังอยู่ในอาณาเขตของกระบี่ไท่เอ๋อร์ และได้รับผลกระทบจากแรงกดดัน การเคลื่อนไหวของเขาจึงช้าลง แม้ว่าตัวเองจะพยายามป้องกันไม่ให้หัวของตัวเองหลุดออกจากบ่าได้ แต่คอของเขาก็ยังโดนคมกระบี่บาด แถมกระบี่ยังเฉือนเข้าที่ศอกขวาไล่ลงไปจนถึงข้อมือ!
“อ๊าก!!”
ผู้เฒ่ามี่ร้องโหยหวน แต่ด้วยความเจ็บปวดควบคู่กับความปรารถนาที่อยากจะอยู่รอดตามสัญชาตญาณ ได้ผลักดันให้เขาพ้นจากการควบคุมของกระบี่ไท่เอ๋อร์
เขากระโดดถอยหลังไปหลายจั้ง มองไปที่กระบี่ไท่เอ๋อร์อย่างหวาดกลัว กระบี่ได้ทิ้งความน่าสะพรึงไว้ในหัวใจของเขาอย่างชัดเจน
ซูอันรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ผู้เฒ่ามี่คงจะเสร็จไปแล้วหากหลบช้าไปกว่านั้นแค่เพียงวินาทีเดียว!
ไม่มีเวลาให้เสียเปล่า ตอนนี้คู่ต่อสู้เต็มใจถอยห่างจากเขา ซูอันจึงรีบเรียกกระบี่ไท่เอ๋อร์กลับมาที่มือก่อนจะฉวยโอกาสหนี
“ไอ้เวร! ข้าจะทำให้แกร้องขอความตายเหมือนหมาเลย!” เมื่อเห็นซูอัน หนีไป ผู้เฒ่ามี่ก็ตระหนักได้ทันทีว่าพลังของกระบี่นั้นไม่สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ความวิตกของเขาก็หายไป
เขาเกือบจะเสียหัวให้กับเด็กเหลือขอที่ตัวเองเคยดูถูกมาตลอด ผู้เฒ่ามี่ โกรธมาก เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการสับศพของซูอันเป็นพันชิ้น
แต่พอคิดอีกที ไม่มีทางที่เขาจะทำร้ายร่างกายของซูอัน เพราะวางแผนจะยึดครองมัน สิ่งนี้จึงทำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
—
ท่านยั่วยุมี่เหลียนอิ๋งสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1,024!
—
ซูอันหายลับไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ทำให้ผู้เฒ่ามี่ตื่นตระหนก เขาจึงใช้ย่างก้าวเกิดปทุมในทันที
ดอกบัวปรากฏขึ้นทุกครั้งที่เขาก้าว เขาตามทันและเคลื่อนไปดักหน้าซูอัน
ซูอันขมวดคิ้ว เขายกกระบี่ไท่เอ๋อร์และใช้เพลงกระบี่เกล็ดหิมะเพื่อโจมตี
คราวนี้ผู้เฒ่ามี่ไม่กล้าประมาทอีกแล้ว เขาตั้งสมาธิจดจ่อกับการต่อกรกับซูอันถึงสิบสองจากสิบส่วน
เขาปฏิบัติกับซูอันราวกับเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริง เพียงไม่กี่กระบวนท่า เขาก็เตะกระบี่ไท่เอ๋อร์ด้วยเท้าจนกระเด็นหลุดจากมือของซูอัน
เขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อน แทนที่จะหยิบกระบี่ไท่เอ๋อร์ขึ้นมา เขากลับเตะมันเข้าไปในป่า จากนั้นก็มุ่งความสนใจกลับมาที่ซูอัน
ซูอันตัดสินใจอย่างแน่วแน่เช่นกัน เขาเรียกมีดสีดำสนิทออกมาจ่อที่คอของตัวเองทันที
ผู้เฒ่ามี่ตื่นตระหนก เขาต้องการร่างกายของซูอัน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายตาย
เขาสาวเท้าอย่างบ้าคลั่ง วิ่งเข้าประชิดเพื่อหยุดซูอัน
ซูอันใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เปลี่ยนทิศทางของมีดจากจ่อคอหอยตัวเองกลายเป็นหันมาสวนแทงผู้เฒ่ามี่ทันที!
นี่เป็นความหวังสุดท้ายของเขา เขาภาวนาให้ ‘แท่งพิษ’ สามารถเจาะผิวหนังของผู้เฒ่ามี่ได้สักนิดหน่อยก็พอ เพราะชายหนุ่มมั่นใจว่าพิษของมันก็เพียงพอที่จะกำจัดชายชราคนนี้ได้
แต่น่าเสียดาย เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมาก แผนการทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์
มีการแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่ง และถัดมา ข้อมือของ ซูอันก็ชา แท่งพิษหลุดออกจากมือ
ผู้เฒ่ามี่ใช้โอกาสนี้เพื่อผนึกจุดชีพจรทั้งหมดของเขา จากนั้นก็หยิบแท่งพิษขึ้นมาตรวจสอบ “เจ้าหนู วันนี้เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจได้นับครั้งไม่ถ้วนจริง ๆ มีดเล่มนี้วิเศษมาก กระบี่ของเจ้าก็ด้วย”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้างเมื่อเห็นผู้เฒ่ามี่ค่อย ๆ พลิกแท่งพิษไปมา เขาอธิษฐาน “เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามีดของข้าวิเศษ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ลองเลียมันเลย!”
“นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่ถึงขนาดเลียมีดของศัตรูทันทีที่ได้รับมันมาเนี่ยนะ?” ผู้เฒ่ามี่พ่นลมหายใจ
ความกลัวเกาะกินใจของซูอัน อย่างไรก็ตามเขายังคงหัวเราะและพูดว่า “ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าโง่ขนาดนั้น แต่ระดับการบ่มเพาะของเจ้าสูงขนาดนี้ เจ้าจะกลัวอะไรกับอีแค่เลียมีดนิดหน่อย?”
ผู้เฒ่ามี่ตวาดกลับ “ปีศาจตัวน้อยอย่างเจ้าช่างมากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เจ้าเห็นข้าปัญญาอ่อนหรือไร? มีดนี้มีสีดำสนิท แผ่ความหนาวเหน็บไปถึงกระดูกออกมา มันคงเคลือบด้วยพิษหนาหนัก แม้ว่าผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำเตี้ยเช่นเจ้าน่าจะไม่สามารถวางยาพิษข้าได้ แต่ข้าขอไม่ลองจะดีกว่า เพราะความปลอดภัยต้องมาก่อน!”
ความหวังทั้งหมดของซูอันดูเหมือนจะกลายเป็นฝุ่นควัน เขาไม่คิดว่าไพ่เด็ดใบสุดท้ายของตัวเองจะไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์…
เขาเรียกหมี่ลี่อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีคำตอบ
“การละเล่นนี้จบลงแล้ว” ผู้เฒ่ามี่หัวเราะอย่างชั่วร้าย
ทันใดนั้น เหมือนมีใครเอาผ้าดำมาปิดตาของซูอัน เขามองอะไรไม่เห็นเลย ทุกอย่างกลายเป็นมืดสนิทแต่เพียงสีดำและสูญเสียการรับรู้ทั้งหมด
ความคิดสุดท้ายแวบเข้ามาในหัว จบแล้ว…ขันทีเฒ่าผู้นี้กำลังจะยึดครองร่างกายของข้า…
เขาต้องการฆ่าตัวตาย แทนที่จะปล่อยให้ผู้เฒ่ามี่ครอบครองร่างของเขา น่าเสียดายที่ตัวเองไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นอีกแล้ว
ผู้เฒ่ามี่บ่นเมื่อเห็นว่าซูอันหมดสติไปแล้ว “ข้าเกือบจะพลาดไปเพราะกลอุบายของเจ้าเด็กคนนี้ แต่มันมีสมบัติมากมายจริง ๆ ทุกสิ่งที่มันครอบครองคงจะทำให้ข้าขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ง่ายกว่าเดิมมาก!”
เขากำลังจะมีชีวิตใหม่และเป็นบุรุษที่สมบูรณ์ และที่สำคัญ เขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกราชสำนักไล่ตามอีกต่อไป…เขาจึงตื่นเต้นและเบิกบานใจจนแทบจะหัวเราะออกมา
เขาไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป พลางยกมือขึ้นและเมล็ดดอกทานตะวันจิ๋วที่เจิดจ้าก็ปรากฏที่ปลายนิ้วอีกครั้ง
เขากดเมล็ดดอกทานตะวันจิ๋วลงบนหน้าผากของซูอัน และพร้อมกันนั้นเส้นสายพลังสีม่วงก็ผุดออกจากหว่างคิ้วของเขาและค่อย ๆ โยงใยเข้าหาหว่างคิ้วของซูอัน
จิตสำนึกของเขาเข้าครอบงำอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และเขาก็ถ่ายทอดระดับการบ่มเพาะทั้งหมดลงในร่างของซูอัน
ครั้งชั่วยามต่อมา ร่างของผู้เฒ่ามี่ก็เหี่ยวเฉาเหมือนซากศพ แล้วล้มพับลงไปกับพื้น
‘ซูอัน’ ลืมตาขึ้นทันที ในดวงตาแต่ละข้างของ ‘ซูอัน’ ขณะนี้มีดอกทานตะวันสีม่วงเรืองแสงส่องประกายระยิบระยับอยู่ด้านใน
“ฮ่า ๆ ข้าทำสำเร็จแล้ว ข้าทำสำเร็จแล้ว!” ‘ซูอัน’ ยืนขึ้น เสียงหัวเราะอันเบิกบานสุดขีดแทบจะดังก้องไปถึงสรวงสวรรค์ ในป่าที่ห่างไกล นกที่ตกใจนับไม่ถ้วนบินแตกรัง สัตว์ดุร้ายจำนวนมากหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
ภาพของคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ปรากฏขึ้นในความคิดของ ‘ซูอัน’ เช่นเดียวกับคุณหนูรองผู้ไร้เดียงสา และยังมีฮูหยินฉู่ผู้ยั่วยวนและมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่…ทั้งหมดกำลังจะกลายเป็นของเขา!
หลังจากจมอยู่ในระลอกคลื่นแห่งความตื่นเต้น ‘ซูอัน’ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก้มศีรษะลงและมองไปที่เป้ากางเกงที่โป่งขึ้น ดวงตาของเขาหรี่ลง “ไม่! เป็นไปไม่ได้!”
พลังหยางที่ทรงพลังแผ่ออกจากส่วนใต้สะดือของเขาและเริ่มแผดเผาดวงวิญญาณที่เปราะบางของเขาซึ่งเพิ่งเข้าครอบครองร่างกายนี้
ผู้เฒ่ามี่กรีดร้องและคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด!