บทที่ 601 สองทางเลือก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 601 สองทางเลือก

บทที่ 601 สองทางเลือก

หลังจากความยาวนานที่ดูเหมือนชั่วนิรันดร์ ซูอันก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ

ต้นหญ้ารอบ ๆ ตัวเขา ดอกไม้ ต้นไม้… เขาเริ่มสังเกตเห็นพวกมันทั้งหมด ต้นหญ้าเหล่านั้นยังคงเป็นต้นหญ้าเดิมและต้นไม้ก็ยังเป็นต้นไม้ต้นเดิม

แม้พวกมันจะเหมือนเดิม แต่ในสายตาของชายหนุ่มที่มองมาขณะนี้ พวกมันกลับดูแตกต่างออกไป ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตและพลังชี่ในตัวพวกมัน

ปฏิกิริยาเช่นนี้ มันเป็นแบบเดียวกับเมื่อตอนที่เขาเริ่มเป็นผู้บ่มเพาะ!

ซูอันค่อย ๆ มองไปรอบ ๆ ตัว จ้องมองไปที่ซากศพเหี่ยวย่นที่ดูน่าขนลุก มันคือ… ผู้เฒ่ามี่!

ซูอันตัวสั่นด้วยความกลัว เขากระโจนจากพื้นตามสัญชาตญาณ แต่ร่างของตัวเองกลับพุ่งสูงขึ้นไปไกลถึงบนอากาศอย่างน่าประหลาด และใช้เวลาสักครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะร่อนลงสู่พื้นอีกครั้ง…

เขามึนงง มองมือตัวเองอย่างไม่เชื่อ แล้วรีบรวบรวมความคิดอย่างรวดเร็ว

ความทรงจำสุดท้ายของเขา คือ ตอนที่ตัวเองใช้ไพ่ตายจนหมด แต่ก็ยังไม่อาจรอดจากเงื้อมมือของผู้เฒ่ามี่ เขาถูกจับ แล้วจากนั้นปลายนิ้วที่มีเมล็ดดอกทานตะวันสีม่วงส่องแสงก็ถูกประทับลงบนหน้าผาก แล้วเขาก็หมดสติไป

ซูอันเริ่มตื่นตระหนก

แย่แล้ว! ผู้เฒ่ามี่ประสบความสำเร็จในการครอบครองร่างกายของข้าแล้วหรือ?!

แม้ว่าจะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ แต่เขาจะต้องหายไปในไม่ช้าอย่างแน่นอน

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพยนตร์จากโลกที่แล้ว ‘เอเลียน’ มนุษย์ต่างดาววางปรสิตไว้ในร่างกายของมนุษย์ แม้ภายนอกมนุษย์ที่ถูกฝังปรสิตจะยังดูดีเป็นปกติ แต่เมื่อพวกมันเติบโตเต็มที่ พวกมันจะระเบิดออกมาจากภายในร่างกาย

เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นศูนย์เพาะพันธุ์มนุษย์!

“ในที่สุดเจ้าก็ตื่น” เสียงที่เกียจคร้านพูดขึ้นข้างหูของเขา

ซูอันดีใจมาก “พี่หญิงใหญ่! ข้าควรจะเป็นคนพูดอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ? ในที่สุดท่านก็ตื่น!”

ภาพของหมี่ลี่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในหัว ริมฝีปากสีแดงเพลิงเมื่อจับคู่กับดวงตาสีแดงดุจพญาหงส์ ทำให้นางดูงดงามเร่าร้อนเหนือกว่าสตรีทั้งปวง!

หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “ข้าตื่นนานแล้ว เจ้านั่นแหละที่นอนหลับเหมือนหมู!”

“ทำไมก่อนหน้านี้ท่านถึงไม่ตื่นมาช่วยข้า! ข้าตะโกนเรียกหาท่านจนแทบจะเป็นบ้า!” ซูอันรู้สึกไม่พอใจทันทีเมื่อนึกถึงความสิ้นหวังครั้งก่อนของเขา

“แต่ช่างมันไปก่อน เอาไว้พูดถึงเรื่องนั้นกันทีหลัง ตอนนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน! ข้าถูกวิญญาณขันทีโรคจิตเข้าสิง และจิตสำนึกของมันอาจจะยังคงซ่อนอยู่ภายในตัวข้า มันอาจจะสามารถยึดครองร่างของข้าได้ทุกเมื่อ”

ซูอันกล่าวขึ้นอย่างตื่นตระหนก กลัวว่านางจะไม่ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เขาจึงรีบเสริมว่า “ท่านกับข้าลงนามในสัญญาชีวิตและความตาย! ถ้าข้าถูกครอบงำและตายจริง ๆ ท่านก็จะต้องตายเหมือนกัน!”

หมี่ลี่กลอกตา “ใจเย็น ๆ ผู้เฒ่ามี่หรืออะไรก็ตามล้มเหลวในการพยายามครอบครองร่างกายของเจ้า”

“ล้มเหลว?” ซูอันตัวแข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของนาง เขาใช้เวลานานกว่าจะรวบรวมสติได้อีกครั้ง “ท่านหมายความว่าอย่างไร? ‘ล้มเหลว’?”

“เจ้าโง่หรือเปล่า ความล้มเหลวก็คือความล้มเหลว มันจะมีความหมายอื่นอะไรอีก?” หมี่ลี่พูดด้วยความรำคาญ

ซูอันไม่เชื่อ “แล้ววิญญาณของผู้เฒ่ามี่อยู่ที่ไหน?”

“สูญสลาย” หมี่ลี่กล่าว “พูดตรง ๆ คือ เจ้าดูดกลืนดวงวิญญาณส่วนใหญ่ของเขาไป ไม่ใช่แค่จิตสำนึกเท่านั้น”

ซูอันตกตะลึง “พี่หญิงใหญ่ช่วยข้ากำจัดเขาใช่ไหม?”

นี่เป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียว

“ไม่ใช่” หมี่ลี่ส่ายหัว “ตาเฒ่าคนนั้นเป็นขันทีที่น่าจะเข้าวังตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่เคยสัมผัสประสบการณ์การเป็นผู้ชายเลยสักนิด หลังจากครอบครองร่างกายของเจ้าแล้ว ดวงวิญญาณของเขาจึงได้รับผลสะท้อนกลับอันรุนแรงจากพลังหยางในตัวของเจ้า และในที่สุดก็ถูกแผดเผาหายไปจนหมดสิ้น”

ซูอันตกตะลึง

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “เจ้าไม่รู้อะไรจึงคิดว่ามันง่าย แท้จริงแล้วการยึดครองร่างผู้อื่นนั้นอันตรายเสมอ มันจะสัมฤทธิ์ผลก็ต่อเมื่อพบภาชนะที่เหมาะสมทุกประการ หากข้อสงสัยของข้าถูกต้อง ที่เขาเลือกเจ้าเป็นภาชนะของเขาประการแรก เนื่องจากสถานะของเจ้าในฐานะนายน้อยของตระกูลฉู่ และประการที่สอง… เนื่องจากผนึกตรงนั้นของเจ้ายังไม่ถูกคลาย ด้วยวิธีนี้ ร่างกายของเจ้าจะค่อนข้างคล้ายกับตัวเขาเอง รวมถึงเขามีความมั่นใจที่จะปลดผนึกตรงนั้นของเจ้าให้ได้ เพื่อที่เขาจะได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์อย่างแท้จริงต่อไป”

“โดยรวมทั้งหมดแล้ว เจ้าเป็นภาชนะที่สมบูรณ์แบบ แต่โชคไม่ดีที่เขาไม่รู้ว่าเจ้าสามารถปลดผนึก ‘ของ’ ตัวเองได้เรียบร้อยนานแล้ว นี่คือเหตุผลที่วิญญาณหยินอันเย็นเยือกของเขาถูกเพลิงหยางอันร้อนแรงที่เหนือกว่าของเจ้าแผดเผาทันที การครอบครองล้มเหลวส่งผลให้ดวงจิตของเขาแตกสลาย”

คำอธิบายของนางช่วยให้ซูอันเข้าใจลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดได้ในที่สุด ชายหนุ่มทั้งตกใจและดีใจมาก “ข้าไม่นึกเลยว่าการเป็นลูกผู้ชายจริง ๆ จะมีประโยชน์ขนาดนี้! ฮ่า ๆ ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ ท่านทำให้ข้าปลดผนึกได้ทางอ้อม…”

หมี่ลี่หน้าแดงจากการได้ยินประโยคนี้ ฉากที่นางครอบครองร่างกายฉู่ชูเหยียนและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ผุดขึ้นมาในหัวของนางอย่างต่อเนื่อง

ซูอันตระหนักในทันที “พี่หญิงใหญ่ ท่านน่าจะบอกข้าก่อนหน้านี้ ท่านไม่รู้หรอกว่าข้าอยู่ในความกลัวและความสิ้นหวังมากแค่ไหน!”

“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้” หมี่ลี่เยาะเย้ย “ข้ารู้อยู่แล้วว่าการยึดครองของขันทีเฒ่านั่นจะต้องล้มเหลว ข้าแค่ไม่รู้สึกอยากช่วยเหลือเจ้าก็เท่านั้น”

“และที่สำคัญ ข้าเตือนเจ้ามาก่อนแล้วว่าอย่าพึ่งพาข้ามากเกินไป มันจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับการเติบโตของเจ้าเอง” หมี่ลี่กล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “นี่เป็นโอกาสหายากสำหรับเจ้า เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต”

ซูอันตกตะลึง เขากำลังจะบ่นว่านางไม่ให้ความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มเข้าใจแล้วว่านางทำไปเพื่อเขา นั่นจึงทำให้รู้สึกประทับใจมาก “ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ ท่านดีกับข้ามากจริง ๆ!”

หมี่ลี่เบือนหน้าหนีเมื่อได้ยินความจริงใจในน้ำเสียงของเขา “เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้า ข้าแค่ไม่อยากถูกเจ้าลากไปตาย”

ซูอันหัวเราะคิกคัก “ถึงอย่างนั้น ข้าก็ยังจะขอบคุณอยู่ดี อีกอย่าง ข้าค้นพบสิ่งแปลก ๆ ด้วย เมื่อข้าตื่นขึ้น ข้าก็กระโดดขึ้นไปได้สูงมากทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ มีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในตัวข้า ราวกับว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

หมี่ลี่กล่าวว่า “เพื่อที่จะได้ครอบครองเจ้า ผู้เฒ่ามี่ได้ส่งต่อระดับการบ่มเพาะทั้งหมดของเขาลงในตัวเจ้า แน่นอนว่าเจ้าจะต้องรู้สึกแบบนั้น”

“เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงเหรอ?” ซูอันมองไปรอบ ๆ ผู้เฒ่ามี่มีระดับการบ่มเพาะเท่าไหร่นะ? ระดับเก้าอย่างน้อยที่สุดใช่ไหม!

นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามาถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้วงั้นเหรอ? เขาจะทำอะไรก็ได้และไปทุกที่ที่เขาต้องการตอนนี้ได้เลยใช่ไหม?

“อย่าเพ้อฝันมากไป มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด” หมี่หลี่สาดน้ำเย็นใส่ความตื่นเต้นของเขา “มีทางเลือกอยู่สองทาง ทางแรกคือการสืบทอดระดับการบ่มเพาะของผู้เฒ่ามี่อย่างสมบูรณ์และกลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับสิบ หรือที่พวกเจ้าเรียกกันว่าระดับปรมาจารย์ อย่างไรก็ตาม การเดินบนเส้นทางนี้จะทำให้เจ้าต้องพึ่งพาเต๋าของผู้เฒ่ามี่ทั้งหมด ซึ่งมีช่องว่างของระดับการบ่มเพาะมากเกินไประหว่างเจ้าสองคน ดังนั้นการยินยอมให้ร่างกายของตัวเองเพิ่มระดับขึ้นรวดเดียวขนานใหญ่จะเป็นการทำลายรากฐานเต๋าของเจ้าเอง ระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะหยุดอยู่ในระดับของผู้เฒ่ามี่ตลอดไป และจะไม่สามารถก้าวหน้าได้อีก

“อีกทางเลือกหนึ่งคือเจ้าให้ข้าผนึกมวลพลังที่ได้มาจากผู้เฒ่ามี่เก็บเอาไว้ก่อน ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะไต่ระดับด้วยตัวเจ้าเอง และทุกครั้งที่เจ้าเพิ่มระดับ เจ้าจะค่อย ๆ ละลายส่วนหนึ่งของมวลพลังของผู้เฒ่ามี่มาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเจ้าเองอีกทบ แม้ว่ากระบวนการนี้จะค่อนข้างช้ากว่า แต่เจ้าจะสามารถทำให้รากฐานของเจ้ามั่นคงได้ยิ่งกว่าเดิม ความสำเร็จในอนาคตของเจ้าจะสูงกว่าผู้เฒ่ามี่อย่างไม่ต้องสงสัย!”