ตอนที่ 436 เหรียญทองแดงลั่วเป่า! (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 436 เหรียญทองแดงลั่วเป่า! (3)

“เฮ้!”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายิ้มและคว้าแขนของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้พลางกล่าวว่า “ในเมื่อเรามีวาสนาที่ได้มาพบกันในวันนี้ ข้าเป็นศิษย์คนโตของอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย แล้วข้าจะฉกฉวยสมบัติจากสหายเต๋าเทพท้องทะเลมาได้อย่างไร? มา มา ข้าจะช่วยเจ้าเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองกลับไปมือเปล่าสิ! แม้ปีศาจตัวนี้จะไม่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักนัก แต่จริงๆ แล้ว ก็มีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่ที่นี่!”

หลี่ฉางโซ่วคิดในใจ

ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ตั๋วเป่าจะไม่ไล่ตามเรื่องก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่?

กล่าวจบ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ชี้แส้หางม้าไปที่กองสมบัติที่ก่อตัวขึ้นเป็นภูเขาเล็กๆ

ทันใดนั้น สมบัติก็กลายเป็นธารแสงทันทีแล้วบินไปยังมุมที่ว่างเปล่าของคลังเก็บสมบัติ และกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม

ก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะทันได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้อีก นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็เริ่มกล่าวขึ้นว่า “ข้าคิดว่าเครื่องมือเวทหรืออาวุธเวท ที่นี่มีเครื่องมือเวททุกชนิด อย่าได้ดูเบาพวกมัน สมบัติตรงนี้คงไม่เข้าตาเจ้า ไปดูสมบัติชิ้นนั้นกันดีกว่า!”

หลี่ฉางโซ่วอดจะกระตือรือร้นมากขึ้นไม่ได้ เขาเดินไปตามทิศทางของแส้หางม้าของนักพรตเต๋าตั๋วเป่าและทันใดนั้นก็เห็น… รูปปั้นวัวกระทิงทองสัมฤทธิ์สูงห้าฉื่อ

วัวกระทิงทองสัมฤทธิ์เชิดหน้าขึ้น หางของมันม้วนงอ กีบเท้าทั้งสี่เหยียบบนก้อนเมฆที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ดวงตาทั้งสองข้างของมันโปนออกไปทางซ้ายและขวา

นั่นคือสมบัติล้ำค่าสูงสุดของเผ่าปีศาจวัวกระทิง วัวเหลาะแหละกำลังเล่นตลก แค่กๆ มันเป็นวัวหนุ่มที่เปลี่ยนหินให้เป็นทองคำเขียว[1]!

นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายิ้มและกล่าวว่า “ในอดีตมีปรมาจารย์เผ่าปีศาจ ได้ถูกเปลี่ยนมาจากสัตว์ปีศาจบรรพกาล ซื่อเถี่ย

ความสามารถที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขาคือ การกลืนสมบัติธรรมดาเข้าไปในท้อง แล้วออกมาเป็นสารพัดของที่เป็นทองคำบริสุทธิ์ชั้นดี

หลังจากที่ซื่อเถี่ยตกตายไปในสมัยโบราณ ตานปีศาจของมันก็ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ภายในรูปปั้นทองสัมฤทธิ์นี้ ดังนั้นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์นี้ จึงดำเนินงานเช่นนี้ได้

แม้จะไม่ใช่สมบัติคุ้มกายในระหว่างการต่อสู้ แต่ก็เป็นสมบัติที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งนำไปใช้ทำเงินได้”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับเอ่ยอันใดไม่ออก…

แม้สมบัตินี้จะดี และต่อให้เขารับมันเอาไว้เอง เขาก็ไม่อาจนำมันกลับไปยอดเขาหยกน้อยได้ อย่างไรเสีย มันก็ยังไร้ประโยชน์

“อืม…” หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า “ผู้อาวุโส ท่านยังมีสมบัติอื่นอีกหรือไม่? กล่าวตามตรง ผู้น้อยได้รับคำชี้แนะจากปรมาจารย์ท่านหนึ่งและได้เรียนรู้ว่า มีสมบัติล้ำค่าที่นี่ ซึ่งมีวาสนาชะตาลิขิตเอาไว้กับผู้น้อย นั่นจึงเป็นเหตุให้ผู้น้อยทุ่มเทอย่างหนักเพื่อบุกเข้ามาในที่แห่งนี้”

“โอ้?”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากะพริบตา และทันใดนั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีขณะกล่าวว่า “แล้วเจ้ากำลังมองหาสมบัติเช่นใดกัน?

หากกล่าวถึงด้านการล่าสมบัติแล้ว ในดินแดนเทวะทั้งห้า ในบรรดาผู้ที่อยู่ภายใต้ปรมาจารย์จอมปราชญ์ ย่อมถือได้ว่านักพรตเต๋าผู้นี้มีฝีมือดี”

“ผู้น้อยก็ไม่รู้เช่นกันขอรับ” หลี่ฉางโซ่วมองไปที่รูปปั้นวัวเขียว “แต่มันน่าจะเป็นสมบัติสายป้องกัน”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็เอื้อมมือซ้ายเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วม้วนมันขึ้น ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังกุกกักอยู่ภายในนั้น แล้วนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ดึงผีเสื้อสีฟ้าเย็นออกมาสองสามตัวอย่างรวดเร็ว

“นี่คือ ผีเสื้อวิญญาณหาสมบัติ”

หลังจากแนะนำง่ายๆ แล้ว นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็ชูผีเสื้อหยกขึ้น ผีเสื้อตัวหนึ่ง บินไปทางรูปปั้นวัวทองสัมฤทธิ์ ส่วนผีเสื้ออีกตัว ก็บินไปทางมุมซ้ายและขวา ก่อนจะร่อนลงบนชุดเกราะสมบัติและคันธนู

และผีเสื้อหยกตัวที่สี่ก็บินออกไปจากถ้ำ…

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ชุดเกราะสมบัติและคันธนู พลางรีบกล่าวว่า “ผู้อาวุโส!”

“ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่นี่หมดสติไปก่อน” จากนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็โบกแส้หางม้าของเขา

ทันใดนั้น คลื่นสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้น เป็นระลอกคลื่นที่ค่อยๆ กระเพื่อมและแผ่ขยายออกไป แล้วทั่วทั้งหุบเขาเผ่าปีศาจวัวก็เงียบงันทันที

หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสรับรู้ของเขาออกไปตรวจสอบ และพบว่าปีศาจทั้งหมด ซึ่งไม่ว่าจะครองฐานพลังในระดับใด ก็ล้วนหมดสติทั้งสิ้น ทำให้เขาอดจะนิ่งอึ้งตะลึงงันไปครู่หนึ่งไม่ได้

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็รีบออกจากถ้ำไปอย่างตื่นเต้นในขณะที่ หลี่ฉางโซ่วก็เดินตามหลังไปเช่นกัน

ผีเสื้อหยกไม่กลัวค่ายกล และกฎห้ามต่างๆ มันบินข้ามผ่านสถานที่วุ่นวายที่ด้านหน้าคลังสมบัติ ผ่านบ้านหินและอาคารสูงต่างๆ และลอยไปยังกระท่อมไม้ที่ริมหุบเขา และในที่สุดก็เข้าไปในกระท่อมไม้

เมื่อหลี่ฉางโซ่วและนักพรตเต๋าตั๋วเป่ามาถึง พวกเขาก็พบว่า ผีเสื้อหยกนั้น ร่อนลงบนถุงผ้าสกปรกใบหนึ่ง หลี่ฉางโซ่วจึงหยิบถุงผ้าแล้วเทของในนั้นออกมา มีหุ่นเชิดหลายตัวตกลงมา และเหรียญทองแดงสองเหรียญก็ตกลงมาบนฝ่ามือของเขา

นี่คือ!

เป็นมันจริงๆ!

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วตกตะลึงจนใจสั่น เขาชื่นชมวิชาการทำนายของผู้ยิ่งใหญ่ฝูซีอย่างเปี่ยมล้น!

“มาเถิด มาให้ข้าดูสักหน่อย!”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่ายื่นศีรษะมองข้ามมา

บัดนั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจของหลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็ว เขาถือเหรียญทองแดงด้วยมือทั้งสองข้างและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสโปรดพิจารณาดูขอรับ”

ในขณะนั้น นักพรตเต๋าตั๋วเป่ามีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งขณะหยิบเหรียญทองแดงขึ้นมาพิจารณา

เขามองดูเหรียญทองแดงอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง แล้วกล่าวชมว่า “ของดี ของดี! นี่เป็นเหรียญทองแดงสองเหรียญแรกที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เจ้าใช้พวกมันวางระบบธุรกิจการค้าได้ พวกมันมีบุญคุณธรรมซ่อนอยู่มากมายภายในนั้น ทว่า ตอนนี้สมบัติถูกปกคลุมเต็มไปด้วยฝุ่น จึงไม่ปรากฏลักษณะที่แท้จริงออกมาต่อหน้าผู้อื่น เจ้าเพียงแค่ใช้บุญหล่อเลี้ยงมันหลังจากนี้ เพื่อให้มันเผยลักษณะที่แท้จริงออกมา!”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าวางเหรียญทองแดงกลับลงไปในฝ่ามือของหลี่ฉางโซ่ว และกล่าวว่า “ยินดีด้วย สหายน้อย ยินดีด้วย สหายน้อย สมบัตินี้สามารถใช้ปกป้องเต๋าของเจ้าได้!”

หลี่ฉางโซ่วสงบลงใจลงในทันทีและโค้งคำนับให้นักพรตเต๋าตั๋วเป่าพลางกล่าวว่า “ต้องขอบคุณผู้อาวุโสอย่างยิ่ง ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความช่วยเหลือของผู้อาวุโส ผู้น้อยรู้สึกซาบซึ้งใจมากขอรับ! ”

“เฮ้ ช่วยอันใดกัน? เจ้ากำลังปฏิบัติต่อข้าเหมือนเป็นคนนอก!”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหรี่ตาพลางแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ขอเรียกเจ้าว่า ฉางเกิงแล้วกัน วันนี้ ฉางเกิงได้รับสมบัติแล้ว ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมอบของขวัญแสดงความยินดีให้!”

หลี่ฉางโซวรีบกล่าวว่า “ผู้น้อยได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส แล้วจะรับของขวัญแสดงความยินดีจากผู้อาวุโสอีกได้อย่างไรขอรับ”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าถลึงตาจ้องมองเขาและกล่าวว่า “เหตุใดกัน? เจ้ากำลังดูถูกข้าหรือ เป็นท่านอาจารย์ที่ให้ชื่อข้ามา!”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออกทันที

เขาคิดจะให้เงินค่าปิดปากของข้าหรือไม่?

“มา มา มา!” นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเปิดแขนเสื้อของเขาและกล่าวว่า “เจ้าเลือกสมบัติวิญญาณภายในนี้ไป หากไม่อาจเอาสมบัติที่สูงเท่าตัวเจ้าไปได้ ข้าก็จะถือว่าเจ้าไม่ให้เกียรติข้ามากพอ แล้วข้าก็จะยิ่งบันดาลเดือดขึ้นอีกด้วย”

………………………………………………………………..

[1] เปรียบดั่งเปลี่ยนของหยาบหรือของไม่ดีให้กลายเป็นของดูดีมีคุณค่าขึ้นมา