ตอนที่ 435 เหรียญทองแดงลั่วเป่า! (2)
ในสายลมนั้น เหลือเพียงเสียงกร้าวของ “สตรีมนุษย์” คงอยู่เท่านั้น “พวกเจ้ายอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
ปรมาจารย์เผ่าปีศาจวัวกระทิงทั้งสามล้วนตกตะลึง
ยอดเยี่ยมอย่างไรกัน? พวกเราเพิ่งแลกหมัด ประมือกันไปสองสามครั้งเท่านั้น เรายังไม่ได้ต่อสู้กันถึงขั้นทดสอบฝีมือกันเลยไม่ใช่หรือ?
ในยามนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ซึ่งไม่ได้ปรากฏตัวในเมืองซื่อเถี่ยและหุบเขาปีศาจวัว ได้ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายหายไปในทันที แล้วหนีเข้าไปในเส้นชีพจรปฐพีที่ซ่อนตัวอยู่ในใต้ดินลึก
ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ปรากฏกายขึ้นแล้ว ได้เปิดใช้กฎห้ามเพื่อทำลายตัวเองไปพร้อมๆ กัน แล้วกลายเป็นเถ้าถ่าน น้ำ สายฟ้า และขนนกในชั่วพริบตา
นั่นจึงส่งผลให้เหล่าปีศาจวัวงงงวยยิ่ง
ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เมืองซื่อเถี่ย และคลังเก็บสมบัติของหุบเขาล้วนตกอยู่ในอันตราย ผู้ฝึกบำเพ็ญมนุษย์กำลังคุกคามเข้ามาอย่างเหิมเกริมนัก
ในชั่วเวลาต่อมา ขี้เถ้าลอยก็อยู่เต็มทั่วท้องฟ้า และศัตรูที่ทรงพลังแข็งแกร่งก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในขณะที่บาตรจื่อจินได้ครอบคลุมพื้นที่ไปหลายพันลี้
นี่เป็นความฝัน?
หรือเป็นภาพลวงตา?
เผ่ามนุษย์มีแผนการอันใดกัน? !
“เหล่าผู้มีปัญญา” ทั้งหลายของเผ่าปีศาจวัวกระทิงอดจะเอามือก่ายหน้าผากไม่ได้ บัดนี้ พวกเขารู้สึกว่าหัวกระทิงของพวกเขากำลังจะระเบิดออก
“มารดามันเถิด พวกมนุษย์เหล่านี้กำลังทำอันใดกันอยู่?”
“ข้าเข้าใจ! มีมนุษย์นับหมื่นได้สังเวยตัวเองเพื่อบูชาสวรรค์และปล่อยพลังเวทที่ชั่วร้ายออกมาเช่นนี้!”
บัดนั้น วัวเฒ่าก็ชี้ไปยังบาตรที่ดูราวกับกรงแล้วร้องตะโกนว่า “เผ่าของเราตกอยู่ในอันตรายแล้ว! เมืองซื่อเถี่ยกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
และเป็นผลให้ได้ยินเสียงร้องระงมน่าอนาถใจไปทั่วทั้งเมือง…
เหล่าปีศาจล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เกิดจากบาตรจื่อจิน และยังสัมผัสได้ถึงพลังเวทมหาศาลที่บรรจุอยู่ภายในนั้น ซึ่งทำให้เหล่าปีศาจรู้สึกสิ้นหวัง และทั่วทั้งเมืองซื่อเถี่ย และหุบเขาปีศาจวัวก็ตกอยู่ในความแตกตื่นครั้งใหม่…
ทว่าเรื่องนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลี่ฉางโซ่ว
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้รวบรวมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินได้ห้าตัวแล้ว เขาเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เอาไว้หนึ่งตัว และซ่อนอีกสี่ตัวเอาไว้ในใต้ดินลึก
เขาไม่มีทางเลือก ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วเหล่านี้ ก็ถูกขัง ติดอยู่ในบาตรด้วยเช่นกัน
เดิมทีหลี่ฉางโซ่วก็พร้อมที่จะทำลายตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินทั้งห้าด้วยกันอยู่แล้ว
ทว่าก่อนที่เขาจะโจมตี เขาก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเซียนรับรู้ที่ตรึงติดอยู่ที่ตัวเขา แล้วมองไปที่บาตรเหนือศีรษะของเขา…
หากเพียงเขาทำลายมัน ย่อมจะก่อกรรมขึ้นระหว่างเขาและนักพรตเต๋าตั๋วเป่าอย่างเป็นทางการแน่นอน
แล้วนักพรตเต๋าตั๋วเป่าคือผู้ใดกันเล่า?
เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย และเป็นศิษย์คนโตของเจ้าสำนักทงเทียน ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าที่สามารถนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน[1]กับท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของเขาได้
แล้วนักพรตเต๋าตั๋วเป่าจะคงความสงบอยู่ได้อย่างไรเมื่อหลี่ฉางโซ่วบังเอิญค้นพบความลับส่วนตัวบางอย่างของเขา?
นอกจากนี้ เขายังได้ใช้ “ชุดเทพแห่งท้องทะเล” ในการปฏิบัติการนี้ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าจะถูกแผนภาพไท่จี๋สกัดกั้น หากเขาทำการหยั่งรู้ดูเพียงเล็กน้อย ย่อมแน่นอนว่า เขาก็จะเพ่งความสนใจไปที่เทพแห่งท้องทะเลแห่งศาลสวรรค์
เขาต้องคิดหาหนทางอย่างรวดเร็ว
หากทำไม่ได้ เขาจะให้สัตย์ปฏิญญาต้าเต๋า และรับรองว่าเขาจะไม่เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป
ไม่ มันย่อมไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก…
“เฮ้อ…”
การค้นหาสมบัติจะทำให้ยากจนไปถึงสามชั่วอายุคน และการล่าสมบัติก็จะก่อหายนะให้กับชีวิตของเขา
ในอนาคต ข้าไม่ควรคิดเรื่อง ‘การเสริมสร้างตัวเอง’ แต่ควรเน้นไปที่การสร้างพลังเวท ค่ายกลและโอสถอย่างสบายใจก็เพียงพอแล้ว
ช่างเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งอะไรเช่นนี้!
ต่อจากนั้น ข้าจะคัดลอก ‘พระสูตรมั่นคง’ เก้าพัน … ช่างเถิด ข้าจะคัดลอกสามพันจบ แล้วให้ศิษย์น้องหญิงของข้าจัดการแทน จากนั้น ข้าจะใคร่ครวญดูว่า เหตุใดจู่ๆ ข้าก็มีความปรารถนา อยากได้ของนอกกาย อย่างเช่น สมบัติวิญญาณ
“หือ! นั่น!”
ทันใดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินข้อความเสียง
“เทพแห่งท้องทะเลน้อย โอ ไม่ สหายน้อยเทพแห่งท้องทะเล ไยเจ้าไม่กลับมาที่คลังเก็บสมบัติอีกครั้งเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้ทำการคารวะเต๋า และเหลือบมองไปที่ค่ายกลใหญ่ที่อยู่ด้านนอกหุบเขาปีศาจวัวกระทิง
เพียงขณะที่เขาอึกอัก อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาก็ได้ยินเสียงของนักพรตเต๋าตั๋วเป่าดังเข้ามาในหูอีกครั้ง
คราวนี้ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าได้ชี้ให้เห็นเส้นทางที่ซ่อนเร้นแก่เขา มันเป็นเส้นทางล่าสมบัติที่นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเคยขุดเอาไว้และเปิดใช้งานก่อนหน้านี้
ชั่วเวลาต่อมา ในคลังเก็บสมบัติของปีศาจวัวกระทิง
ร่างทั้งสองต่างมองหน้ากันเมื่อยืนห่างกันสามฉื่อในขณะที่ดูเหมือนว่า แม่น้ำสายยาว[2]จะหยุดนิ่งไปอีกครั้ง
ทางด้านซ้ายมีผู้ฝึกบำเพ็ญวัยกลางคน ร่างสูงตรง สวมชุดคลุมเต๋าสีดำ แน่นอนว่า เขาคือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว
เมื่อมองไปทางด้านขวา เขาคือ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าในชุดเสื้อคลุมเต๋าสีเหลืองซีด กำลังถือแส้หางม้า ร่างของเขาเผยอักขระเต๋าที่แข็งแกร่งออกมาในขณะที่ใบหน้าอวบอ้วนเล็กน้อยของเขา ยังคงยิ้มเผยรอยยิ้มบาง…
พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนที่ไม่อาจอธิบายได้อีกครั้ง
ในอีกด้านหนึ่งนั้น ศิษย์ของสำนักหนึ่งซึ่งประสบความสำเร็จในด้านการสร้างบรรยากาศให้มีชีวิตชีวาแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ในขณะนี้ ก็ยังไม่อาจหาถ้อยคำที่เหมาะสมเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ลงได้
นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากล่าวว่า “ทะเล … ”
“หือ?” หลี่ฉางโซ่วดูประหลาดใจ เขายิ้มและถามว่า “ท่านผู้อาวุโส เหตุใดท่านถึงมาที่นี่หรือขอรับ?”
“ข้า… อ่า ฮ่าฮ่าฮ่า!”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ เขาสะบัดแส้ไปมาเบาๆ “ข้าไม่ได้ผ่านสถานที่แห่งนี้มาด้วยเหตุบังเอิญหรอก สหายเต๋าเทพท้องทะเล เจ้ากำลังมาล่าสมบัติที่นี่หรือ? ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ผู้อาวุโส ท่านก็มาล่าสมบัติที่นี่ด้วยหรือขอรับ?”
“ข้าบังเอิญได้กลิ่นมัน” นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหรี่ตาพลางยิ้ม เขาถือแส้หางม้าและโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วอยากจะถอยหลังไปสักครึ่งก้าวตามจิตใต้สำนึก แต่ในเวลานี้ เขากลับบังคับตัวเองให้ก้าวออกไปข้างหน้าครึ่งก้าวแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ในเมื่อผู้อาวุโสชื่นชอบสมบัติที่นี่ เช่นนั้น ผู้น้อยขออำลา!”
………………………………………………………………..
[1] หมายถึงคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน
[2] กาลเวลา