บทที่ 568 จัดการแข่งขันหม่าฉิว

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 568 จัดการแข่งขันหม่าฉิว

บทที่ 568 จัดการแข่งขันหม่าฉิว

เช้าตรู่ของอีกวัน หลังสวีกุ้ยเฟยเพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน องค์รัชทายาทก็มาน้อมทักทายก่อนแล้ว

“ลูกขอเข้าเฝ้าเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่เป็นอย่างไรบ้าง?”

องค์รัชทายาททำความเคารพ และนั่งลงด้านข้าง

สวีกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอ่อนโยน กำลังครุ่นคิดว่าช่วงนี้องค์รัชทายาทรู้ความมากขึ้น รู้จักน้อมทักทายตน “แม่สบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ได้ยินว่าก่อนหน้านั้นเจ้าตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกหลังจากออกไปเที่ยวเตร่ ตอนนี้เจ้าดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่?”

“รายงานเสด็จแม่ ลูกดีขึ้นมากแล้ว เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ลูกผู้ชายต้องเจอกับความลำบากบ้างถึงจะสามารถยืนหยัดต่อไปไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทกล่าวพลางยืดอกอย่างมั่นใจ

สวีกุ้ยเฟยหัวเราะกับการหยอกเย้าขององค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทโตแล้ว รู้ว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชาย ว่าแต่ที่เจ้ามาหาแม่วันนี้ เกรงว่าคงไม่ได้มาหาเพียงเพราะว่างหรอกกระมัง? ว่ามา อยากให้แม่ช่วยสิ่งใด?”

องค์รัชทายาทลูบท้ายทอยพลางคลี่ยิ้ม “เสด็จแม่ทรงทราบดีว่าลูกคิดสิ่งใด หลายวันมานี้อากาศค่อย ๆ อุ่นขึ้น ข้าเห็นต้นหญ้าในสนามม้าขึ้นเต็มสนามแล้ว จึงคิดว่าเสด็จแม่ควรจัดการแข่งขันหม่าฉิว[1] เสียหน่อย ประการแรก ท่านคงเบื่อที่ต้องประทับอยู่แต่ในวังเพียงลำพัง สู้ออกไปพบปะกับผู้อื่นดีกว่า ประการที่สอง ทุกคนจะได้เห็นความสามารถของเชื้อพระวงศ์ด้วยว่าเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

สวีกุ้ยเฟยเข้าใจ การที่องค์รัชทายาทรบเร้าเสียใหญ่โต ความจริงแล้วอยากใช้นามของตนมาเป็นข้ออ้างในการได้เจอกับหลินซือ

คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเด็กคนนี้จะยังไม่ยอมแพ้ ดูท่าคงมีใจให้กับหลินซืออย่างจริงใจ

การอยู่ในวังวนของราชวงศ์เช่นนี้ ก็ไม่ทราบว่าความรักของเขาจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย

องค์จักรพรรดิ….เกรงว่าคงไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

เขาต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งชีวิตเพื่อบ้านเมือง จะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? สวรรค์ช่างไร้ความปรานียิ่งนัก

ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองไม่ได้มีความรู้สึกต่อองค์จักรพรรดิ เกรงว่าก็คงนั่งอยู่บนตำแหน่งไม่ถึงวันนี้

ในวังหลังแห่งนี้ ผู้คนมากมายต่างคิดเพ้อเจ้อในเรื่องที่ไม่สมควร จินตนาการอย่างจริงจัง แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยวางและเดินจากไป

“ข้าก็เห็นว่าช่วงนี้อากาศอุ่นขึ้น ที่เจ้าเสนอนับว่าเป็นความคิดที่ดี ประเดี๋ยวให้คนไปเตรียมเทียบเชิญ แล้วนำเทียบเชิญเหล่านั้นไปส่งให้แก่ตระกูลคุณชายและคุณหนูต่าง ๆ เจ้ามีคนอยากจะเชิญมาร่วมงานหรือไม่?” สวีกุ้ยเฟยคล้อยตามความปรารถนาขององค์รัชทายาท

องค์รัชทายาทหัวเราะ “เสด็จแม่ ได้โปรดช่วยเขียนเทียบเชิญไปส่งให้พี่หลินซือโดยเฉพาะ แล้วก็….ลู่เหยาในจวนลู่ ให้นางมาร่วมงานด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ”

สวีกุ้ยเฟยพยักหน้า และเอ่ยว่า “ว่าตามที่เจ้าปรารถนาเถอะ หาเรื่องมาให้ข้าจัดการตั้งแต่เช้าตรู่เชียวเด็กคนนี้!” นางกล่าวพลางนวดขมับ

อีกด้านหนึ่ง ครั้นเทียบเชิญมาถึง หลินซือก็ถึงกับเข่าทรุด แข่งหม่าฉิว? ตนเกลียดกิจกรรมแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว

เหตุใดสวีกุ้ยเฟยถึงต้องส่งเทียบเชิญมาให้ตนโดยเฉพาะด้วย? ไม่ใช่ว่ามีกลอุบายล่อลวงอะไรอยู่หรอกหรือ?

“พี่อาเถิง ท่านว่าคนในวังว่างกันหรือไม่? จัดงานเลี้ยงทุก ๆ สองสามวัน เพิ่งจัดงานชมดอกเบญจมาศไปไม่นาน ตอนนี้มีกิจกรรมแข่งหม่าฉิวโผล่มาอีกแล้ว ข้าไม่อยากไปเลยแม้แต่น้อย!” หลินซือเอ่ยด้วยความเสียใจอยู่ข้างกายเจี่ยงเถิง

เจี่ยงเถิงเข้าใจดี ออกนอกหน้าเสียเพียงนี้แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือขององค์รัชทายาทผู้นั้น

เขาช่างเพียรพยายามยิ่งนัก สวีกุ้ยเฟยเองก็ตามใจเขาเกินไป ปล่อยให้เขาสร้างเรื่องวุ่นวายถึงเพียงนี้

เจี่ยงเถิงเคาะศีรษะของหลินซืออย่างแผ่วเบาพลางเอ่ยว่า “อย่ากังวล ข้าและพี่ชายของเจ้ารวมทั้งแม่นางไป๋จะไปร่วมงานด้วย ไม่มีทางให้เจ้าไปเพียงลำพังแน่นอน”

ในงานแข่งหม่าฉิว ลู่เหยามองไปยังผู้คนรอบตัว คุณชายหลี่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้านางเชิดหน้าด้วยความหยิ่งยโส ท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองนั้นช่างน่าขบขันยิ่งนัก เขาเป็นคุณชายรูปงามที่เลื่องลือที่สุดในต้าเยี่ยน แต่ลู่เหยากลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้รูปงามไปกว่าองค์รัชทายาทเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว สีผิวขาวกว่าสตรี นิ้วกระดกงอน จนเกือบทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสตรีไปแล้ว

คุณชายจ้าวนั่งอยู่ทางซ้ายมือของนาง เขาเป็นบุตรชายของตระกูลผู้มั่งคั่งที่มีชื่อเสียงโด่งดัง รูปร่างอ้วนท้วม หน้าตามันเยิ้ม เวลานี้กำลังเขมือบอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอย่างตะกละตะกลาม ดั่งคำที่บิดาของเขาสอนไว้ ออกไปข้างนอกเอาเปรียบได้นับว่ากำไร อาหารที่อยู่ในงานแข่งขันหม่าฉิวนี้ตัวเองอยากกินเท่าไรก็ได้ เรื่องแบบนี้ใครจะโง่ไม่เอากันเล่า

คนที่นั่งอยู่ด้านหลังของนางคือบัณฑิตผู้หนึ่ง ภายนอกดูบอบบาง เหมือนจะปลิวหายไปในวินาทีถัดไปอย่างไรอย่างนั้น อาจจะเพราะอ่านตำรามากเกินไป สีหน้าจึงได้ซีดเผือดเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรจิตวิญญาณในการศึกษาค้นคว้าก็คุ้มค่าที่ได้เรียนรู้ วันนี้คงถูกพ่อแม่บีบบังคับให้มาเข้าร่วมงานแข่งขันหม่าฉิวเป็นแน่

สาเหตุที่ลู่เหยารู้จักคนเหล่านี้ ต้องขอบคุณมารดาของนาง ก่อนหน้านั้นมารดาของนางไม่เคยคิดจะใช้องค์รัชทายาทถีบตัวเองให้สูงขึ้นแต่อย่างใด จึงคิดให้นางตบแต่งเข้าไปในตระกูลไหนสักตระกูล

เดี๋ยวเลือกตระกูลนี้ยุยงตระกูลนั้น นานวันเข้า ตัวเองจึงรู้สึกรังเกียจไปโดยปริยาย

ต่อมาตระกูลหลินได้สร้างคุณงามความดี สร้างความภูมิใจให้กับราชสำนัก

มารดาของตนไม่ชอบเหยาซูที่ดีกว่าตัวเอง จึงเปลี่ยนเป้าหมายที่ไกลยิ่งกว่าเดิมเป็น ‘พระชายาในองค์รัชทายาท’

ลู่เหยาได้แต่ขบขัน ด้วยรูปร่างหน้าตาของตัวเอง จะเป็นพระชายาในองค์รัชทายาทได้อย่างไร คนที่องค์รัชทายาทชมชอบโดยแท้จริงคือพี่หลินซือต่างหาก…

นางกำลังกวาดตามองหาเงาขององค์รัชทายาทในงานแข่งขันหม่าฉิว หลังจากหามาอยู่ครึ่งค่อนวันในที่สุดก็เจอ เขากำลังยืนชะเง้อแลมองอยู่หน้าประตู จากนั้นก็มองไปด้านข้าง ที่แท้ก็กำลังรอพี่หลินซืออยู่นั้นเอง

เฮ้อ เวลานี้ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี คนที่ตนชอบอย่างลึกซึ้งเพียงนี้ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ชอบตน

หลินซือและไป๋หรูปิงนัดกันว่าจะมาเข้าร่วมชมการแข่งขันหม่าฉิวด้วยกัน ทันทีที่ลงจากรถม้า องค์รัชทายาทก็วิ่งเข้าไปต้อนรับทันที “พี่อาซือ! ในที่สุดท่านก็มา! ข้ารอท่านเสียตั้งนาน คิดว่าท่านจะไม่มาแล้ว ท่านรีบเข้าไปดูเถอะ วันนี้ทั้งสนามคึกคักมากทีเดียว มีแต่คนเก่ง ๆ ทั้งนั้นเลย”

หลินซือเห็นท่าทางเบิกบานใจขององค์รัชทายาท ก็ไม่อยากทำลายความตื่นเต้นของเขา จึงได้แต่ยิ้มแห้ง “เหอะๆ ใช่ ๆ ข้าเห็นแล้วเพคะ แต่ข้าเล่นหม่าฉิวไม่เป็น ขอไม่นั่งกับฝ่าบาทแล้วกันเพคะ อีกอย่าง ฝ่าบาทก็เห็นว่าที่นั่งชายหญิงแบ่งแยกชัดเจน หม่อมฉันไปนั่งกับพี่ไป๋ตรงนั้นแล้วกันเพคะ”

หลินซือพูดพลางปล่อยมือขององค์รัชทายาทออก จากนั้นก็คว้ามือของไป๋หรูปิงแล้วเดินไปด้านข้าง

เจี่ยงเถิงเห็นดังนั้นก็พึงพอใจมาก องค์รัชทายาทตื่นเต้นเสียใหญ่โตขนาดนี้คงไม่ได้มีแผนร้ายหรอกกระมัง? อาซือก็เล่นตอกกลับเช่นนั้น! เพื่อต้องการให้เด็กที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีผู้นี้ตระหนักและถอยไปเอง เขาจึงได้รู้ว่าในใจของอาซือไม่มีคนอื่น

องค์รัชทายาทถูกปฏิเสธ จึงรู้สึกแย่อยู่ภายใน

ตัวเองเหนื่อยยากเพียงนี้ กว่าจะจัดการแข่งขันหม่าฉิวขึ้นมาได้

เดิมทีเขาตั้งใจจะพูดคุยกับนางในการแข่งขันนี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีงาม ใครจะไปรู้เล่าว่าที่นั่งชายหญิงจะมีการแบ่งแยกกันทั้งสนาม ต่อให้ตะโกนคุยกันก็คงไม่ได้ยิน

ไม่ได้การล่ะ! วันนี้ตนต้องทำให้นางรู้ว่าความต่างระหว่างเจี่ยงเถิงกับตัวเองอยู่ตรงไหน! ขอแค่ให้นางได้เห็นว่าเจี่ยงเถิงสู้ตนไม่ได้ อาซือจะต้องรู้ว่า มีเพียงเขาเท่านั้นที่คู่ควรกับนาง

องค์รัชทายาทเกิดความคิดในใจ จึงจูงม้าที่ตัวเองรักที่สุดในคอกออกมา และเดินไปข้างกายเจี่ยงเถิง “เฮ้! ท่านกล้าลงแข่งหรือไม่? เป็นการต่อสู้แบบลูกผู้ชาย”

……………………………………………………………………………………………………….

[1] 马球 หรือกีฬาตีคลี เป็นการตีลูกหนังด้วยไม้ยาวๆ ขณะควบขี่ม้า