ตอนที่ 621 ผลการทดสอบ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 621 ผล​การ​ทดสอบ​

กลางคืน​ฝน​ตกหนัก​จน​อากาศ​ทั้ง​ร้อน​ทั้ง​ชื้น​ หลิน​ม่าย​เปิด​พัดลม​ไฟฟ้าตลอด​ทั้งคืน​ และ​ตื่นขึ้น​มาพร้อมกับ​อาการไอ​และ​คัดจมูก​ใน​ช่วง​เช้าตรู่​

เธอ​รู้สึก​ประหลาดใจ​มาก​

เธอ​มักจะ​มีสุขภาพ​ร่างกาย​แข็งแรง​และ​ไม่ค่อย​ไอ​จามมาตลอด​ทั้งปี​

ทว่า​ฤดู​ร้อนใน​ครั้งนี้​ เธอ​กลับ​เป็นหวัด​ขึ้น​มาเสียได้​!

ถึงกระนั้น​เธอ​ก็​ไม่ได้​ใส่ใจอะไร​มาก​นัก​ และ​ลุกขึ้น​มาทำ​อาหารเช้า​

ฟางจั๋วเยวี่ย​ที่​มีหนวดเครา​รกรุงรัง​เดิน​เข้ามา​ยืน​ด้าน​ข้าง​เธอ​ราวกับ​สัมภเวสี​ “พี่สะใภ้​ ช่วย​เห็นแก่​อารมณ์ไม่ดี​ของ​ผม​แล้ว​ทำ​อาหารเช้า​อร่อย​ ๆ มาเยียวยา​ความเจ็บปวด​ให้​ผม​ที​ได้​มั้ย​?”

ตั้งแต่​เขา​บอก​คุณย่า​ฟางว่า​เขา​ชอบ​เถาจืออวิ๋น​ เขา​ก็​ปล่อยเนื้อปล่อยตัว​ และ​ไม่ได้​รู้สึก​เนียม​อาย​ใน​การแสดงออก​ว่า​ชอบ​เถาจืออวิ๋น​แม้แต่น้อย​

ตอนนี้​เขา​ไม่เข้าใจ​ด้วยซ้ำ​ว่า​ทำไม​ตอนนั้น​เขา​ถึงกลัว​ว่า​คนอื่น​จะรู้​ว่า​เขา​ชอบ​เถาจืออวิ๋น​ แถมยัง​รู้สึก​ผิดที่​ดัน​ไป​ชอบ​หล่อน​เข้า​ ช่างปัญญาอ่อน​เสีย​จริง​!

หาก​เขา​รู้ใจ​ตนเอง​ตั้งแต่แรก​และ​ไป​ตาม​จีบ​เถาจืออวิ๋น​ ป่านนี้​ทั้งสอง​คน​คงจะ​ได้​อยู่​ด้วยกัน​ไป​นาน​แล้ว​

แต่​ตอนนี้​กลับ​ปล่อย​ให้​หลิว​หย่ง​เจียง​ทำคะแนน​นำ​ไป​จนได้​

เดิมที​หลิน​ม่าย​ตั้งใจ​จะทำ​บะหมี่​หมู​ฉีก​เป็น​อาหารเช้า​ง่าย ๆ​

แต่​เมื่อ​เห็น​ฟางจั๋วเยวี่ย​ผู้​น่าสงสาร​ เธอ​จึงเปลี่ยนไป​ทำ​ซุป​ลูกชิ้น​เนื้อ​กับ​ก๋วยเตี๋ยว​หลอด​

ฟางจั๋ว​หรา​น​เดิน​เข้ามา​ใน​ห้องครัว​ และ​ถามเธอ​ว่า​ต้องการ​เชิญบ้าน​สกุล​ไป๋​มารับประทาน​อาหารเช้า​ที่​บ้าน​หรือไม่​

หลิน​ม่าย​ส่าย​หัว​ “ไม่ต้อง​หรอก​ค่ะ​”

หลังจาก​กลับ​มาจาก​หมู่บ้าน​สกุล​หวัง​เมื่อคืนนี้​ หลิน​ม่าย​ก็​เมินเฉย​ต่อ​การ​ทำ​อาหารค่ำ​ให้​พวกเขา​ และ​ส่งพวกเขา​กลับ​ไป​ยัง​ที่พัก​

ใน​เมื่อ​แม่ไป๋​ปฏิบัติ​ต่อ​เธอ​เช่นนั้น​ เธอ​ก็​จะปฏิบัติ​อย่าง​เท่าเทียมกัน​

หลิน​ม่าย​พูด​ตอบ​และ​กระแอม​ไอ​ถึงสอง​ครั้ง​ จน​ฟางจั๋ว​หรา​นก​ระ​วน​กระวาย​ใจ “เป็นหวัด​เหรอ​?”

หลิน​ม่าย​พยักหน้า​เบา​ ๆ “ไม่เป็นไร​ค่ะ​ ดื่ม​น้ำร้อน​สัก​สอง​สามแก้ว​เดี๋ยว​ก็​ดีขึ้น​”

ฟางจั๋ว​หรา​น​ไม่ฟังเธอ​ ปั่น​จักรยาน​ไป​เอา​ยา​แก้​หวัด​ที่​โรงพยาบาล​กลับมา​ และ​มองดู​เธอ​กิน​ยา​ด้วย​ความ​โล่งใจ​

อาหารเช้า​พร้อม​แล้ว​ สมาชิก​ใน​บ้าน​ต่าง​มานั่งลง​ที่​โต๊ะอาหาร​และ​รับประทาน​อาหาร​

ไม่ว่า​จะเป็น​ลูกชิ้น​เนื้อ​ก็ดี​ ก๋วยเตี๋ยว​หลอด​ก็ดี​ ถึงกระนั้น​หลิน​ม่าย​ไม่ได้​ทำ​สัก​สอง​เมนู​นี้​บ่อย​นัก​ เพราะ​อาหาร​ทั้งสอง​อย่างนี้​ใช้เวลา​ทำ​นาน​เกินไป​

อย่าง​ลูกชิ้น​เนื้อที่​หลิน​ม่าย​เป็น​คน​ทำ​ไม่ใช่ลูกชิ้น​เนื้อ​ธรรมดา​ทั่วไป​ แต่​เป็น​ลูกชิ้น​เนื้อ​สไตล์​แต้จิ๋ว​

ลูกชิ้น​เนื้อ​ประเภท​นี้​ใช้ระยะเวลา​ใน​การ​ทำ​นาน​ และ​ต้อง​ใช้แรง​ทำ​มากกว่า​ลูกชิ้น​หมู​

จะต้อง​เอา​เนื้อวัว​ส่วน​ขา​มาผสม​กับ​เนื้อ​ส่วน​อื่น​ หั่น​เป็น​ชิ้น​ ๆ หลังจากนั้น​เอา​เส้นเอ็น​ออก​ วาง​ลง​บน​เขียง​ขนาดใหญ่​ และ​ใช้มีดปังตอ​ชนิด​พิเศษ​มาสับ​รัว​จน​เละ​เป็น​เนื้อ​บะช่อ​

จากนั้น​จึงใส่เครื่องปรุงรส​ต่าง ๆ​ และ​กระหน่ำ​สับ​ต่อไป​อีก​สิบห้า​นาที​…

หลังจาก​ทำ​ทุก​ขั้นตอน​เสร็จ​แล้ว​ ลูกชิ้น​เนื้อที่​ได้​จะมีความ​เด้ง​หยุ่นชนิด​โยน​ลงพื้น​แล้ว​กระดอน​ขึ้น​สูง เคี้ยว​แล้ว​รู้สึก​ถึงความ​หนึบ​อร่อย​และ​รสชาติ​ที่​ดีมาก​

ถึงแม้ว่า​หลิน​ม่าย​จะไม่ได้​ทำ​ลูกชิ้น​แต้จิ๋ว​ตามแบบฉบับ​คน​แต้จิ๋ว​อย่าง​เคร่งครัด​ แต่​รสชาติ​ก็​ใช้ได้​ทีเดียว​

สมาชิก​ครอบครัว​ต่าง​พา​กัน​กิน​โดย​ไม่เงยหน้า​ขึ้น​มา

โดยเฉพาะ​ฟางจั๋วเยวี่ย​ที่​กิน​อย่าง​เอร็ดอร่อย​

ลูกชิ้น​เนื้อ​ของ​หลิน​ม่าย​เด้ง​ดึ๋ง​ ชุ่มฉ่ำ มีแต่​เนื้อ​ล้วน ๆ​ กัด​แค่​คำ​เดียว​คง​ไม่พอ​!

กิน​ลูกชิ้น​เนื้อ​ที​ ดื่ม​น้ำ​ซุป​สด​ใหม่​ที​ ทำให้​รู้สึก​ราวกับ​กำลัง​ลอย​ขึ้นไป​บน​สรวงสวรรค์​

ฟางจั๋ว​หรา​น​ชำเลือง​มอง​ “ได้​กิน​ลูกชิ้น​เนื้อที่​พี่สะใภ้​ทำ​แล้ว​รู้สึก​ดีขึ้น​บ้าง​ไหม​ล่ะ​?”

ฟางจั๋วเยวี่ย​รู้สึก​ขมขื่น​อีกครั้ง​เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​

เดิมที​เขา​กำลังกิน​อาหาร​อย่า​งอ​ร็ด​อร่อย​ จน​หลงลืม​ไป​แล้ว​ว่า​เถาจืออวิ๋น​คือ​ใคร​ แต่​พี่ชาย​ใหญ่​กลับ​พูด​ขึ้น​มาเสีย​อย่างนั้น​

ครอบครัว​ของ​หลิน​ม่าย​กำลัง​รับประทาน​อาหารเช้า​อัน​แสน​อร่อย​ ในขณะที่​แม่ไป๋​กำลัง​อารมณ์เสีย​

นาง​เหลือบมอง​นาฬิกาข้อมือ​ที่​เกือบจะ​เป็นเวลา​แปด​โมงแล้ว​ แต่​ฟางจั๋ว​หรา​นก​ลับ​ยัง​ไม่มาเชิญพวก​นาง​ไป​กิน​อาหารเช้า​ที่​บ้าน​อีก​

แม่ไป๋​ไม่ได้​สนใจ​อะไร​อาหารเช้า​มาก​นัก​ เพียงแต่​นั่น​คือ​การแสดง​มารยาท​อย่างหนึ่ง​

นาง​วางแผน​จะปฏิเสธ​อย่าง​เย็นชา​ครั้ง​เมื่อ​ฟางจั๋ว​หรา​น​มาเชิญพวกเขา​ไป​รับประทาน​อาหารเช้า​ แต่​แล้วก็​ไม่มีใคร​มาเชิญพวกเขา​ จน​นาง​ที่​คิด​จะชักสีหน้า​ใส่ฟางจั๋ว​หรา​น​ต้อง​พับ​เก็บ​ความคิด​นี้​ไป​

แม่ไป๋​พูด​ขึ้น​อย่าง​ไม่พอใจ​ “จน​ป่านนี้​แล้ว​เสี่ยว​ฟางยัง​ไม่ยอม​มารับ​พวกเรา​ไป​กินข้าว​เช้ากัน​อีก​ หยาบคาย​เกินไป​แล้ว​ ไม่รู้​ว่า​ม่าย​จื่อ​คิด​อะไร​อยู่​กัน​แน่​”

ถึงแมว่า​ฟางจั๋ว​หรา​น​จะไม่มารับ​พวกเขา​ไป​รับประทาน​อาหารเช้า​ แต่​แม่ไป๋​ก็​ยัง​กล่าวโทษ​หลิน​ม่าย​แต่​เพียงผู้เดียว​

เนื่องจาก​ฟางจั๋ว​หรา​น​เป็น​คู่หมั้น​ของ​หลิน​ม่าย​ เขา​จะมารับ​พวกเขา​ไป​รับประทาน​อาหารเช้า​หรือไม่​ขึ้นอยู่กับ​หลิน​ม่าย​ล้วน ๆ​

ไม่เช่นนั้น​ฟางจั๋ว​หรา​น​จะได้​เห็นดี​แน่​ว่า​พวกเขา​เป็น​คน​ประเภท​ไหน​! และ​แม่ไป๋​ก็​เข้าใจ​ได้​ถึงจุด​นั้น​

ไป๋​ซวง​กุม​หน้าอก​และ​พูด​กับ​แม่ไป๋​ว่า​ “แม่ก็​อย่า​ไป​อารมณ์เสีย​นัก​เลย​ค่ะ​ พวกเรา​ยัง​ไม่ได้รับ​การ​ยืนยัน​ความสัมพันธ์​อะไร​กับ​ม่าย​จื่อ​สักหน่อย​ และ​ถึงจะได้รับ​การ​ยืนยัน​ความสัมพันธ์​ แต่​หล่อน​ก็​ไม่ชอบ​พอใจ​อะไร​พวกเรา​อยู่ดี​ ไม่ได้​เก็บ​เอา​พวกเรา​ไป​ใส่ใจด้วยซ้ำ​ ไม่อย่างนั้น​คง​ไม่ลืม​ให้​ศาสตราจารย์​ฟางมาเชิญพวกเรา​ไป​กิน​อาหารเช้า​ที่​บ้าน​หรอก​ พวกเรา​ก็​ลืม​เรื่อง​อาหารเช้า​นั้น​ไป​เถอะ​ ไปหา​อาหารเช้า​กิน​เอง​ตาม​ร้านค้า​ดีกว่า​”

แม่ไป๋​พยักหน้า​ด้วย​สีหน้าบูดบึ้ง​

ขณะที่​พ่อ​ไป๋​มองดู​ไป๋​ซวง​ด้วย​สีหน้า​แปลก ๆ​

จนกระทั่ง​แปด​โมงครึ่ง​ หลิน​ม่าย​ก็​ยัง​ไม่ขับรถ​ไป​รับ​พวกเขา​ บ้าน​สกุล​ไป๋​ที่​ไม่มีทางเลือก​อื่น​จึงต้อง​ไป​รับ​รายงาน​ผล​การ​ตรวจสอบ​ที่​ฟางจั๋ว​หรา​น​จัดแจง​ไว้​ให้​ไป๋​ซวงใน​วันนั้น​ที่​โรงพยาบาล​ภายใต้​แสงแดด​ที่​แผดเผา​

หลิน​ม่าย​รอ​อยู่​ที่​ห้องโถง​ผู้ป่วยนอก​แล้ว​

แม่ไป๋​กำลัง​สงบสติอารมณ์​อยู่​บน​ท้องถนน​ เพื่อ​ไม่ให้​ตนเอง​ก่น​ด่า​หลิน​ม่าย​ทันทีที่​เห็น​เธอ​

เธอ​ไม่ได้​เติบโต​ขึ้น​มาต่อหน้า​ และ​ไม่มีสายสัมพันธ์​ใด​ ๆ กับ​พวกเขา​ จึงไม่สามารถ​ถามจู้จี้อะไร​เธอ​ได้​มาก​นัก​

นาง​มองดู​รูปลักษณ์​ที่​สดชื่น​ของ​หลิน​ม่าย​ และ​มองดู​สมาชิก​ครอบครัว​ที่​เหงื่อ​ออก​เพราะ​แสงอาทิตย์​ ใบหน้า​แต่ละคน​มันย่อง​จน​เป็นประกาย​แวววาว​ น่าอับอาย​ขาย​ขี้หน้า​และ​ไม่สบาย​ตัว​ยิ่งนัก​

นาง​ทุกข์ใจ​มาก​เมื่อ​มองดู​ไป๋​ซวง​ที่​มีสุขภาพ​ร่างกาย​ไม่ดี​ และ​ดู​ร่วงโรย​ราวกับ​ดอกไม้​ที่​โดน​แดด​เผา​

จึงอด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​วิจารณ์​หลิน​ม่าย​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ “ม่าย​จื่อ​ พวกเรา​เดินทาง​มาจาก​ปักกิ่ง​เพื่อ​มาหา​เธอ​ที่​เจียง​เฉิงเลย​นะ​ ไม่ว่า​จะเป็น​ฉัน​ พ่อ​เธอ​ พี่ชาย​พี่สาว​ หรือ​ซวงเอ่อร์​ เรา​ต่าง​ไม่ชิน​กับ​อากาศ​ที่​เจียง​เฉิงกัน​ทั้งนั้น​ อากาศ​ที่นี่​ร้อน​จะตาย​ เธอ​ไม่ขับรถ​มารับ​พวกเรา​ได้​ยังไง​ ดู​ซวงเอ่อร์​สิว่า​ตากแดด​ยังไง​บ้าง​”

ไป๋​ซวง​จับ​แขน​แม่ไป๋​และ​พูดว่า​ “หนู​ไม่เป็นไร​ค่ะ​ แม่อย่า​อารมณ์เสีย​นัก​สิ”

หลิน​ม่าย​ชำเลือง​มอง​ไป๋​ซวง​ ก่อน​จะถามแม่ไป๋​ “แล้ว​คุณ​ได้คิด​บ้าง​ไหม​คะ​ว่า​ทำไม​ฉัน​ถึงไม่ชวย​พวกคุณ​ไป​กิน​อาหารเช้า​ที่​บ้าน​ และ​ไม่ขับรถ​พา​พวกคุณ​มาโรงพยาบาล​ด้วย​?”

สีหน้า​แม่ไป๋​ดู​น่าเกลียด​ยิ่งขึ้น​ “จะมีเหตุผล​อะไร​ได้​อีก​ล่ะ​? ก็​เพราะ​เธอ​ไม่สนิท​กับ​พวกเรา​ และ​ไม่อยาก​มาเชิญพวกเรา​ยังไง​ล่ะ​!”

หลิน​ม่าย​พยักหน้า​ “คุณ​พูด​ถูก​ค่ะ​ ฉัน​ไม่อยาก​สนิท​กับ​พวกคุณ​และ​ไม่อยาก​เชิญพวกคุณ​ แต่​ที่​ฉัน​ไม่อยาก​สนิท​กับ​พวกคุณ​ไม่อยาก​เชิญพวกคุณ​ก็เพราะว่า​ทุกคน​ไม่ได้​เต็มใจ​ขนาด​นั้น​ ถ้าฉัน​ไป​สนิท​กับ​พวกคุณ​ เชิญพวกคุณ​มาร่วม​ด้วย​ ไป๋​ซวง​ลูก​รัก​ของ​คุณ​จะต้อง​ไม่มีความสุข​มาก​แน่​ และ​จะต้อง​ใช้กลอุบาย​อะไร​มาต่อต้าน​ฉัน​อีก​ ฉัน​กลัว​ว่า​หล่อน​จะวางแผน​ต่อต้าน​ฉัน​ ยังไง​ซะมีเรื่อง​น้อย​เท่าไหร่​ก็​ยิ่ง​ทุกข์​ใจน้อย​เท่านั้น​ ฉัน​ถึงได้​ยอมให้​พวกคุณ​ด่าทอ​ที่​ฉัน​ไม่ยอม​เข้าไป​สนิท​ชิด​เชื้อ​ไม่ยอม​ไป​ชวน​พวกคุณ​ดี ๆ​ เพราะ​ฉัน​เอง​ก็​ไม่อยาก​ถูก​หล่อน​เล่นแง่​ใส่อีกแล้ว​”

แม่ไป๋​ถึงกับ​พูดไม่ออก​

จู่ ๆ ไป๋​ซวง​ก็​น้ำตาไหล​ และ​มองดู​แม่ไป๋​ด้วย​สายตา​น่าสงสาร​ “แม่ ม่าย​จือ​ไม่ยกโทษให้​ฉัน​หรอก​ค่ะ​”

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​ “งั้น​ก็​บอก​เหตุผล​ที่​ฉัน​ควร​ยกโทษให้​มาหน่อย​สิ”

ไป๋​ซวง​ตกตะลึง​ ด้วย​ไม่สามารถ​หา​เหตุผล​มาให้​หลิน​ม่าย​ยกโทษ​ให้ได้​

หลิน​ม่าย​เยาะเย้ย​ “เธอ​หา​เหตุผล​ให้​ฉัน​ยกโทษให้​เธอ​ไม่ได้​ด้วยซ้ำ​ แล้ว​ยัง​จะมาขอให้​ฉัน​ยกโทษให้​เธอ​อีก​ หนัง​หน้า​เธอ​นี่​มัน​หนา​กว่า​หนัง​หมู​จริง ๆ​!”

ไป๋​เซี่ยอด​ไม่ได้​ที่จะ​หัวเราะ​ลั่น​เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​ ช่างเปรียบเปรย​ได้​เห็นภาพ​ชัด​เสีย​จริง​

ไป๋​ซวง​รู้สึก​อับอาย​และ​โกรธ​มาก​เมื่อ​ได้ยิน​เสียงหัวเราะ​ของ​เขา​

หลิน​ม่าย​พูด​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​นิ่ง​ “เอาล่ะ​ ไป​รับ​ผล​ทดสอบ​ของ​ไป๋​ซวง​เถอะ​ค่ะ​”

พ่อแม่​ไป๋​ไป​รับ​ผล​ทดสอบ​ทั้งหมด​มา และ​ไม่มีความสุข​แม้แต่น้อย​หลังจาก​อ่าน​มัน​จบ​

หลิน​ม่าย​พอ​จะคาดเดา​ผลลัพธ์​ได้​ทั้งที่​ไม่ได้​ดู​ผล​การ​ทดสอบ​ด้วยซ้ำ​ เธอ​ยืน​ด้วย​ท่าทาง​สงบนิ่ง​ขณะ​มองดู​ปฏิกิริยา​ของ​พ่อ​ไป๋​และ​แม่ไป๋​

ไป๋​เซี่ย​กับ​ไป๋​ลู่​มองดู​พ่อแม่​ตนเอง​ด้วย​ความสงสัย​ และ​มองดู​ผล​การ​ตรวจสอบ​กอง​หนา​ปึก​

ไป๋​ลู่​อ่าน​จบ​แล้ว​ และ​ดู​ไม่เชื่อ​สัก​เท่าไหร่​

ทว่า​ไป๋​เซี่ย​กลับ​หัวเราะ​เบา​ ๆ ด้วย​ความรู้สึก​ที่​ไม่เป็นธรรม​ และ​พูด​กับ​หลิน​ม่าย​ว่า​

“ฉัน​เคย​บอก​พ่อ​กับ​แม่แล้ว​ว่า​ไป๋​ซวง​ไม่ได้​ป่วย​อะไร​ หล่อน​แค่​ไม่ชอบ​ฉัน​และ​หาเรื่อง​โยนความผิด​มาที่​ฉัน​ แกล้ง​ทำเป็น​ป่วย​และ​บอ​กว่า​ฉัน​ทำให้​หล่อน​โมโห​จน​เกิด​อาการ​แน่นหน้าอก​ แม่ไม่เชื่อ​และ​หาว่า​ฉัน​บ่ายเบี่ยง​ความรับผิดชอบ​ ไม่ยอมรับผิด​ ตอนนี้​มีผล​ตรวจ​มายืนยัน​แล้ว​ว่า​ไป๋​ซวง​ไม่ได้​ป่วย​อะไร​ แม่จะได้​เชื่อ​สิ่งที่​ฉัน​พูด​ก่อนหน้านี้​สักที​”

หลิน​ม่าย​ฟังคำพูด​ของ​ไป๋​เซี่ย​ และ​เข้าใจ​ได้​ว่า​ทำไม​ไป๋​เซี่ย​ถึงดู​เกลียดชัง​ไป๋​ซวง​นัก​ กลับ​กลายเป็น​ว่า​เขา​เอง​ก็​ถูก​ไป๋​ซวง​ใส่ร้าย​เช่นกัน​

แม่ไป๋​หันหน้า​ไป​ถามไป๋​ซวง​ด้วย​สีหน้า​ตกใจ​ “ซวงเอ่อร์​ ลูก​แกล้ง​ทำเป็น​ป่วย​เพื่อ​หลอก​พวกเรา​จริง ๆ​ เหรอ​?”

ไป๋​ซวง​ส่ายหน้า​ด้วย​ความสิ้นหวัง​ “ไม่ได้​ทำ​นะ​แม่ ฉัน​ไม่ได้​ทำ​!”

หล่อน​ชี้ไป​ที่​หลิน​ม่าย​และ​พูดว่า​ “คู่หมั้น​ของ​ม่าย​จื่อ​เป็น​ศาสตราจารย์​ที่​โรงพยาบาล​นี้​ ถ้าเขา​จะเข้าไป​ยุ่ง​กับ​ผล​การ​ตรวจสอบ​มัน​ก็​ง่าย​จะตาย​! แถมม่าย​จื่อ​ยัง​ไม่ได้ผล​การ​ตรวจสอบ​ด้วยซ้ำ​ แต่​ทำ​อย่าง​กับ​รู้​ผลลัพธ์​มานาน​แล้ว​!”

แม่ไป๋​หันไป​มอง​หลิน​ม่าย​ด้วย​ความสงสัย​ทันที​

หลิน​ม่าย​ส่งยิ้ม​หวาน​ให้​ไป๋​ซวง​ “หลักฐาน​น่าเชื่อถือ​ขนาด​นี้​ เธอ​ยัง​พยายาม​พลิก​สถานการณ์​อีก​ สมควร​ไป​เป็น​ลูกสาว​ของ​หลิน​เจี้ยนกั๋ว​กับ​ซุย​กุ้ยเซียง​จริง ๆ​ ร้ายกาจ​มาก​! และ​ถ้าเธอ​กังวล​ว่า​คุณ​หมั้น​ฉัน​จะเข้าไป​ยุ่ง​กับ​ผล​การ​ตรวจสอบ​ ลอง​ไป​ทำการ​ทดสอบ​ที่​โรงพยาบาล​อื่น​ดู​มั้ย​ล่ะ​ เธอ​กล้า​ไหม​?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​ผู้แปล​

ดูๆ​ แล้ว​ ม่าย​จื่อ​อย่า​มีแม่แบบนี้​เลย​ค่ะ​ แยก​มาอยู่​บ้าน​พี่​หมอ​ดีกว่า​ ถ้าไป​อยู่​ครอบครัว​ไป๋​ก็​ไม่รู้​ว่า​จะปวดหัว​ขนาด​ไหน​ ขนาด​ยัง​ไม่แน่ใจ​ว่า​ใช่ลูกสาว​ตระกูล​นี้​หรือเปล่า​ยัง​จู้จี้จุกจิก​ขนาด​นี้​ ถ้าได้​เป็น​ลูกสาว​ตระกูล​ไป๋​จริง​ก็​คง​ไม่พ้น​โดน​ตี​กรอบ​ชีวิต​อะ​

ไหหม่า​(海馬)