ตอนที่ 438 ได้รับไข่มุกห้าธาตุอีกครั้ง (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 438 ได้รับไข่มุกห้าธาตุอีกครั้ง (2)

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่า การใช้สมบัติวิญญาณเซียนเทียนที่เป็นแกนค่ายกลของยอดเขาหยกน้อยนั้น จะเป็นการเสียของและสูญเปล่ามากเกินไป

“ผู้อาวุโส ไข่มุกนี้ล้ำค่าเกินไป…”

“เฮ้!”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ฉางเกิง เจ้ากำลังหมิ่นข้าใช่หรือไม่? นี่มันเป็นเพียงเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ จงเก็บมันไว้ ข้าขอบอกว่า นี่เป็นการขอไถ่โทษในรูปแบบหนึ่งที่ข้าไปทำร้ายร่างจำแลงของเจ้า!”

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่มอบสมบัติให้ขอรับ!”

หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับแล้วเก็บไข่มุกห้าธาตุและเหรียญทองแดงลั่วเป่าทั้งสองเหรียญใส่ลงไปในถุงเก็บสมบัติ

บัดนี้ ความพยายามของเขาในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้ ไม่ได้สูญไปอย่างเปล่าประโยชน์แล้ว

เวลานี้ ดูเหมือนว่า นักพรตเต๋าตั๋วเป่าจะปล่อยวางอะไรบางอย่างไปได้แล้ว ดวงตาของเขาเผยแววโล่งใจออกมาในขณะที่แย้มยิ้มและกล่าวว่า “ฉางเกิง มากับข้า…

เอ๋? เขามาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน?”

ผู้ใดกัน?

หลี่ฉางโซ่วระมัดระวังในขณะที่นักพรตเต๋าตั๋วเป่าชูมือขึ้น แล้วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้น บาตรจื่อจินที่ครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีพันลี้ก็สั่นสะท้านและหายวับไป

แล้วในชั่วพริบตา มันก็ไปปรากฏขึ้นในฝ่ามือของตั๋วเป่า บัดนี้ มันกลายเป็นบาตรที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางห้าชุ่น แล้วถูกเก็บกลับเข้าไปในแขนเสื้อของตั๋วเป่า

จากนั้น ตั๋วเป่ายกมือขึ้นแล้วคว้าแขนของหลี่ฉางโซ่วเอาไว้พร้อมกับกล่าวว่า “ไปกันเถิด!”

กล่าวจบ พวกเขาก็กระโดดขึ้นไปเบาๆ แล้วทันใดนั้น สภาพแวดล้อมรอบตัวของพวกเขาทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

หลังจากนั้น พวกเขาก็ไปปรากฏกายขึ้น…ในหลุมดินที่นักพรตเต๋าตั๋วเป่าได้ขุดมันขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นหลุมดินหลี่ฉางโซ่วเพิ่งก้าวผ่านมา

หลุมดินนี้ หาใช่เล็กๆ ไม่ นี่คือ ถ้ำสมบัติที่ศิษย์คนโตแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยขุดมันขึ้นมา และได้รับการปิดบังอำพรางเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม

ในขณะนั้น ทั้งสองนั่งยองๆ อยู่ในมุมของถ้ำสมบัติ นักพรตเต๋าตั๋วเป่าหยิบกระจกสมบัติออกมาจากกระเป๋าหน้าอกของเขา และพ่นลมหายใจใส่กระจกสมบัตินั้น แล้วจู่ๆ ก็มีเมฆสีขาวปรากฏขึ้นในกระจกอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด

บนเมฆขาวนั้น มีนักพรตเต๋าเฒ่าผู้หนึ่งนั่งอยู่ในขณะที่มีเมฆหมอกบางเบารายล้อมรอบกายเขา

อย่างไรก็ตาม นักพรตเต๋าตั๋วเป่า ก็พ่นลมหายใจใส่กระจกสมบัติอีกครั้ง จากนั้น เมฆหมอกบางเบาก็ค่อยๆ สลายไป เผยให้เห็นลักษณะที่แท้จริงของนักพรตเต๋าผู้นั้น เขามีใบหน้าเหลี่ยมจัตุรัส สวมชุดคลุมเต๋าสีน้ำตาล มีจอนผมอยู่บนขมับทั้งสองข้าง และมีใบหูใหญ่ยาน พร้อมกันนั้น ยังมีโคมทองสัมฤทธิ์วางอยู่บนไหล่ของเขา

เขาคือ รองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน นักพรตเต๋าหรานเติ้งใช่หรือไม่?

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเกรงว่า หลี่ฉางโซ่วจะไม่รู้จักนักพรตเต๋าผู้นี้ เขาจึงเริ่มกล่าวแนะนำขึ้นมาก่อนว่า “นั่นคือ รองเจ้าสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน

ตามที่เขากล่าว เขาเป็นคนรุ่นเดียวกับท่านอาจารย์ทั้งสามคนของพวกเรา โดยปกติแล้ว เมื่อพบเขา ข้าจะต้องเรียกเขาว่า อาจารย์อา

หลี่ฉางโซ่วจึงได้รับรู้กระจ่างแจ้งทันทีและรีบกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส หากเขายังอยู่ห่างไกล เช่นนั้น พวกเราก็จากไปก่อนเถิด”

“เขาเห็นบาตรของข้าแล้ว และยังเคยเห็นข้าใช้มันมาก่อนอีกด้วย…”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ยุ่ง เรามาดูกันว่า เขามาทำอะไรที่นี่ก่อน แม้เขาจะเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าของเรา แต่ข้าก็ไม่ได้กลัวเขา

เจ้าวางใจได้ แม้นักพรตเต๋าหรานเติ้งจะเป็นรองเจ้าสำนัก แต่เขาก็เป็นเพียงคนนอก ท่านปรมาจารย์เต๋าอาวุโสทั้งสามล้วนให้ความสำคัญกับมรดกเต๋ามากที่สุด เขาเป็นศิษย์ของสำนัก หากรองเจ้าสำนักหรานเติ้งมาค้นหาสมบัติที่นี่เช่นกัน ข้าก็จะแอบเอาสมบัติสองสามชิ้นมาไว้ที่นี่ แล้วปล่อยให้เขาเอาไป”

ด้วยเหตุผลบางอย่างที่สัมผัสได้จากคำพูดของนักพรตเต๋าตั๋วเป่า หลี่ฉางโซ่วก็คิดว่า นักพรตเต๋าตั๋วเป่ารู้สึกไม่พอใจนักพรตเต๋าหรานเติ้งอยู่ลึกๆ ดังนั้น เขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก และก็เป็นไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดเดา หรานเติ้งน่าจะมาที่นี่เพื่อหาเหรียญทองแดงลั่วเป่า

หากเป็นเช่นนี้ เหตุการณ์ที่เสี่ยวเซิงและเฉาเป่าใช้เหรียญทองแดงลั่วเป่าเพื่อแย่งชิงไข่มุกเทพทะเลในเรื่องมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพ ก็จะเป็นการแสดงที่ดีสำหรับผู้กำกับหรานเติ้ง ซึ่งเขาจะพาอาจารย์ลุงจ้าวเข้าไปติดในกับดัก!

วันนี้ เขาได้เก็บเอาเหรียญทองแดงลั่วเป่าไปด้วยตัวเขาเอง และยุติทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน และเขายังทำให้หรานเติ้งเสียโอกาสในการยึดครองไข่มุกเทพท้องทะเลไปอีกด้วย…

หรือว่า หรานเติ้งจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง?

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ผู้น้อยเคยได้ติดต่อกับรองเจ้าสำนักหรานเติ้งมาก่อนแล้ว และเกรงว่า จะทำให้เขาขุ่นเคืองมาก่อนหน้านี้ขอรับ”

“โอ้?”

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าอดจะรู้สึกสนใจไม่ได้และกล่าวว่า “แล้วเจ้าไปมีเรื่องขัดแย้งกับเขาได้อย่างไรเล่า?”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กล่าวตอบผ่านการส่งข้อความเสียงด้วยคำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำ เพื่อเล่าให้นักพรตเต๋าตั๋วเป่าฟังถึงเรื่องการสนทนาระหว่างเขากับหรานเติ้งก่อนหน้านี้

แน่นอนว่า เขาไม่อาจเล่าความจริงทั้งหมดได้ เขาจึงกล่าวได้เพียงว่า เขาไม่ได้รู้จักผู้อาวุโสแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานผู้นี้มาตั้งแต่แรก ทว่าบังเอิญได้ก่นด่าหรานเติ้งไปสองสามครั้ง และเขาก็ไม่ได้บอกว่า ในเวลานั้น จ้าวกงหมิงและหวงหลงเจินเหริน กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่จากด้านข้างอีกด้วย

นักพรตเต๋าตั๋วเป่าตั้งใจฟังอย่างระมัดระวังขณะที่มีท่าทางรับรู้ด้วยความประหลาดใจ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นบนใบหน้าอวบอ้วนเล็กน้อยของเขา และอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้พร้อมกับยกมือขึ้นตีหลี่ฉางโซ่วเบาๆ สองครั้ง

“เหตุใดเจ้าถึงได้วางแผนร้ายกาจเช่นนี้!?!

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! น่าเสียดายจริงๆ ที่ข้าไม่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาของข้าเอง”

หลี่ฉางโซ่วถามเบาๆ ว่า “ผู้อาวุโส ดูเหมือนว่า ท่านจะปฏิบัติต่อรองเจ้าสำนักท่านนี้…”

“เฮ้อ” ตั๋วเป่าส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เรื่องบางอย่าง เราก็ไม่ควรพูดถึงมัน!”

โดยทั่วไปแล้ว การได้ยินประโยคเช่นนี้ ย่อมบ่งบอกว่า ผู้พูดกระตือรือร้น อยากจะบ่นออกมาอย่างเต็มที่

หลี่ฉางโซ่วจึงพายเรือตามน้ำ[1] และกล่าวอย่างจริงจังว่า “ผู้น้อยอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งผิดปกติหรือความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นในอนาคตได้ขอรับ”

ดังนั้น ตั๋วเป่าจึงถอนหายใจเบาๆ

จากนั้น เขาก็กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดว่า “ในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ทั้งสองสำนักมีเรื่องขัดแย้งกันอย่างต่อเนื่อง บ่อยครั้งที่สหายเต๋าจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน มักสร้างปัญหาขึ้นอย่างไร้เหตุผล และบางครั้งก็มีสหายศิษย์ร่วมสำนักกล่าวเรื่องไม่ถูกต้อง ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ส่วนใหญ่ ก็เป็นข้าเองที่ต้องรีบเร่งเข้าไปจัดการอยู่บ่อยครั้ง แล้วไม่นาน ข้าก็ได้พบปะพูดคุยกับผู้อาวุโสคนนี้

ว้าว… ฉางเกิง เจ้าไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสคนนี้ เขาจะเป็นปรมาจารย์ผู้หนึ่งในภายหน้า เจ้าควรใส่ใจระวังเมื่อพูดกับเขาให้มากขึ้น อย่าปล่อยให้เพลี่ยงพล้ำได้ และอย่าให้เขารู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อเจ้าได้ ผู้อาวุโสคนนี้ เหอะๆ เขามีความคิดซับซ้อนยิ่ง!”

หลี่ฉางโซ่วพอเข้าใจคร่าวๆ ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ไม่รู้ว่า ปรมาจารย์อย่างตั๋วเป่า และหรานเติ้ง จะสามารถแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจจับได้ไกลเพียงใด?

หลังจากพูดคุยกันมานานแล้ว ภาพในกระจกก็ยังคงเป็นเฉกเช่นเดิม หากไม่เป็นเพราะเมฆที่ถอยกลับอย่างรวดเร็ว หลี่ฉางโซ่วก็คงจะคิดจริงๆ ว่า มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับกระจกสมบัติวิญญาณนี้

อย่างไรก็ตาม เพียงขณะที่กำลังจะเอ่ยถาม ทันใดนั้น สัมผัสเซียนรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วก็จับร่างของหรานเติ้งเอาไว้ได้

………………………………………………………………..

[1] เปรียบว่า ดำเนินการตามสถานการณ์ที่เป็นไป หรือฉวยโอกาสจากสถานการณ์ที่เป็นไป จากวรรณกรรมสามก๊กในช่วงที่หลิวเป่ยขอให้เฉาเชาปล่อยเถาเซียน