วารุณีมองขยานีแล้วตอบว่า “คิดมากเกินไป ในใจมีแต่ความกลัวเลยทำให้ร่างกายทรุดโทรมลงแบบนี้”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้” ปาจรีย์พยักหน้าให้เห็นว่าตนเข้าใจ
วารุณีเดินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วหยุดอยู่ด้านหน้าหน้าต่างกระจกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ด้านหลังหน้าต่างกระจก ขยานีเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช่นกัน
วารุณีถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรถึงอยากเจอฉัน”
ขยานีไม่ตอบ เธอจับไมค์เอาไว้แล้วจ้องมองมาที่เธอนิ่งๆ
วารุณีขมวดคิ้ว “ถ้าเธอไม่พูด ฉันจะไปแล้ว”
ระหว่างที่พูด เธอก็ตั้งท่าจะวางโทรศัพท์
ขยานีเห็นเธอเอาจริง มือทั้งสองของเธอจึงกำไมค์เอาไว้แน่นแล้วรีบเรียกเธอ “เดี๋ยวก่อน”
“ดูเหมือนว่าเธอมีเรื่องอยากจะพูด” วารุณีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง
ขยานีสูดหายใจลึก “ตอนนี้สุภัทรเป็นยังไงบ้าง”
วารุณีขมวดคิ้ว “เธอยังกล้าถามถึงเขาอีกเหรอ ฉันนึกว่าการที่เขาจัดการเธอแล้วเอาเธอเข้ามาไว้ในนี้ แล้วเธอจะเกลียดเขาเสียอีก”
“ก็ใช่ ฉันเกลียดเขา ที่ฉันถามถึงเขาก็แค่อยากรู้ว่าเขาตายไปแล้วหรือยัง” ใบหน้าของขยานีเริ่มบิดเบี้ยว
แววตาของวารุณีหมองลง “แล้วเธอคิดว่าเขาตายไปรึยังล่ะหรือเธออยากให้เขาตายไหมล่ะ”
“ยังต้องถามอีกเหรอ เธอลองดูหน้าหล่อนสิ คงอยากให้พ่อไม่เอาไหนของเธอตายเต็มที่” ปาจรีย์ที่อยู่ข้างๆเห็นสีหน้าของขยานีจึงเอ่ยปากแทรกขึ้นมา
มือของขยานีที่ถือโทรศัพท์อยู่เริ่มสั่นเบาๆ “ใช่ ฉันอยากให้เขาตายแทบแย่ ทำไมฉันต้องถูกขังอยู่ในนี้ด้วย อีกไม่นานฉันก็จะต้องรับโทษแล้ว แต่เขากลับยังมีชีวิตอยู่ด้านนอก ไม่ยุติธรรม!”
“ไม่เห็นมีอะไรไม่ยุติธรรมนะ ถึงคุณสุภัทรจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เขาก็ไม่เคยทำเรื่องชั่วร้าย แม้แต่ลงมือกับปวิชก็ยังไม่ทำ เรื่องชั่วร้ายทั้งหมดเป็นฝีมือของเธอ ถ้าเธอไม่ถูกขังอยู่ในนี้จะให้ไปอยู่ที่ไหน เธอยังกล้าถามหาความยุติธรรมอีกเหรอ เธอคู่ควรแล้วเหรอ” วารุณีจ้องเขม็งไปที่เธอ
ใบหน้าของขยานีถมึงทึง “ใช่ ฉันเป็นคนทำเรื่องชั่วๆ ทั้งหมด แต่นั่นเป็นเพราะพวกแกบีบให้ฉันต้องทำ ถ้าพวกแก……”
“พอได้แล้ว!” ปาจรีย์กลอกตา “วารุณีบีบคั้นเธอยังไง พวกเขาบังคับให้เธอเป็นเมียน้อยไหม บังคับให้เธอคบชู้กับปวิชไหม บังคับให้เธอวางยาคุณสุภัทรไหม บังคับให้เธอบีบคอคุณสุภัทรตายไหม ไม่เลย ทั้งหมดนี้เธอเป็นคนทำเองทุกอย่าง ดังนั้นเธออย่าโยนความผิดทั้งหมดไปให้คนอื่น”
“ถูกต้อง เรื่องทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะเธอเองต่างหาก เป็นเพราะความโลภของเธอทั้งนั้น ต่อให้ตอนนั้นเธอไม่เลือกคุณสุภัทร ไม่ได้เป็นเมียน้อยคุณสุภัทร คนโลภเงินอย่างเธอก็จะไปสนใจผู้ชายของคนอื่น เป็นเมียน้อยของสามีคนอื่น จากนั้นก็จะวางยาผู้ชายคนนั้นแล้ววางแผนแย่งสมบัติของผู้ชายคนนั้น สุดท้ายเธอก็โดนลากเข้าคุกอยู่ดี”
“อย่าเหลวไหล!” ขยานีโกรธจนตวาดใส่วารุณี
สีหน้าของวารุณียังคงเดิมแล้วกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “สุดท้ายแล้วฉันพูดเหลวไหลรึเปล่านั้น อันที่จริงเธอก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะนี่คือนิสัยของเธอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหน สุดท้ายเธอก็จะโลภจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้อยู่ดี ดังนั้นเธออย่าโทษคนอื่นเลย เธอโทษตัวเองเถอะที่โลภจนหน้ามืดแบบนี้”
“ไม่ใช่ ไม่จริง……” ขยานีส่ายหน้าอย่างแรง พยายามอย่างหนักที่จะปฏิเสธคำพูดของวารุณี
แต่ในใจของเธอจำต้องยอมรับว่าวารุณีพูดได้ถูกต้อง
แม้ว่ายี่สิบปีที่แล้วเธอจะไม่สนใจสุภัทร แต่เป็นผู้ชายคนอื่น
สุดท้ายจุดจบของเธอก็จะเป็นแบบนี้เหมือนเดิม
“ช่างเถอะ พูดเรื่องนี้มีประโยชน์อะไร ตัวเธอก็อยู่ในนี้แล้ว เห็นแก่ว่าเธอต้องรับโทษพรุ่งนี้แล้ว ฉันจะบอกเรื่องที่เธออยากรู้ก็แล้วกัน คุณสุภัทรตายแล้ว”วารุณีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
ขยานีเงยหน้าขึ้นไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอว่าอะไรนะ สุภัทรตายแล้วงั้นเหรอ”
“ใช่แล้ว ตายไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน” วารุณีกล่าว มือที่ถือโทรศัพท์ของเธอยิ่งกำแน่นขึ้น
ปาจรีย์เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนแล้วว่าในใจของเธอไม่ได้แข็งอย่างปากของเธอ
เธอเองก็เสียใจกับการจากไปของคุณสุภัทรเช่นกัน
ใช่แล้วเพราะเขาคือพ่อแท้ๆ ของเธอ
ปาจรีย์ตบไหล่วารุณีเป็นการปลอบอย่างไร้สุ้มเสียง
วารุณีหันไปแล้วยิ้มให้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร
อีกด้านของหน้าต่างกระจก หลังจากขยานีดึงตัวเองออกมาได้จากความตกใจแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ “ดี ดีมาก ตายได้ซะที แถมยังตายก่อนฉันอีก แผนการของฉันไม่ได้ล้มเหลว ฮ่าๆๆ ฉันไม่แพ้!”
“ถูกต้อง เธอไม่แพ้ แล้วร้องไห้ทำไม” วารุณีมองเธออย่างไร้ความรู้สึก
ขยานีชะงักไปเล็กน้อย
ร้องไห้?
เธอร้องไห้?
ขยานียกมือขึ้นสัมผัสดวงตาของตนเองจึงสัมผัสได้ถึงความชื้น
ร่างกายของเธอสับสนไปหมด ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงร้องไห้
และยิ่งไม่เข้าใจมากกว่านั้นว่าทำไมเธอถึงรู้สึกจุกอยู่ในหัวใจและรู้สึกอึดอัด
ในขณะที่ขยานีสับสนอยู่นั้น คำพูดของวารุณีทำให้เธอกลับไปตื่นตกใจอีกครั้ง “ดูท่าทางแล้ว เธอเองก็รักคุณสุภัทรอยู่เหมือนกันนะ”
วารุณีมองออกเพราะน้ำตาของขยานีแสดงให้เห็นว่าเธอเองก็มีความรู้สึกกับคุณสุภัทร
ไม่เช่นนั้นแล้วเมื่อได้ยินว่าคุณสุภัทรตาย อารมณ์ของเธอคงไม่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
ไม่แปลกอะไร เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งยี่สิบกว่าปี ต่อให้ไม่รักแต่คงจะต้องมีความผูกพันต่อกันอยู่บ้าง
“ไม่ ไม่มีทาง ฉันจะไปรู้สึกอะไรกับสุภัทรได้ยังไง” ขยานีสั่นไปทั้งตัวพยายามอย่างยิ่งที่จะปฏิเสธความจริงข้อนี้ “ไอแก่นั้นอารมณ์ร้อน นิสัยแย่แข็งกระด้าง แถมยังคิดว่าผู้ชายเป็นใหญ่ ฉันจะไปรู้สึกอะไรกับคนแบบนี้ได้ยังไง!”
ปาจรีย์กอดอก “อย่ามาเล่นลิ้นอยู่เลย ถ้าเธอไม่รู้สึกอะไร ทำไมเธอถึงเข้าอกเข้าใจเขาดีจัง”
“อยู่ด้วยกันมาตั้งยี่สิบปีจะไม่เข้าใจได้ยังไงล่ะ เข้าใจไม่ได้หมายความว่ามีความรู้สึก สิ่งที่ฉันสนใจมีแค่เงินของเขาเท่านั้น อ่อใช่ เขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วสมบัติของเขาล่ะ” ขยานีจ้องวารุณีเขม็ง “สมบัติของสุภัทรอยู่ไหน”
“เธอเป็นคนฆ่าเขา ยังคิดอีกเหรอว่าเขาจะยอมยกสมบัติให้เธออีก” ปาจรีย์อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “ก่อนที่คุณสุภัทรจะตายได้เรียกทนายมาจัดการเรื่องสมบัติของเขาเรียบร้อยแล้ว สมบัติทั้งหมดตกเป็นของวารุณีกับศรันย์”
“ทั้งหมดเป็นของพวกแกสองพี่น้องงั้นรึ” ขยานีเริ่มควบคุมร่างกายของตัวเองไม่อยู่ ใบหน้าของเธอเคียดแค้นน่าสยดสยอง “เป็นไปได้ยังไง ต่อให้ฉันทำร้ายเขา แต่ฉันก็เป็นเมียของเขา ฉันเป็นผู้สืบทอดลำดับที่หนึ่งมรดกของเขา วารุณี แกเอาสมบัติทั้งหมดคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เธอแผดเสียงดังลั่น
วารุณีอมยิ้ม “แน่นอนว่าเธอคือผู้สืบทอดมรดกลำดับแรก แต่นั่นคือตอนที่เขายังไม่ได้ร่างพินัยกรรมต่างหากล่ะ แต่ก่อนที่เขาจะตายได้ร่างพินัยกรรมขึ้นมาโดยยกมรดกทั้งหมดให้พวกเราสองพี่น้อง ตามกฎหมายแล้วมรดกต้องตกเป็นของทายาทอยู่แล้ว แค่นี้ก็ไม่เข้าใจหรือไง”
“ฉันไม่สนว่าอะไรคือมรดกต้องตกเป็นของทายาท ฉันต้องการแค่เงิน!” ขยานีแผดเสียงลั่นราวกับคนเสียสติ
ถ้าไม่มีเงินแล้วลูกถวิตของเธอจะทำยังไงล่ะ
“ขอโทษด้วยนะ ต่อให้เธออยากได้สมบัติก็ไม่มีให้หรอก ตระกูลศรีสุขคำอาศัยการสนับสนุนจากคุณตาของฉัน หลังจากที่คุณตาคุณยายของฉันจากไปแล้ว ตระกูลศรีสุขคำก็อาศัยการสนับสนุนจากแม่ของฉัน ดังนั้นเงินนี้เดิมทีก็ควรเป็นของพวกเราสองพี่น้องอยู่แล้ว เมียน้อยอย่างเธอเสพสุขเงินที่ไม่ใช่ของตัวเอง เสพสุขมายี่สิบกว่าปีก็ควรพอได้แล้วล่ะมั้ง นี่ยังคิดจะกอดทุกอย่างเอาไว้ในกระเป๋าตัวเองอีกหรือ ฝันไปเถอะ” วารุณียิ้มระหว่างที่กล่าวอย่างถากถาง
ขยานีจ้องเขม็งไปที่เธออย่างยาวนาน
แต่วารุณีไม่กลัว เธอยังคงยิ้มอย่างนิ่งสงบ “อ้อ จริงด้วย มีอีกเรื่องหนึ่งที่ลืมบอกไป ตามจริงแล้วมีเรื่องที่ลืมบอกไปอย่างหนึ่ง จริงๆ แล้วเธอไม่ต้องติดคุกแถมยังต้องได้รับมรดกของคุณสุภัทรอีกด้วย”
“อะไรนะ?” สีหน้าของขยานีเปลี่ยนแปลงไป
ไม่ต้องติดคุกแถมยังได้รับมรดกของสุภัทรอีกงั้นเหรอ?
“หมายความว่ายังไง” ขยานีถามอย่างไม่สามารถควบคุมตนเองได้