บทที่ 450 น้ำลดตอผุด

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 450 น้ำลดตอผุด

รุ่ยอ๋องเฟยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่วังบูรพา เหตุใดฮองเฮาถึงได้เรียกพบนาง

แถมยังเรียกนางไปพบที่ตำหนักบูรพา แต่ไม่ใช่ตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา

แต่เผอิญว่ารุ่ยอ๋องเฟยนั้นไม่อยู่ที่จวน รุ่ยอ๋องเฟยเองก็ไม่ใช่คิดอันใดซับซ้อน จึงนั่งรถม้าที่ซูกงกงส่งมาไปยังตำหนักบูรพา

ยามรุ่ยอ๋องเฟยมาถึง เซียวฮองเฮาก็สืบสาวราวเรื่องจากเบาะแสทั้งสองอย่างหนิงอ๋องและเวินหลินหลัง สาวไปถึงสาเหตุการตายของเวินหยาง

เรื่องของเวินหยางนั้นถูกจัดการอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่เซียวฮองเฮาก็หาช่องโหว่ไม่ได้

แต่บางครั้ง ไม่มีช่องโหว่นั้นแหละคือช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุด

รุ่ยอ๋องเฟยเป็นชายาขององค์ชาย เซียวฮองเฮาไม่มีทางลงโทษนาง ยิ่งไปกว่านั้นนางกำลังตั้งครรภ์อยู่ เซียวฮองเฮาจึงถามตามตรงเรื่องความสัมพันธ์ของไท่จื่อเฟยและหนิงอ๋อง

รุ่ยอ๋องเฟยมึนงงไปหมด “พี่ใหญ่หรือเพคะ นางกับพี่ใหญ่มีเรื่องอะไรกันหรือเพคะ ชายที่อยู่หลังภูเขาจำลองคนนั้นคือพี่ชายของนาง เวินหยางนี่เพคะ”

สัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นบางที่ก็แม่นยำเสียจนน่ากลัว ทั้งๆ ที่เซียวฮองเฮาไม่ถามอย่างชัดแจ้งว่าเป็นเรื่องอะไรของสองคนนั้น ทว่ารุ่ยอ๋องเฟยกลับคิดไปถึงเหตุการณ์หลังภูเขาจำลองได้

นางสัมผัสได้ว่าฮองเฮาหมายถึงเรื่องที่ไม่อาจบอกใครได้

เซียวฮองเฮามองนางด้วยแววตาอ่อนโยนทว่าน่ายำเกรง “เชียนเชียน เจ้าเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟังที”

รุ่ยอ๋องเฟยยังไม่ทันได้เล่า เซียวฮองเฮาก็เอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยค “รวมถึงเพื่อนคนนั้นของเจ้าด้วย”

รุ่ยอ๋องเฟย

สมกับเป็นฮองเฮา หากออกโรงแล้วไม่มีผู้ใดเล็ดลอดไปได้แน่นอน

รุ่ยอ๋องเฟยไม่กล้าปกปิด เล่าเหตุการณ์ที่ได้ยินหลังภูเขาจำลองทั้งหมด “…ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นเชลยซึกแคว้นเฉิน เพราะข้าเห็นว่าบนใบหน้าของเขามีรอยแผล พี่ใหญ่บอกว่าอย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม เขาจะเป็นคนไปหาหลักฐาน หลักจากหาหลักฐานแล้ว ถึงได้รู้ว่าเชลยศึกแคว้นเจาเป็นผู้บริสุทธิ์ คนที่แอบลักลอบนัดพบกับไท่จื่อเฟยคือเวินหยาง เวินหยางนัดพบไท่จื่อเฟยเพื่อรีดไถเงิน แถมยังทำมิดีมิร้ายชุนอิ๋ง ทุบชุนอิ๋งจนสลบ”

เรื่องนี้ชุนอิ๋งสารภาพมาหมดแล้ว

คนที่ทุบชุนอิ๋งจนสลบคือหนิงอ๋อง

คำให้การตรงกัน

ชุนอิ๋งไม่ได้โกหก รุ่ยอ๋องเฟยก็เช่นกัน รุ่ยอ๋องเฟยแค่ไม่รู้ความจริงทั้งหมดก็เท่านั้น

“เสด็จแม่ หรือว่าวันนั้น…” รุ่ยอ๋องเฟยสารภาพจบ จู่ๆ ก็เกิดใจกล้าคาดเดาบางอย่างขึ้นมา

เซียวฮองเฮายิ้มบาง เอ่ยเสียงเรียบเฉย “ใกล้จะคลอดแล้วใช่หรือไม่ อย่าทำอะไรหักโหม ข้าเอ็นดูเจ้ากับเจ้าสามนัก มีเวลาว่างก็มานั่งเล่นที่ตำหนักคุนหนิงได้”

นี่เรียกได้ว่าเป็นการแสดงไมตรีต่อสองสามีภรรยารุ่ยอ๋อง

คู่ของรุ่ยอ๋องนั้นหากว่าด้วยเรื่องความสามารถแล้วก็เรียกว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่หากว่ากันด้วยชาติตระกูลแล้ว ตาของตู้เชียนเชียนเป็นถึงกั๋วกง ต่อให้แม่ของนางจะเป็นเพียงลูกสาวของอนุในกั๋วกง แต่ก็นับว่ามีหน้ามีตาระดับไม่น้อย

นอกจากนั้น มีอีกมีปมหนึ่งที่คิดอย่างไรเซียวฮองเฮาก็คิดไม่ตก สองสามีภรรยาคู่นี้ดูเหมือนจะดวงแข็งไม่น้อย รอดชีวิตจากเหตุการณ์สะพานขาด ทั้งยังรอดพ้นจากการขายขี้หน้าต่อคณะทูตแคว้นเหลียงอีก

หากเกิดอะไรขึ้นกับหนิงอ๋องจริงๆ คนที่สนิทชิดเชื้อกับหนิงอ๋องอย่างสามีภรรยาคู่นี้คงโดนหางเลขไปด้วย ถึงตอนนั้นหากเซียวฮองเฮาออกหน้าปกป้องก็คงยากเหมือนก่อไฟกลางหิมะ

แต่ถึงกระนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าคู่ของรุ่ยอ๋องจะยอมขอความช่วยเหลือจากเซียวฮองเฮาหรือไม่

เซียวฮองเฮาสืบจนดึกดื่นค่อนคืนกว่าจะได้หลักฐานครบถ้วน หลังจากนั้นนางก็ออกไปยังตำหนักฮว๋าชิง

จวงกุ้ยเฟยรู้ข่าวทีหลังเซียวฮองเฮา นางเพิ่งมาถึงตำหนักฮว๋าชิงก็บังเอิญเจอกับเซียวฮองเฮา

“ฮองเฮา…” จวงกุ้ยเฟยตั้งใจจะถามว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นระหว่างไท่จื่อกับหนิงอ๋องกันแน่

ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก เซียวฮองเฮาก็ง้างมือตบเข้าที่บ้องหูของนางเต็มเปา!

จวงกุ้ยเฟยที่ถูบตบก็มึนงง!

แม้ฐานันดรของทั้งสองนั้นห่างชั้นกัน เซียวฮองเฮาคือฮองเฮา แต่จวงกุ้ยเฟยนั้นมีจวงไทเฮาหนุนหลัง ถือว่ามีอำนาจในวังหลังอยู่พอตัว

ต่างฝ่ายต่างยำเกรงซึ่งกันและกัน

เซียวฮองเฮาฉีกหน้าจวงกุ้ยเฟยเช่นนี้ นับว่าเป็นครั้งแรก

นางกำนัลที่อยู่ข้างกายต่างตื่นตกใจ พากันคุกเข่า

จวงกุ้ยเฟยกุมใบหน้าบวมเป่ง จ้องมองเซียวฮองเฮาอย่างแค้นเคือง

เซียวฮองเฮาเหลือบตามองนางไม่ยี่หระ ราวกับไม่รู้สึกผิดหรือเสียใจที่ตบหน้านาง “เจ้าสอนลูกเจ้าได้ดีนี่!”

พูดจบกับก็ผลักจวงกุ้ยเฟยไปข้างหลัง สะบัดแขนเสื้อเดินเข้าตำหนักฮว๋าชิงไป

เซียวฮองเฮามอบหลักฐานและพยานบุคคลให้แก่ฮ่องเต้ พยานบุคคลที่ว่าคือชุนอิ๋ง “…เรื่องนี้ร้ายแรงนัก เพื่อมิให้เป็นการฟังความจากหม่อมฉันข้างเดียว ฝ่าบาทไต่สวนรุ่ยอ๋องเฟยกับองค์ชายหกแคว้นเฉินเอาเถิด พวกเขาคือพยานบุคคลปากเอก”

ฮ่องเต้คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะลุกลามใหญ่โต แม้แต่องค์ชายหกแคว้นเฉินก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

แน่นอนว่าฮ่องเต้ต้องถามจากปากพวกเขาอย่างแน่นอน

ทางฝั่งรุ่ยอ๋องเฟยนั้น ฮ่องเต้ไม่ได้เรียกมา แต่เรียกรุ่ยอ๋องมาแทน

ส่วนองค์ชายแคว้นเฉินนั้นรับสารภาพแต่โดยดีว่าเป็นคนวางยาหนิงอ๋องและไท่จื่อเฟย ครั้งนี้เขาวางยาก็จริง แต่ก่อนหน้านี้มิใช่ฝีมือเขา

“เขาส่งคนมาสังหารกระหม่อมก่อน กระหม่อมแค่โต้กลับเล็กน้อย ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเขา…” หยวนถังเอ่ยเสียงพึมพำ

ฮ่องเต้โมโหหยวนถังจนต้องกลอกตา

หนิงอ๋องแทบจะถูกแขวนคอบนกำแพงแล้ว นี่ยังไม่เรียกว่าเอาชีวิตอีกหรือ…

แคว้นเจามีเซียวจี่ แคว้นเฉินก็มีหยวนถัง พวกพูดจาหน้าไม่อาย!

รุ่ยอ๋องเองก็รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังภูเขาจำลอง เขาเล่าว่ารุ่ยอ๋องเฟยจำหยวนถังผิดที่หน้าประตูวัง หลังจากนั้นนางก็บอกเรื่องที่นางสงสัยให้กับตนและหนิงอ๋องรับรู้

ที่เขาเล่าเรื่องนี้ก็เพราะว่าฮ่องเต้นั้นบอกความจริงไม่หมด เขาแทบไม่เอ่ยถึงหนิงอ๋อง รุ๋ยอ๋องจึงคิดว่าฮ่องเต้สงสัยเกี่ยวกับการตายของเวินหยาง

รุ่ยอ๋องนั้นเคารพรักหนิงอ๋องเป็นอย่างมาก หากรู้ว่าความจริงแล้วเป็นหนิงอ๋อง เกรงว่าจะไม่ยอมปริปาก

หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ไต่สวนชุนอิ๋ง

รวบรวมคำให้การของแต่ละคนรวมกับเงินที่หนิงอ๋องและหยวนถังว่าจ้างชุนอิ๋ง หนิงอ๋องคงหนีไม่พ้นข้อหาลอบฆ่า

ฮ่องเต้เจ็บปวดใจเหลือเกิน ยากจะทำใจยอมรับว่าลูกชายคนโตของเขานั้นใจดำอมหิตเพียงนี้

เขาเรียกหนิงอ๋องเฟยมา หวังว่าจะได้เบาะแสจากนางอีก

ฮ่องเต้หวังว่าจะได้ยินอะไรน่ะหรือ เขาเองก็ไม่แน่ใจ

แต่เขานั้นเข้าใจดีว่า ความผิดของหนิงอ๋องนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว

“เจ้ารู้หรือไม่…” ฮ่องเต้เพิ่งจะเอ่ยปาก หนิงอ๋องที่เงียบมาตลอดก็พลันส่งเสียงออกมา “นางไม่รู้ นางไม่รู้อะไรทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เหลือบตามองลูกชายแวบหนึ่ง

เซียวฮองเฮาและจวงกุ้ยเฟยรวมถึงบรรดาคนอื่นต่างอยู่ที่ตำหนักปีกข้าง ภายในห้องหนังสือมีเพียงเขา หนิงอ๋อง และหนิงอ๋องเฟย

เป็นใบ้มาค่อนคืน คราวนี้ยอมพูดแล้วหรือ

หนิงอ่องคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าเอ่ย “เสด็จพ่ออยากถามอะไร ก็ถามลูกเถิด ฉู่เย่ว์ไม่รู้อะไรทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

หนิงอ๋องเฟยไม่มองเขา ร่างที่คุกเข่าอยู่ข้างกายเขานั้นเหยียดตรงและผอมบาง

ฮ่องเต้จ้องมองทั้งสอง

“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเฟยกับเซียวฮองเฮาทะเลาะกันพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยกงกงรีบวิ่งเข้ามาในห้อง ก่อนจะเอ่ยกระซิบรายงานฮ่องเต้

ฮ่องเต้คิ้วขมวด เอ่ยกับหนิงอ๋องเฟย “เจ้ากลับไปเถิด”

“เพคะ” หนิงอ๋องเฟยลุกยืนขึ้น ย่อเข่าถวายบังคม รอให้ฮ่องเต้เสด็จออกไปจากห้องหนังสือเสียก่อนนางถึงจะหันหลังเดินออกไป

“ซู่ซิน” หนิงอ๋องเรียกนาง ริมฝีปากเผยออ้าก่อนจะพูดออกมา “ร่มคันนั้น…เจ้าเป็นคนวานให้คนเอามาให้ข้าหรือ เหตุใดถึงไม่เอามาให้ข้าเอง”

หนิงอ๋องเฟยหันหลังให้เขา ไม่เหลียวหันมา นางแหงนหน้ายิ้มให้กับแสงจันทร์ “ท่านไม่กล้าแม้แต่จะเรียกชื่อคนผู้นั้นเลยหรือ”

หนิงอ๋องสะอึก

สุดท้ายหนิงอ๋องเฟยก็หันหลังกลับมามองเขา มุมยกยิ้มหัวเราะเยาะตัวเองพลางเอ่ย “หากข้าให้ท่านด้วยตนเอง ท่านจะเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือ”

ใบหน้าของนางนั้นห่างไกลกับหญิงงามอันดับหนึ่งอย่างเวินหลินหลังอยู่มากโข

นางปรากฏตัวต่อหน้าหนิงอ๋องไม่บ่อยนัก แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่หนิงอ๋องมองเห็นนาง หนิงอ๋องจำได้เพียงแค่ว่าเวินหลินหลังมอบร่มให้เขา แต่หนิงอ๋องไม่รู้ว่าก่อนมอบร่มให้ นางคือคนที่หลบฝนอยู่กับเขาที่ศาลารับลม

นางมากับสาวใช้

หนิงอ๋องมองสาวใช้นางแต่กลับไม่ปรายตามองนางแม้แต่นิด

หนิงอ๋องมองแผ่นหลังของหนิงอ๋องเฟยที่ไกลออกไป นานกว่าจะได้สติกลับคือมาอีกครั้ง

เขาถามตัวเองในใจ หากวันนั้นคนที่ยื่นร่มให้เขาเป็นนาง เขาจะเห็นนางในสายตาหรือไม่

คำตอบคือไม่

เขาไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้เหมือนเจ้าสี่ แต่หญิงจืดชืดนั้นไม่อยู่สายตาเขาจริงๆ ตอนนั้นที่แต่งงานกับหนิงอ๋องเฟยก็เพราะราชครูจวงเป็นคนต้นคิด แต่งงานกับคนที่คู่ควร ราชครูจวงคิดว่าหญิงสาวหน้าตาธรรมดาอย่างฉู่เย่ว์เก่งกาจกว่าลูกสาวตระกูลใหญ่ที่ไม่เอาอ่าวเหล่านั้นเป็นไหนๆ

เวินหลินหลังเองก็เก่งกาจเช่นกัน แต่ตอนนั้นนางยังเด็ก อีกทั้งชาติตระกูลไม่ทัดเทียม แล้วเหตุผลสุดท้ายที่สำคัญที่สุดก็คือ นางหมั้นหมายกับเซียวเหิงแล้ว

ราชครูจวงไม่ทางยอมให้เขาขายขี้หน้าเหมือนไท่จื่อหรอก

แต่งงานกับหญิงที่เคยหมั้นหมายกับชายอื่น กลัวว่าลำดับของตัวเองจะห่างจากบัลลังก์ไม่ไกลพอหรืออย่างไร

เขาเคารพฉู่เย่ว์เพราะนางคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เป็นเรื่องที่เขาพึงกระทำอยู่แล้ว

เพียงแต่ตอนนั้นเขาถูกวางยาแล้วนอนอยู่บนเตียงในโรงเตี๊ยม ในหัวมีแต่ภาพของฉู่เย่ว์ลอยเต็มไปหมด ส่วนเวินหลินหลังก็คิดว่าเขาเป็นเซียวเหิง จึงพูดกับเขาว่า ‘จากนี้ไปมาใช้ชีวิตด้วยกันดีหรือไม่’ เขาเข้าใจผิดว่าฉู่เย่ว์เป็นคนพูดกับเขา

เพราะอย่างนั้นเขาถึงกอด ‘นาง’ บอกกับนางว่า ‘ดี’

กลางดึก หยวนถังกลับมาอีกครั้ง เพื่อให้การเรื่องสำคัญกับฮ่องเต้…เรื่องที่เซียวลิ่วหลังหายตัวไปเป็นฝีมือของหนิงอ๋อง เขาว่าจ้างคนพรรคมีดคู่ลอบสังหารเซียวลิ่วหลัง

“เหตุใดเขาถึงต้องทำร้ายเซียวลิ่วหลังด้วย” ฮ่องเต้ไม่เข้าใจ

หยวนถังหัวเราะพลางเอ่ย “ฝ่าบาทหนอฝ่าบาท ท่านลืมแล้วหรือว่าเซียวเหิงหน้าตาเหมือนใคร เขากลัวว่าไท่จื่อเฟยได้พบคนที่หน้าตาเหมือนท่านโหวน้อยแล้วจะตีตัวออกห่าง จึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”

ฮ่องเต้กลับไม่สงสัยว่าเหตุใดหนิงอ๋องถึงไม่ลงมือให้เร็วกว่านี้ แต่กลับถ่วงเวลาจวบจนยามนี้ ในหัวของเขาสับสนไปหมด อย่างไรก็คิดไม่ออก

หากเพียงเพราะเซียวลิ่วหลังหน้าตาเหมือนเซียวเหิง หนิงอ๋องจึงคิดฆ่าเขา แล้วเซียวเหิงตัวจริงเล่า

จิตใต้สำนึกของฮ่องเต้พลันนึกถึงเหตุเพลิงไหม้เมื่อสี่ปีก่อน แววตาของเขาก็พลันเย็นเยือกขึ้นมา…