บทที่ 600 สร้างเรือแห่งความสิ้นหวังอีก

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 600 สร้างเรือแห่งความสิ้นหวังอีก

คนที่ไม่มาไม่รู้ความคิดของคุณลุงวัยกลางคนโดยสิ้นเชิง หากว่าเป็นคำพูดจริงๆ คาดว่าคงแอบด่าประโยคหนึ่ง‘อยากทำอาหารจนบ้าแล้วสินะ’

“ซาหมั่นเฉิง!”

“เจ้าคือ?”

ซาหมั่นเฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อย คนรู้ชื่อของเขามีไม่มาก กล้าเรียกเขาเช่นนี้ก็แทบจะน้อยจนน่าสงสาร ในคนเหล่านั้น หากไม่ตาย ก็ต้องเป็นคนที่สนิทกับเขาเป็นพิเศษมากแน่นอน

เช่นนั้นคนผู้นี้……

คงไม่ใช่เจ้าของเรือส่งมาหรอกนะ?

ตั้งแต่เรือแห่งความสิ้นหวังถูกเผาทำลายแล้ว เขาก็หลุดพ้นจากการควบคุมของเจ้าของเรือแล้ว หลังจากฟื้นมาในสำนักหงอี เขาตัดสินใจเป็นพ่อครัวคนหนึ่งในสำนักหงอี ทำเรื่องที่ตัวเองชอบที่สุด

ยังจะเขียนจดหมายเป็นฉบับพิเศษ ให้ป่ายเม่ยเซิงไปให้เจ้าของเรือแสดงการตัดสินใจของตัวเอง

แม้ว่าวิธีการของเจ้าของเรือจะโหดเหี้ยม เป็นคนที่โหดร้ายทารุณ แต่เรื่องที่เคยรับปาก ไม่มีเหตุผลที่จะกลับคำทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นเรือแห่งความสิ้นหวังพังทลายแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปขายชีวิตที่ยิงจวน

มีนักฆ่าอย่างไรบ้างที่ยิงจวนไม่มี?

เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าของเรือจะวุ่นวายไม่เป็นเรื่องกับผู้ดูแลที่ไม่มีใจเป็นนักฆ่าอย่าเขานี้

แต่ คนที่อยู่ข้างหน้าผู้นี้เกิดอะไรขึ้น?

“ข้าซ่างกวนหนานซู่”

“ไม่เคยได้ยิน!” ไม่รู้จัก พวกเขาสนิทกันหรือ? ซาหมั่นเฉิงสงสัย

“ไม่รู้จักไม่เป็นไร ข้ารู้จักเจ้าก็พอแล้ว”

ดูรัศมีที่ไม่ธรรมดาของคุณชายตรงหน้า ท่าทางดั่งหยก ไม่เหมือนบุคคลเล็กๆ และไม่เหมือนนักฆ่า ยังไงซะเขามองไม่ออก จึงถามไปตรงๆ

“เจ้าคือเจ้าของเรือส่งมาหรือ?”

“ไม่ใช่!”

“ไม่ใช่ก็ดี”

หลังจากรู้ว่าไม่ใช่เจ้าของเรือส่งมา ซาหมั่นเฉิงก็ไม่สนใจเขาอีก ตั้งใจดูสองสามคำที่เพิ่งเขียนในตำรา คิ้วขมวดแน่น ท่าทางกลัดกลุ้มเป็นที่สุด

หลานเยาเยายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เดินขึ้นไปด้านหน้า

“ได้ยินว่าเจ้ากำลังเขียนตำราอาหาร อาหารที่ทำได้ดีที่สุดคืออะไร?”

“ดอกไม้ร้อยดอกแย่งชิงความสวยงาม ทำไมหรือ?”

นี่ถือว่าจนถึงวันนี้ ในอาหารที่เขาทำออกมา เขาเองรู้สึกว่าดีที่สุด แต่เขาทำเพียงครั้งเดียว ทำให้ตาเฒ่าเหล่านั้นน้ำลายไหลไม่ไหวแล้ว

ได้ยินดังนั้น!

แววตาของหลานเยาเยาเปล่งประกาย

ฝีมือการทำอาหารของซาหมั่นเฉิงอยู่ในระดับสูงที่สุด เมื่อก่อนที่อยู่ในเรือแห่งความสิ้นหวังข้าวผัดไข่ถ้วยนั้น เป็นความฝันที่สวยงามที่นางสลัดไม่หลุด หลังจากนั้นเข้าร่วมเป็นผู้ดูแลหลักสี่คนของเรือแห่งความสิ้นหวัง เมื่อมีเวลาก็ไปหลอกให้ซาหมั่นเฉิงทำของอร่อยให้นางกิน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ราวกับว่านางรู้สึกว่าหนอนความตะกละในท้องของนางกำลังปั่นป่วนแล้ว

ด้วยเหตุนี้ นางกระแอมเล็กน้อย มองดูซาหมั่นเฉิงด้วยความหวังของการรอคอยเล็กน้อย

“เจ้าเขียนคำว่ายงของผักยงเป็นหรือไม่?”

ซาหมั่นเฉิงเงยหน้า แววตาเปล่งประกายเล็กน้อย “เจ้าเขียนเป็น?”

“ข้าไม่ฉลาด รู้จักคำไม่มาก เขียนคำนี่เป็นพอดี” พูดจบ นางก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา

“เร็วเร็วเร็ว สอนข้าเขียน”

ซาหมั่นเฉิงที่กลัดกลุ้มเพราะคำนี้ เห็นความหวังนิดหน่อย สายตาที่มองนางอ่อนโยนลงไม่น้อย พูดพลางก็เอาพู่กันยื่นเข้ามา

หลานเยาเยารับมา ถือพู่กันไว้บนกระดาษลังเลว่าจะเขียนไม่เขียน และริมฝีปากที่บอบบางเปิดขึ้นเล็กน้อย :

“ดอกไม้ร้อยดอกแย่งชิงความสวยงามแค่ได้ยินก็มีแรงดึงดูด ไม่รู้ว่าข้าจะมีลาภปากหรือไม่?”

“เจ้า…….”

ซาหมั่นเฉิงนับได้ว่ารู้จุดประสงค์ของซ่างกวนหนานซู่แล้ว คนผู้นี้ก็คือมาหาของกิน ทั้งยังใช้วิธีการเช่นนี้ “คนดีจอมปลอม คนต่ำช้า ทำตัวเป็นบุรุษ”

โอ้โห!

แม้แต่คนดีจอมปลอมก็รู้แล้ว

ไม่เจอหนึ่งปีกว่า ความรู้ของซาหมั่นเฉิงเพิ่มพูนขึ้นนะ! น่าจะใช้ความลำบากไม่น้อย

“เป็นอย่างไร? พ่อครัวศักดิ์สิทธิ์ถูยู่?”

“ไม่มีทาง”

เขาซาหมั่นเฉิงเป็นคนที่จะได้รับการบีบบังคับโดยคนอื่นงั้นหรือ? และด้วยเหตุนี้หันศีรษะมองไปทางนอกหน้าต่าง เมื่อครู่มีสาวน้อยหลายคนมาแอบมองเขาอยู่ ในสาวน้อยเหล่านั้นไม่ขาดแคลนคนที่รู้จักอักษร

แต่เมื่อดูตอนนี้ คนล่ะ? เงาทั้งหมดไม่มีแล้ว

“ไม่ต้องดูแล้ว พวกนางถูกข้าหลอกให้ไปแล้ว”

รู้ว่าซาหมั่นเฉิงอยู่ต่อที่สำนักหงอี ความคิดแรกของนางก็คือไปหลอกล่อให้เขาทำอาหารอร่อยให้ตัวเองกิน แม้ว่าตอนนี้นางจะไม่ได้คลั่งอาหารรสเลิศขนาดนั้นแล้ว นางก็ยังอยากเห็นท่าทางของซาหมั่นเฉิงที่ถูกนางหลอกล่อจนจนปัญญา

“เจ้าคนผู้นี้……” ทำไมนิสัยน่าโมโหจนทำอะไรไม่ได้เหมือนกับหลานเยาเยานั่นนะ! หน้าไม่อาย

คำพูดด้านหลัง เขาไม่ได้พูดออกมา สีหน้ากลับแสดงออกถึงความจนปัญญา

“หน้าไม่อายใช่หรือไม่ล่ะ?” หลานเยาเยาพูดเองแล้ว

“เออ รู้ตัวอย่างกระจ่างก็ดี เจ้า เจ้าไม่ใช่คนของสำนักหงอีสินะ?” ซาหมั่นเฉิงถามออกมาอย่างกะทันหันประโยคหนึ่ง

“วันนี้เพิ่งมา อยู่ไม่นาน หลังจากกินอาหารก็จะไป”

นางก็ไม่หลีกเลี่ยง

ตอนนี้นางไม่ใช่คนของสำนักหงอีเป็นธรรมดา หลังจากนี้ก็จะไม่ใช่ แต่นางจะมาเยี่ยมพวกเขาที่นี่บ่อยๆ

ที่นี่สามารถนับได้ว่าเป็นบ้านบุพการีของนางแล้ว!

“ห้องครัวสถานที่สำคัญ เดิมไม่ควรอนุญาตให้คนนอกเข้ามาเองลำพัง เมื่อครู่ข้าก็รู้สึกแปลก ตอนนี้นับว่าเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าสำนักกับผู้อาวุโสเหล่านั้นถึงได้ปล่อยให้เจ้ามาด้วยตัวเองผู้เดียว”

หลานเยาเยาเพียงแค่ถามไปงั้นๆ ไม่รู้สึกว่าซาหมั่นเฉิงจะตอบคำถามนี้

เป็นดังคาด!

ซาหมั่นเฉิงข้ามโดยตรง : “รีบเขียนเถอะ! หมึกจะแห้งอยู่แล้ว ระวังตัวอักษรต้องสวยๆหน่อย อย่าให้เปื้อนตำราอาหารของข้า”

“เจ้าตกลงแล้ว?”

“ให้เจ้าเขียนก็เขียน พูดจาไร้สาระอะไรมากมาย?”

รอจนหลานเยาเยาเขียนอักษรเสร็จ ซาหมั่นเฉิงไม่ลืมที่จะจดวัสดุปรุงอาหารและวิธีการทำให้เสร็จอย่างบรรจงด้วยท่าทางสงบ จึงได้ลุกขึ้นไปทำดอกไม้ร้อยดอกแย่งชิงความสวยงามที่เขาภูมิใจ

ระหว่างนั้น หลานเยาเยานั่งอยู่ข้างโต๊ะ มือหนึ่งค้ำคาง มองดูซาหมั่นเฉิงยุ่งอยู่กับงานอย่างเงียบๆ

รอจนดอกไม้ร้อยดอกแย่งชิงความสวยงามออกจะเตาอย่างสดใหม่ วางไว้บนโต๊ะอย่างร้อนระอุ เมื่อได้กลิ่น ความอยากกินของหลานเยาเยาเพิ่มขึ้นมากอย่างทันที เพิ่มข้าวของชามต่อกัน

หลานเยาเยากินอยู่ด้านข้าง ซาหมั่นเฉิงทำอาหารสดใหม่อยู่อีกข้าง น่าจะเป็นอาหารที่พึ่งศึกษาชุดใหม่

“ช่วงนี้เมืองหลวงมีคนโดนมนต์ดำปรากฏตัว ขณะที่ข้าสะกดรอยคนโดนมนต์ดำ ราวกับว่าได้เห็นท่านชายหยิ่งแล้ว เจ้าเคยเป็นผู้ดูแลของเรือแห่งความสิ้นหวัง เจ้ารู้ว่าปกติแล้วท่านชายหยิ่งจะปรากฏตัวที่ไหนหรือไม่?”

ได้ยินดังนั้น!

มือที่ทำอาหารของซาหมั่นเฉิงชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ทำต่อ ปากเปิดเล็กน้อย

“คนโดนมนต์ดำปรากฏตัวเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าของเรือ?”

“ยังไม่มั่นใจ มีเพียงหาเขาพบถึงจะรู้”

“เจ้าคิดว่าเจ้าของเรือจะพบเจ้าที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามหรือ?” ซาหมั่นเฉิงดูถูก

เจ้าของเรือเป็นใคร? อยากพบก็สามารถพบได้งั้นหรือ?

คนที่ไม่รู้จักประมาณตัวเองจบไม่ดีแน่ อย่างไรเสีย เจ้าของเรือก็ไม่ใช่คนดีอะไร

“มีอ๋องเย่อยู่เป็นเพื่อน เขาน่าจะให้พบ” หลานเยาเยากล่าวอย่างราบเรียบ

เย่แจ๋หยิ่งกับหานแสเป็นศัตรูต่อกัน ทันทีที่ทั้งคู่พบกันก็จะปะทะกัน เป็นตายไม่ว่าชนิดนั้น แน่นอนว่าส่วนมามล้วนเป็นพละกำลังของเย่แจ๋หยิ่งบดขยี้หานแส แต่หลังจากที่เย่แจ๋หยิ่งเอากำลังภายในครึ่งหนึ่งให้นางแล้ว ทั้งสองปะทะกันก็แทบจะเสมอ

หากว่าหาหานแสพบ มีเย่แจ๋หยิ่งอยู่ หานแสไม่น่าจะไม่พบ

แน่นอน!

หากว่าหานแสจะปะทะกับเย่แจ๋หยิ่งอีก นางมีวิธีหยุดยั้ง

ได้ยินว่าอ๋องเย่สองคำ ซาหมั่นเฉิงจึงเงยหน้ามองซ่างกวนหนานซู่อย่างตั้งใจ พินิจอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เขากลับเงียบแล้ว ไม่ได้พูดอะไรอีก

หลานเยาเยาก็ไม่บังคับ

กินข้าวเสร็จแล้ว จัดการอาหารที่เหลือจนเกลี้ยง จึงลุกขึ้นกล่าวลา

เดินถึงประตู ซาหมั่นเฉิงเรียกนางไว้อย่างกะทันหัน

“อยากพบเขา สามารถไปในป่าลึกที่จุดสิ้นสุดของทะเลสาปหนานหู เจ้าของเรือกำลังวางแผนสร้างเรือแห่งความสิ้นหวังอีก ออกเรือใหม่อีกครั้ง”

ทะเลสาปหนานหู?

ทะเลสาปหนานหูอีกแล้ว!

หอเฟิ่งหวงที่งดงามตระการตาก็อยู่ที่ทะเลสาปหนานหู คนโดนมนต์ดำก็ปรากฏตัวอีกครั้งข้างทะเลสาปหนานหู ตอนนี้หานแสกำลังสร้างเรือแห่งความสิ้นหวังใหม่อีกครั้งก็อยู่ที่ทะเลสาปหนานหู

แต่ทะเลสาปหนานหูนี้มีความข้องเกี่ยวที่ซับซ้อนมากมายกับถังมู่หวั่น

เพียงแค่……

“ทำไมท่านชายหยิ่งถึงต้องการสร้างเรือแห่งความสิ้นหวังอีก?”

หานแสก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน

นางค่อนข้างมีเข้าใจต่อหานแส ดังนั้นรู้ว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้ชอบเป็นเจ้าของเรือ และไม่ชอบอยู่ในเรือแห่งความสิ้นหวัง ทำอะไรไม่ได้เพราะพิษกู่จิ้น ไม่ทำเช่นนี้ไม่ได้

ตอนนี้พิษกู่จิ้นในร่างกายของเขา ถอนไปนานแล้ว อีกทั้งเรือแห่งความสิ้นหวังถูกทำลายแล้ว ทำไมเขาถึงยังต้องการสร้างอีก?

“เขาอยากดึงดูดผู้ดูแลคนที่สี่ของเขากลับมา!”

“อะไร?”

หลานเยาเยาตกตะลึงในพริบตา!