บทที่ 604 การฝึกพิเศษ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 604 การฝึกพิเศษ

บทที่ 604 การฝึกพิเศษ

“ผู้บ่มเพาะระดับหกขั้นต้น?” แม้แต่ซูอันก็ยังตกใจ ชายหนุ่มรู้สึกเสมอว่ามันไม่ยากเกินไปที่จะเอาชนะคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า แต่กลับไม่เคยมีมาตรวัดที่ดีว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหนเลย

“อาจเป็นเพราะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะของเจ้า ช่างเป็นทักษะที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ” หมี่ลี่กล่าวต่อ “แต่ว่า… ข้อดีเหล่านี้ก็มีข้อเสียเช่นกัน จากสิ่งที่ข้าเห็น การบ่มเพาะของเจ้าก้าวหน้าช้ากว่าคนธรรมดามาก ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ ซึ่งมันไม่ควรเป็นเช่นนี้”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าเองก็อยากจะพูด!” ซูอันตะโกน การจะเพิ่มระดับการบ่มเพาะแต่ละระดับ วิชาวัฏจักรหงส์อมตะจะสร้างอักขระย่อยเก้ารูปแบบเพื่อให้เติมเต็ม และยิ่งระดับเพิ่มขึ้นสูงมากเท่าไหร่ จำนวนของผลไม้พลังชี่ที่ต้องใช้ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นเท่าทวีตามลำดับฟิโบนัชชี ซึ่งตัวเลข ณ ปัจจุบันนี้ที่เขาต้องการผลไม้พลังชี้มันฟังดูแล้วแทบเป็นไปไม่ได้

ตัวอย่างเช่น อักขระตัวต่อไปที่เขาจะต้องเติมเต็มเพื่อให้กลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้าขั้นห้าจะต้องใช้ผลไม้พลังชี่สองล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นแปดพันสามร้อยเก้าผล! และผลไม้พลังชี่แต่ละผลสามารถได้รับจากการสุ่มคะแนนความโกรธแค้น โดยเฉลี่ยหนึ่งพันคะแนน ซึ่งหมายความว่าเขาต้องการคะแนนความโกรธแค้นสองร้อยสิบเจ็ดล้านคะแนนเป็นอย่างน้อย!

ที่ผ่านมาชายหนุ่มสามารถกอบโกยได้สูงสุดเพียงรอบละสองหมื่นคะแนนความโกรธแค้นเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีในการรวบรวมคะแนนความโกรธแค้นในจำนวนที่บ้าคลั่งดังกล่าว

แม้ว่าจะรู้สึกท้อใจ แต่ก็ยังเผยรอยยิ้มออกมา

เมื่อเห็นรอยยิ้มของซูอัน หมี่ลี่คิดว่าสภาพจิตใจของเขาน่าชื่นชม “เจ้าไม่ท้อใจเลยเหรอ?”

“ทำไมข้าถึงต้องท้อแท้ นี่ไม่ใช่เครื่องหมายของพระเอกหรอกเหรอ?” ซูอันหัวเราะเสียงดัง

นี่เป็นจุดเด่นของตัวละครหลักทั้งหมดในนิยายของโลกที่แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร? ตัวละครหลักมักจะเลเวลอัปในอัตราที่ช้ากว่าคนอื่น ๆ เสมอเนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่ทุกหนึ่งระดับที่พวกเขาเพิ่มขึ้นจะได้รับพลังมหาศาล มอบความสามารถให้พวกเขาดีกว่าใคร สุดท้ายแล้ว พวกเขาจะชนะผู้ที่มีระดับสูงกว่าตัวเองเสมอ

“พระเอก?” หมี่ลี่ขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่นางคุ้นเคยกับคำพูดที่ไร้สาระของซูอันแล้ว

“จริงสิ ระหว่างที่เจ้าต่อสู้กับผู้เฒ่ามี่ ข้าสังเกตว่าเหตุผลที่เจ้าถูกจับได้ นอกจากความต่างในการบ่มเพาะแล้ว ยังเป็นเพราะทักษะการเคลื่อนไหวที่เขาสอนเจ้า เจ้าสามารถแยกตัวเองออกเป็นสองร่างเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงจับได้ทั้งคู่ แต่ถ้าเจ้าแยกออกเป็นสามร่างขึ้นไปได้ ผู้เฒ่ามี่จะจับเจ้าได้ยากกว่านั้น”

ซูอันยิ้มอย่างขมขื่น “สองร่างคือจำนวนที่ดีที่สุดที่ข้าสามารถทำได้จากการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง”

“นั่นเป็นเพราะระดับการบ่มเพาะของเจ้าต่ำเกินไป” หมี่ลี่ตอบ “ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับที่ห้าแล้ว เจ้าควรจะแยกเป็นสามร่างได้ ระวังให้ดี!”

ขณะพูด นางก็หยิบไม้ไผ่หนึ่งท่อนแล้วแทงใส่เขา

“โอ๊ย!”

ซูอันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อถูกไม้ไผ่กระแทกเข้าที่หน้าท้อง

อันที่จริง แม้ว่าคนธรรมดาจะแทงชายหนุ่มด้วยใบมีด เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เพราะวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ใครจะรู้ว่าไม้ไผ่ในมือของหมี่ลี่ที่ทิ่มมามั่ว ๆ จะทำให้เจ็บปวดจนร้องเสียงหลงได้?

“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้โจมตีกลับ เจ้าจะต้องใช้ทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าเพื่อหลบเท่านั้น” หมี่ลี่หยุดชั่วคราว แล้วเสริมว่า “แน่นอน ต่อให้เจ้าจะตอบโต้มันก็ไร้ผลต่อข้าอยู่ดี”

ซูอันสาปแช่งในใจ นางใช้โอกาสนี้เพื่อเอาคืนข้าเหรอ?

แต่ทว่าท่อนไม้ไผ่ก็แทงมาที่เขาอีกครั้ง เขาใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันที่ดัดแปลงแล้วอย่างรวดเร็วเพื่อแบ่งร่างออกเป็นสอง

น่าเสียดายที่ชายหนุ่มต้องกรีดร้องอย่างน่าสงสารอีกครั้ง ท่อนไม้ไผ่ของ หมี่ลี่กระทุ้งเข้าที่ก้นของเขาอย่างแม่นยำ

“ข้าไม่เล่นอีกแล้ว! ท่านโกง! ข้าเรียนรู้ทักษะการเคลื่อนไหวนี้จากท่านดังนั้นท่านก็เดาได้ง่าย ๆ ว่าข้าจะหลบไปทางไหน!”

อย่างน้อยผู้เฒ่ามี่ก็ไม่รู้เกี่ยวกับทักษะการเคลื่อนไหวที่ดัดแปลงของเขา แต่หมี่ลี่สามารถอ่านเขาได้เหมือนนิ้วบนมือ!

ซูอันลูบแก้มก้นในขณะที่จ้องมองอีกฝ่าย สีหน้าของนางขณะนี้เมื่อจับคู่กับไม้ไผ่ในมือ ทำให้ดูราวกับเป็นผู้ปกครองที่ถือไม้เรียว!

“ข้าจะตีเจ้าไม่ได้ถ้าเจ้าแบ่งร่างออกเป็นสาม!” หมี่ลี่เหยียดยิ้ม ทำไมการตีเด็กคนนี้จึงทำให้นาง… มีความสุข?!

ท่อนไม้ไผ่ของนางพุ่งมาอีกครั้งขณะที่นางพูด ซูอันตะโกนทันทีและหลบไปด้านข้างเมื่อเห็นว่านางเอาจริง

เสียงโหยหวนที่น่าสังเวชดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“อ้า!!”

“โอ๊ย!!”

“ห๊ะ? แว้ก!!!”

เป็นเวลานานก่อนที่เสียงร้องโหยหวนในป่าจะหยุดลง

บริเวณที่เคยมีเสียง ขณะนี้มีร่างสี่ร่างพุ่งไปมา หนึ่งร่างคือหญิงสาวผู้ถือไม้ไผ่ ส่วนอีกสามร่างกำลังหลบหลีกท่อนไม้ไผ่ครั้งแล้วครั้งเล่า

หมี่ลี่โยนไม้ไผ่ทิ้งด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ไม่เลว เจ้าแยกร่างออกเป็นสามได้ค่อนข้างเร็ว ในตอนแรกข้าคาดการณ์เอาไว้ว่าเจ้าอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามสัปดาห์”

ซูอันทำหน้าเหลือเชื่อ

เดี๋ยวนะ?!

คิดจะฟาดก้นข้านานขนาดนั้นเลยเหรอ?

หมี่ลี่ตระหนักว่านางพูดพลาดไปเมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของเขา นางพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “เจ้าจะเรียนรู้วิธีแยกร่างอย่างรวดเร็วได้อย่างไรถ้าข้าไม่ไล่ฟาดเจ้า?”

ซูอันครุ่นคิดกับคำพูดของนาง นางพูดจามีเหตุผล อย่างน้อยผลลัพธ์ของมันก็ดีแม้ว่าเขาจะต้องปวดเมื่อยไปทั้งตัวก็ตาม

“วิชาวัฏจักรหงส์อมตะต้องการให้เจ้าถูกทุบตีเพื่อเปิดใช้งานใช่ไหมล่ะ? นี่ข้าช่วยเจ้านะ” หมี่ลี่กล่าวเสริม

“ขอบคุณมาก!!” ซูอันตอบกลับอย่างประชดประชัน

สักวันข้าจะแก้แค้นท่านให้ได้…

หมี่ลี่ไอ “อย่างไรก็ตาม มีอย่างอื่นที่ข้าต้องคุยกับเจ้า เจ้าไม่สามารถพึ่งพาการถูกทุบตีเพื่อบ่มเพาะไปตลอด เจ้าควรหาหินพลังชี่มาช่วยบ่มเพาะ”

ซูอันส่ายหัว “ข้าทำไม่ได้ ข้าเคยลองมาก่อนแล้ว ข้าไม่สามารถดูดซับพลังชี่จากหินพลังชี่ได้”

“เจ้าดูดซับพลังชี่ไม่ได้หรือ?” หมี่ลี่ขมวดคิ้ว “อืม… นี่อาจเป็นลักษณะพิเศษของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ถ้าเช่นนั้นข้าแนะนำให้เจ้าหาสมบัติที่ดูดซับได้ด้วยการกินเข้าไป มีผู้บ่มเพาะด้านโอสถหลายคนที่สามารถทำยาเม็ดพลังชี่ได้ ข้าเคยได้ยินว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะบางอย่างที่บ่มเพาะโดยการใช้หินพลังชี่ไม่ได้ แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีเคล็ดวิชาใดที่ไม่ได้รับผลประโยชน์จากการใช้ยาเม็ดพลังชี่ พวกสมุนไพรวิเศษ หรือสมบัติอย่างอื่น”

ดวงตาของซูอันเป็นประกาย ถูกต้อง! ผลไม้พลังชี่ที่ข้าได้รับจากการสุ่มรางวัลคล้ายกับยาเม็ดพลังชี่ใช่ไหม? ทำไมข้าถึงไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน!

เดี๋ยวข้าจะต้องไปถามจี้เติ้งถูเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเป็นหมอเทวะ ดังนั้น เขาควรจะมียาเหล่านี้บ้าง…

หมี่ลี่พูดอีกครั้ง “ข้าช่วยเจ้าปิดการบ่มเพาะของผู้เฒ่ามี่ แต่ข้าจะต้องเริ่มต้นล้างพิษใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น… ฮึ่ม ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าชาติที่แล้วข้าไปติดหนี้อะไรเจ้า? ข้าจะจำศีลอีกครั้ง ระวังตัวด้วยไอ้เจ้าเด็กบื้อ!”