บทที่ 605 สามสมบัติ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 605 สามสมบัติ

บทที่ 605 สามสมบัติ

แม้ว่าซูอันจะรู้ว่าเหตุผลที่นางช่วยเหลือเป็นเพราะชะตากรรมของพวกเราเชื่อมโยงกันจากสัญญาชีวิตและความตาย แต่ซูอันก็ยังประทับใจ “พี่หญิงใหญ่ ท่านคอยช่วยข้าเสมอ มีอะไรให้ข้าช่วยท่านบ้างหรือไม่?”

“ช่วยข้า?” หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “ข้าไม่ต้องการ!”

ร่างวิญญาณของนางเริ่มเลือนราง แต่ขณะที่กำลังจะหายตัวไป ร่างของนางก็ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง “แม้ว่าข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทำอะไรเพื่อข้าได้ในตอนนี้ แต่โชคของเจ้าช่างบ้าบอจริง ๆ ใครจะไปรู้ต่อไปเจ้าอาจจะสามารถช่วยข้าได้”

“ถ้าเจ้ามีโอกาส ช่วยข้าหาหยาดน้ำแรกชีวิต ผลึกหยั่งรู้ และบุษบาห้าสี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ข้าต้องการเพื่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่หลังจากที่ข้าล้างพิษ ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ ได้แล้ว”

ซูอันตื่นตัวทันที “ท่านสามารถหลอมร่างกายด้วยสามสิ่งนี้แค่นั้นหรือ?”

หมี่ลี่พ่นลมหายใจ “แค่นั้น? เจ้ารู้หรือไม่ว่าของเหล่านี้หายากแค่ไหน!”

“ตัวอย่างเช่น บุษบาห้าสี เมื่อพบมันแล้วเราต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงของมัน ‘เมื่อฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นดอกของมันจะบานสะพรั่งกลายเป็นสีเขียวดั่งหยก ปลายฤดูใบไม้ผลิดอกจะร่วงโรย ฤดูร้อนเริ่มต้นดอกจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง สิ้นสุดฤดูร้อนดอกจะเหี่ยวเฉา ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นดอกจะเปลี่ยนเป็นสีขาว สิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วงดอกจะเฉาลงเช่นเดิม ฤดูหนาวเริ่มต้นคราวนี้ดอกจะแตกหน่อเป็นสีม่วง และทุกสิ่งจะจบลงด้วยหิมะที่โปรยปราย’”

ซูอันงงงวย “ท่านพูดถึงแค่สี่สีเองไม่ใช่หรือ ถ้าเช่นนั้นทำไมมันถึงถูกเรียกว่าบุษบาห้าสี?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” หมี่ลี่ปฏิเสธ

“ท่านไม่รู้เหรอ!?” ซูอันตะลึงงัน นี่คือข้อมูลสำคัญนะ!

“เพราะข้าไม่เคยเห็นมันเหมือนกัน! ข้ารู้จากการอ่านตำราโบราณเท่านั้น!”

ซูอันจ้องมองนางอย่างพูดไม่ออก

หมี่ลี่เคยเป็นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉิน! โลกทั้งใบเป็นของนาง! หากแม้แต่คนอย่างนางยังไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันจะมีอยู่จริงหรือไม่? แล้วเขาจะมีปัญญาหามันได้อย่างไร?

“ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามันสามารถสร้างร่างกายของท่านได้ ในเมื่อท่านไม่เคยเห็นมันมาก่อน?” ซูอันถามด้วยความสงสัย

หมี่ลี่บ่น “เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น เอาเป็นว่าข้ารู้!”

ซูอันเดาะลิ้นของตัวเอง ผู้หญิงนี่ชอบทำตัวลึกลับ

หมี่ลี่ถอนหายใจยาว “หยาดน้ำแรกชีวิตและผลึกหยั่งรู้ก็เป็นสมบัติในตำนานเช่นกัน ไม่เพียงแต่เจ้าจะต้องมีระดับความแข็งแกร่งอย่างมากเพื่อที่จะได้มันมา เจ้ายังต้องการโชคอย่างมหาศาลอีกด้วย นอกเหนือจากสามสิ่งนี้ ยังมีสมบัติในตำนานอีกชิ้นที่หาได้ยากยิ่ง”

“มีอะไรอีก? มันคืออะไร?” ซูอันถาม

หมี่ลี่ส่ายหัว “เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้า ข้าบอกไปก็ไม่มีประโยชน์”

ซูอันไม่มีอะไรจะพูด

พอสัมผัสได้ถึงความท้อแท้ในน้ำเสียงของนางก็อดไม่ได้ที่จะปลอบใจ “พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วง คนอื่นอาจจะลำบากในการหาของพวกนี้ แต่อย่าลืมสิว่าข้าเป็นใคร? ไม่มีปัญหา ข้าจะหามาให้ท่านเอง!”

หมี่ลี่ประหลาดใจกับความมั่นใจในน้ำเสียงของเขา “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสมบัติเหล่านี้มาก่อนเหรอ? หรือเจ้ารู้ว่าจะหาได้ที่ไหน?”

ซูอันส่ายหัว “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องของพวกมันมาก่อนเลย”

หมี่ลี่หงุดหงิดมากจนแค่นหัวเราะออกมา “เฮอะ! แล้วความมั่นใจทั้งหมดนี้มาจากไหน?!”

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 250!

ซูอันตบหน้าอกของเขา “ข้าไม่ได้บอกว่าข้าเป็นพระเอกเหรอ?”

พระเอกคนใดในโลกก่อนหน้านี้ของเขาที่ปราศจากโชค? และโชคของเขาจะเลวร้ายได้อย่างไรในเมื่อเขาก็เป็นพระเอกเหมือนกัน?

หมี่ลี่พูดไม่ออก นางไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว ก่อนจะกลับเข้าสู่สภาวะจำศีลด้วยความขุ่นเคือง นางไม่ต้องการสิ้นเปลืองปัญญาอีกต่อไป

หลังจากที่นางกลับไปจำศีลแล้ว ซูอันก็เข้าไปในป่าเพื่อค้นหากระบี่ไท่เอ๋อร์ และเก็บแท่งพิษที่ตกอยู่ไม่ห่างจากเขานัก

เขาเดินไปที่ผู้เฒ่ามี่ มองดูซากศพที่แห้งเหี่ยว เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ถึงแม้ว่าท่านจะมีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝงมาโดยตลอด แต่ข้าก็ปฏิเสธบุญคุณที่ท่านช่วยให้ข้าบ่มเพาะไม่ได้ ข้าจะให้ท่านพักผ่อนอย่างสงบสุข”

เขาขุดหลุมและโยนศพผู้เฒ่ามี่ลงไป จากนั้นก็เดินไปที่ศพของเว่ยต้านและโยนมันลงไปในหลุมด้วย “ท่านสองคนต่อสู้อย่างขมขื่นมาตลอดชีวิต ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว ขอให้รักษากันและกันให้ดี”

เกิดความคิดหนึ่งขึ้น เขาหยิบกล่องออกมาวางไว้ข้างศพของผู้เฒ่ามี่ “ผู้อาวุโส ข้านำสมบัติของท่านกลับมาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอให้ท่านไปอย่างหมดห่วง ตกลงไหม?”

สำหรับสมบัติ ‘ส่วนตัว’ ของเว่ยต้าน เขานำมันออกมาวางไว้ในหลุมเช่นกัน มันไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาอีกแล้ว

แต่ทันใดนั้น บางทีอาจเป็นเพราะศพแห้งเกินไป หรืออาจเป็นของขวัญยามจากลาครั้งสุดท้าย ถุงผ้าใบหนึ่งจู่ ๆ ก็หลุดออกจากเสื้อผ้าของผู้เฒ่ามี่

“หือ?” ซูอันรู้ได้ทันทีว่ามันน่าจะเป็นกระเป๋ามิติเก็บของ อารมณ์ของเขาสดใสขึ้นทันที “ผู้เฒ่ามี่ ผู้เฒ่ามี่! ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะเป็นคนกตัญญูเช่นนี้ ข้าจะรับไว้ไม่ให้เสียน้ำใจท่าน!”

ถึงแม้ว่าผู้เฒ่ามี่จะดูไม่เหมือนคนร่ำรวย แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เขาก็ยังเป็นผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ กระเป๋าเก็บของของอีกฝ่ายควรมีสิ่งดี ๆ อยู่บ้าง

น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถเปิดได้!

เขาคลำไปรอบ ๆ ร่างของเว่ยต้าน และพบกระเป๋ามิติเก็บของอีกใบ มันดูหรูหรากว่าของผู้เฒ่ามี่ และภายในน่าจะมีของที่ดีกว่าด้วย

น่าเสียดายที่ซูอันไม่สามารถเปิดมันได้เช่นกัน

เสียงของหมี่ลี่ดังอยู่ข้างหูของเขา “หยุดเสียเวลา มีรอยประทับระดับปรมาจารย์ผนึกอยู่ เจ้าไม่สามารถเปิดมันได้เว้นแต่จะเป็นเจ้าของ พวกเขาตายไปแล้ว ดังนั้นเจ้าย่อมไม่สามารถที่จะเอาอะไรออกมาได้แม้ว่าจะมีสิ่งของอยู่ข้างใน”

ซูอันตกใจอย่างกะทันหัน “ท่านไม่ได้จำศีลอยู่หรอกเหรอ?”

“ข้ายังไม่หลับ เจ้ามีปัญหากับเรื่องนี้หรืออย่างไร?” หมี่ลี่โต้กลับ

พี่สาว… ข้าไม่มีปัญหากับเรื่องนี้เลย ได้โปรด อยากทำอะไรก็ตามใจเลย

“เฮ้อ ข้าต้องนอนแล้ว แต่รู้สึกว่ากำลังมีบางอย่างเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ระวังตัวด้วย” หมี่ลี่หาวแล้วจากไปอีกครั้ง

“บางสิ่งกำลังใกล้เข้ามา?” ซูอันกระโดดด้วยความตกใจ “เฮ้! พี่หญิงใหญ่! กลับมาก่อน บอกข้าก่อน! คนหรือสัตว์อสูร!”

แต่หมี่ลี่จากไปแล้วและไม่ตอบสนองต่อเขาไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม

“ท่านหลับไปทันทีที่ท่านบอก… ท่านเป็นหมูเหรอ?!” ซูอันบ่นอย่างโกรธจัด นางเพิ่งบอกว่ามีบางสิ่งกำลังมา แต่นางไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรอีกเลย ตอนนี้ข้าอยู่ในภูเขามังกรซ่อน! ถ้ามีตัวอะไรบ้า ๆ มาตามงับก้นของข้าจะทำอย่างไร?!

เขากำกระบี่ไท่เอ๋อร์ไว้แน่น ร่างกายตึงเครียด

ไม่นาน ร่างหนึ่งก็โผล่มาจากที่ไม่ไกล ยังดีที่เป็นคน!

ซูอันบ่นอยู่ในใจ ตัวเอกคนอื่น ๆ มักจะไปเจอเทพธิดาหรือสาวงามในถิ่นทุรกันดาร ทำไมเขาต้องเจอวณิพกแบบนี้

เสื้อผ้าของอีกฝ่ายขาดรุ่งริ่งเหมือนขอทานแต่ดวงตายังดูสดใส ไม่ต้องสงสัยเลย อีกฝ่ายเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน

สภาพโกโรโกโสของอีกฝ่ายน่าจะเป็นเพราะใช้เวลาอยู่ในป่าเขามากเกินไปและไม่มีเสื้อผ้าสำรองใด ๆ ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะไม่สนใจรูปลักษณ์ของตนเองมากนัก