บทที่ 606 ดัชนีทองคำ
บทที่ 606 ดัชนีทองคำ
“พี่ชาย ท่านออกมาเดินเล่นบนภูเขาเหรอ?” หลังจากพิจารณาทางเลือกของเขาแล้ว ซูอันก็ตัดสินใจทักทายชายคนนี้ก่อน…
ชายวัยกลางคนถึงกับตะลึงเมื่อเห็นซูอัน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่นและพูดว่า “ดูสิว่าข้าเจอใคร ไอ้เด็กบ้า เจ้าโชคร้ายแล้วที่มาเจอข้าที่นี่!”
ซูอันขมวดคิ้ว “ข้ารู้จักเจ้าด้วยเหรอ? นี่สมองของเจ้าเลอะเลือนหรือเปล่า?”
ชายวัยกลางคนโกรธเคือง “เจ้ารู้ไหมว่าข้าต้องผ่านอะไรมาเพราะเจ้าบ้าง แต่เจ้ากลับจำข้าไม่ได้เลยเนี่ยนะ!?”
เมื่อเห็นชื่อปรากฏในการแจ้งเตือนคะแนนความโกรธแค้นของเขาก็ทำให้เหตุการณ์ในงานประลองระหว่างตระกูลผุดขึ้นในใจของซูอัน เขาโพล่งออกมาว่า “น…นี่เจ้าเป็นคนที่แม่เรียกไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ!?”
อู๋ตี้กัดฟันและจ้องมองซูอันอย่างอาฆาต
อู๋ตี้พูดเสียงแหบเครือ “ข้าแพ้ฉู่ชูเหยียนเพราะสิ่งที่เจ้าพูดระหว่างงานประลองระหว่างตระกูล! ผู้บ่มเพาะระดับหกที่รุ่งโรจน์เช่นข้าแพ้คนที่อยู่เพียงระดับห้า! ไม่ใช่แค่กลายเป็นตัวตลกเพียงอย่างเดียว ข้ายังถูกส่งมาที่ภูเขาบ้านี่เพื่อเก็บสมุนไพร! ข้าถูกลมพัดกระหน่ำวันแล้ววันเล่า ทั้งความหวังและความฝันของข้าพังทลายไปจนหมดสิ้น…”
ความโกรธของเขาทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเขานึกถึงคุณภาพชีวิตของตนที่ถูกลดทอนลงมา
ซูอันกะพริบตา เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “แต่ถ้าจะให้พูดตามตรง การพ่ายแพ้ผู้บ่มเพาะที่อยู่ระดับต่ำกว่ามันก็น่าอายจริง ๆ…”
อู๋ตี้จ้องเขม็ง อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกเพราะความโกรธ
เขาคาดว่าซูอันจะตกใจกับการปรากฏตัวของเขา หรืออย่างน้อยก็รู้สึกสำนึกผิดหรืออับอายบ้าง
แต่เด็กคนนี้กลับยังกล้าดูหมิ่นเขาอีก!
เขารู้สึกราวกับว่าปอดของตัวเองกำลังจะระเบิด
“อ…ไอ้เด็กหลายพ่อ! วันนี้เจ้าตายแน่! ตอนนั้นในงานประลองมีผู้คนอยู่มากมาย และตระกูลฉู่ก็ปกป้องเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถทำอะไรกับเจ้าได้ แต่วันนี้สวรรค์สงสารข้า! ให้โอกาสข้าได้พบกับเจ้าอยู่ในที่เปลี่ยวร้างแบบนี้!”
ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นศพของผู้เฒ่ามี่และเว่ยต้านซึ่งอยู่ถัดจากซูอัน รวมทั้งกระเป๋ามติเก็บของในมืออีกฝ่าย แววตาละโมบก็ปรากฏขึ้น และการหายใจของเขาก็ถี่กระชั้นขึ้นทันที “ไอ้เด็กปากเหม็น ส่งกระเป๋ามิติเก็บของมา! ไม่แน่ถ้าเจ้าเชื่อฟัง ข้าอาจอารมณ์ดีไว้ชีวิตเจ้าก็ได้!”
ซูอันพยักหน้าทันที “ได้เลย ๆ!”
จากนั้นเขาก็โยนกระเป๋ามิติเก็บของทั้งสองใบให้อู๋ตี้
อู๋ตี้ตกตะลึง เขาคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าซูอันจะปฏิเสธ หรืออย่างน้อยก็เจรจากับเขา คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะโยนมาให้เขาง่าย ๆ?
เด็กคนนี้ทำตัวไม่ปกติเลยจริง ๆ!
เขากลัวว่ากระเป๋าทั้งสองจะระเบิด หรือมีความไม่ชอบมาพากลอื่น ๆ อยู่ จึงตั้งท่าป้องกันทันที เขาห่อปกคลุมร่างกายตัวเองด้วยพลังชี่ก่อนจับกระเป๋า แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว ก็ไม่พบอุบายใด ๆ ที่ซ่อนอยู่
ความตื่นเต้นหลั่งไหลเข้ามาในเส้นเลือดของเขา “กลิ่นอายนี้… นี่คือกระเป๋าเก็บของระดับปรมาจารย์!”
เขาพยายามเปิดมันโดยใช้วิธีการต่าง ๆ ทั้งหมด ทั้งยังลองใช้ธาตุไฟ แต่ก็ไม่ได้ผล
เขามองที่ซูอัน “ไอ้หนู ข้าคิดว่าคนขี้ขลาดอย่างเจ้าไม่สมควรอยู่บนโลกนี้ต่อไปอีกแล้ว!
ซูอันขมวดคิ้ว “เฮ้! เจ้าจะกลับคำพูดเหรอ?”
เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย สาเหตุที่เขาโยนกระเป๋าทั้งสองให้กับอีกฝ่ายเป็นเพราะเขาหวังว่าอีกฝ่ายจะมีวิธีเปิดพวกมันได้ แต่ท้ายที่สุดกลายเป็นว่าไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!
ซูอันจะไม่เสียเวลาโยนกระเป๋าไปให้อีกฝ่ายเลยถ้ารู้ว่าเรื่องมันจะกลับกลายเป็นแบบนี้
“ถ้าข้ากลับคำพูดแล้วมันจะทำไม?” ริมฝีปากของอู๋ตี้เหยียดยิ้มชั่วร้ายขณะที่เข้าใกล้ซูอัน “ข้าจะสอนบทเรียนสำคัญให้เจ้าในวันนี้! เจ้าไม่ควรทำตัวไร้เดียงสาเมื่ออยู่ในโลกภายนอก”
ซูอันถอนหายใจ “เจ้าดูไม่ออกเหรอว่าข้าไม่กลัวเจ้าเลย? อย่างน้อย ๆ เจ้าควรเอะใจสักหน่อยว่าทำไมข้าถึงทำอย่างนี้ ใครกันแน่ที่ไร้เดียงสา?”
สีหน้าของอู๋ตี้เปลี่ยนเป็นแข็งค้าง เขาหยุดเดินและมองไปรอบ ๆ ตัว เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลฉู่แอบซุ่มโจมตีอยู่แถวนี้?
แต่อู๋ตี้กลับไม่พบใครเลย เขาสูดลมหายใจและพูดว่า “อย่าขู่ให้ข้ากลัวหน่อยเลย! ข้าพอจะรู้ข่าวที่เกิดขึ้นในเมืองบ้าง เมื่อไม่นานมานี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในตระกูลฉู่ ไม่มีทางที่จะมีใครออกมาตามหาเจ้าในเวลานี้แน่นอน!”
ทว่าเขาไม่สามารถมองข้ามสายตาที่เย็นชาและดูถูกของซูอันได้ เด็กนี่มองเขาราวกับว่ากำลังมองคนตาย อารมณ์ของอู๋ตี้เริ่มขุ่นเคือง
“บัดซบเอ๊ย ไอ้เด็กเวร! วันนี้เจ้าจะได้รู้ว่าการไม่มีใครคุ้มกะลาหัวมันขมขื่นขนาดไหน!”
หลังจากพูดจบ อู๋ตี้ก็กระโจนตัวเข้าหาซูอัน เขาได้เห็นการต่อสู้ของซูอัน ระหว่างงานประลองระหว่างตระกูลแล้ว เด็กคนนี้อยู่แค่ขั้นต้นของระดับสามเท่านั้น มีเพียงคนงี่เง่าอย่างหยวนเหวินตงเท่านั้นที่จะเสียท่าให้กับไอ้สารเลวน้อยคนนี้!
เขามีระดับการบ่มเพาะถึงระดับหก ดังนั้นจึงสามารถบดขยี้เจ้าเด็กเวรนี่ได้ราวกับมด!
เมื่อเห็นอู๋ตี้พุ่งเข้าหาตนเองโดยประมาท ซูอันก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถตัดศีรษะอีกฝ่ายได้ในคราวเดียว
ทว่าเขาเพิ่งเพิ่มระดับการบ่มเพาะมาหมาด ๆ และต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเองพอดี
ดังนั้นชายหนุ่มจึงเก็บกระบี่ไท่เอ๋อร์ แล้วเหวี่ยงหมัดสวนออกไป
ไอ้เด็กนี่กำลังรนหาที่ตาย!
อู๋ตี้มีสีหน้าเยาะเย้ยเมื่อเห็นว่าซูอันไม่มีเจตนาที่จะหลบ ความแตกต่างระหว่างระดับหกและระดับสามนั้นกว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทร!
แขนของไอ้เด็กคนนี้จะต้องระเบิดเป็นเศษเนื้อทันทีที่ปะทะกับหมัดของเขา!
ทำไมตระกูลฉู่ถึงเลือกไอ้ขยะนี่ให้เป็นลูกเขยกัน?
หมัดทั้งสองปะทะกันอย่างแรง ในความคิดของอู๋ตี้ การปะทะครั้งแรกเขาอยากแค่หักนิ้วของซูอันก็พอ เขาไม่ต้องการให้ตัดสินชัยชนะเร็วเกินไป เขาต้องการทรมานซูอันไปช้า ๆ เพื่อระบายความแค้นทั้งหมด!
กร๊อบ!
มีเสียงเสียดแหลมของกระดูกหักและเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชก้องไปทั่วป่า
อู๋ตี้มองที่นิ้วของเขาซึ่งงอผิดรูป สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างฉับพลัน
…เป็นไปได้อย่างไร!?
“เจ้าเอาแต่พูดพล่ามตั้งแต่เมื่อครู่ นี่คิดว่าตนเองมีอะไรพิเศษมากกว่าคนอื่นจริง ๆ งั้นเหรอ? คิดว่าไอ้การที่เจ้าอยู่ระดับหกจะทำให้เจ้าไร้เทียมทานหรืออย่างไร?” ซูอันมองที่อู๋ตี้ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
การดูหมิ่นและดูถูกในน้ำเสียงของเขาเกือบทำให้อู๋ตี้กระอักเลือด
คำถามผุดขึ้นในหัวของอู๋ตี้ ไอ้เด็กนี่อยู่ในระดับที่สามจริง ๆ เหรอ?
ข้าฝันไปหรือเปล่า?
เขาไม่กล้าประมาทอีกต่อไป และชักกระบี่ออกมาทันที เปลวไฟสีแดงปกคลุมพื้นผิวของใบกระบี่
เขาเข้าโจมตีซูอันอีกครั้ง โชคดีที่เขาเป็นคนถนัดมือทั้งสองข้าง ดังนั้นการใช้มืออีกข้างจึงไม่ได้ลดทอนความสามารถในการต่อสู้
ซูอันนึกถึงดัชนีทานตะวันที่ผู้เฒ่ามี่ถ่ายทอดให้ เขายังไม่มีโอกาสทดสอบ ตอนนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดี
เมื่ออู๋ตี้เห็นซูอันเหยียดนิ้วขึ้นราวกับจะต่อกรกับกระบี่ของเขาด้วยนิ้วเปล่า ๆ ริมฝีปากของอู๋ตี้ยกขึ้นอย่างชั่วร้าย
ข้าจะตัดนิ้วของเจ้าทีละนิ้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่ข้า!
ซูอันรู้สึกได้ถึงความร้อนของเปลวไฟก่อนที่กระบี่จะสัมผัส
เขาสั่นสะท้านภายใน เขากำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ระดับหก แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้ แต่พลังธาตุของอู๋ตี้ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง
ชายหนุ่มเรียกทักษะนกเป็ดน้ำสีคราม รวบรวมธาตุน้ำที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดเข้ามาหาเขา
มีต้นไม้มากมายในป่า จึงมีน้ำอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ แค่เพียงชั่วพริบตา มวลพลังธาตุน้ำจำนวนมากก็ปกคลุมร่างกายของซูอัน ความรู้สึกของความร้อนที่แผดเผาลดลงในทันที…
ในเวลาเดียวกัน เมื่อกระบี่ไฟฟันเข้ามาใกล้จะถึงตัว ซูอันก็ใช้นิ้วของตัวเองปะทะเข้ากับคมกระบี่อย่างจัง
อู๋ตี้รู้สึกราวกับว่ามีกระแสพลังแปลกประหลาดหลั่งไหลมาตามใบกระบี่ไล่มาจนถึงมือของเขาที่กำด้ามจับ กระแสของพลังนี้รุนแรงมากจนเขาเกือบจะทำกระบี่หลุดออกจากมือ เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงกระจัดกระจายหายไปในทันที โชคดีที่เขาตั้งสติได้เร็วพอ จึงถอยออกมาตั้งหลักและจากนั้นกระบี่ก็ถูกห้อมล้อมด้วยเปลวไฟอีกครั้ง
เขาตกใจมาก “ทักษะนี้คืออะไร!?”
ซูอันยกนิ้วของเขาขึ้นไปที่ขอบริมฝีปากและทำท่าเป่าเหมือนคาวบอยเป่ากระบอกปืน “นี่คือผลลัพธ์จากการบำเพ็ญเพียรมาถึงพันปีของ… แค่ก ๆ ทักษะนี้ข้าสร้างขึ้นเอง ข้าเรียกมันว่าเคล็ดวิชาดัชนีทองคำ! เจ้าชอบไหมล่ะ?”