ลี่จุนซินนอนบนเครื่องได้ไม่ค่อยสนิทนัก ถึงแม้เขาจะรับปากกับเวียร์ว่าจะพักผ่อนดีๆ แต่ในใจเป็นห่วงเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
ลี่จุนซินลืมตาขึ้น กำลังจะหาหนังสือขึ้นมาดู เพื่อผ่อนคลายความกังวลของตัวเอง จากนั้นรู้สึกว่ามีหูฟังเสียบเข้าที่หูตัวเอง หันไปดู เวียร์ยิ้มอ่อนโยนแล้วมองมาที่เธอ
ลี่จุนซินมองไปที่ดวงตาของเวียร์ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรความกังวลในใจเธอสงบนิ่งลงทันที ความกังวลที่มีมาตั้งแต่เช้าจางหายลงไม่น้อย
“ทั้งหมดนี้เป็นเพลงที่ผมดาวน์โหลดมาก่อนหน้านี้เพื่อใช้ผ่อนคลายอารมณ์ ทุกเพลงล้วนผ่อนคลายได้ คุณลองฟังจะได้ผ่อนคลายอารมณ์ไม่ต้องกังวล ผมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ”
ลี่จุนซินยิ้มให้เวียร์ แล้วพยักหน้า มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มนั้นยื่นไปจับมือของเวียร์ไว้ได้อย่างแม่นยำ และจับมันไว้แน่นๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเวียร์นั้นช่วยดึงผ้าห่มมาห่มให้ลี่จุนซิน ทั้งสองคนกอดกัน และฟังเพลงกันเงียบๆ ผ่านไปสักพักลี่จุนซินก็นอนหลับไป
เมื่อลี่จุนซินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ระยะทางที่จะถึงอังกฤษเหลืออีกแค่สี่ห้าชั่วโมงแล้ว เวียร์ตื่นมาตั้งนานแล้ว อ่านหนังสืออยู่ข้างๆ เธอ เมื่อเวียร์เห็นลี่จุนซินตื่นแล้ว จึงสั่งอาหารบนเครื่องให้เธอกิน
“คุณตื่นแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามบ่ายสี่ในประเทศแล้ว คุณงีบไปสักพักแล้ว กินอาหารสักหน่อยนะ”
“ฉันไม่หิว และไม่อยากกินอะไร”
“ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องกินสักหน่อย อาหารที่ผมสั่งให้คุณไม่เยอะ อีกอย่างกว่าจะถึงอังกฤษอีกตั้งสี่ห้าชั่วโมง เดี๋ยวก่อนลงจากเครื่องค่อยกินอีกมื้อ เมื่อถึงอังกฤษคุณคงวุ่นวายจนไม่มีเวลากินข้าวแน่นอน”
เวียร์ยื่นอาหารไปวางไว้ตรงหน้าลี่จุนซิน แล้วยื่นตะเกียบให้เธอ ยกมือไปลูบผมของลี่จุนซินเบาๆ “เด็กดี เชื่อฟังนะ”
ลี่จุนซินเห็นเวียร์ปลอบตัวเองเหมือนปลอบเด็ก ทำให้เธอรู้สึกอบออุ่นในใจ ทันใดนั้นน้ำตาคลอขึ้นมา ลี่จุนซินจึงรีบก้มหน้าลง โชคดีที่เวียร์มองไม่เห็น
ระยะเวลาในการบินที่ทรมานนี้เมื่อมีเวียร์เป็นเพื่อนจึงไม่ทรมานมากนัก ก่อนที่ลี่จุนซินจะลงจากเครื่องได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว และพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องท้าทายข้างล่างแล้ว
หลังจากที่ลี่จุนซินกับเวียร์ลงจากเครื่องแล้ว ก็มีคนของบริษัทในสาขามารับพวกเขา และคนที่มาด้วยคือผู้ช่วยผู้จัดการการตลาดของสาขา
“ต้องขอโทษด้วย ประธานลี่ บริษัทวุ่นวายจริงๆ ผู้จัดการจึงให้ผมมารับพวกคุณ”
“ไม่เป็นไร คุณช่วยเล่าสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ให้ฉันฟังหน่อย”
“หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อวันช่วงเย็น ครอบครัวของผู้ตายเฝ้าอยู่หน้าบริษัทตลอดเพื่อขอคำอธิบายจากพวกเรา ผู้จัดการเชิญพวกเขาไปที่ห้องประชุมของบริษัท เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของพวกเขา แต่พวกเขาไม่เพียงไม่ให้ความร่วมมือ แถมยังทำร้ายคนของเราให้ได้บาดเจ็บอีก ผู้จัดการต้องการพูดคุยกับพวกเขาดีๆ แต่พวกเขาไม่ฟังเลย และเมื่อคืนคนกลุ่มนั้นก็เฝ้าอยู่ที่บริษัทตลอดเวลาไม่ยอมกลับไป”
“เช้านี้ ไม่รู้ว่าพวกเขาไปหาป้ายมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยเขียนว่าให้พวกเราคืนชีวิตของผู้ที่ตาย และยังพูดจาที่ไม่เป็นความจริงต่อหน้านักข่าว ตอนนี้สำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ และในประเทศจีนต่างเฝ้ารออยู่หน้าบริษัท”
“นักข่าวของประเทศจีนมาเร็วกว่านักข่าวของประเทศอังกฤษเสียอีก ไม่รู้พวกเขารู้ข่าวนี้มาจากไหน”
เมื่อเวียร์ได้ยินรู้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้แน่นอน
เนื่องจากหน้าประตูมีคนปิดกั้นไว้ ดังนั้นลี่จุนซินและคนอื่นๆ จึงเข้าบริษัทจากทางประตูเล็กด้านหลัง
ตอนแรกลี่จุนซินได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ปรากฏว่าเมื่อว่าสถานการณ์ในห้องประชุม ทำให้รู้สึกตกใจไม่น้อย
ในห้องประชุมครอบครัวของผู้ตายได้ตั้งอัฐิไว้ด้านในแล้ว ร้องไห้ไม่ยอมหยดุ แถมด้านในยังมีเด็กเล็กอยู่อีกด้วย ผู้จัดการการตลาดพูดโน้มน้าวพวกเขาอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ลี่จุนซินหันหน้าไปมองเวียร์ จากนั้นเดินเข้าไปข้างใน เมื่อผู้ช่วยบอกกับทุกคนในนั้นว่าผู้บริหารของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมาถึงแล้ว บรรดาครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่ร้องไห้อยู่หยุดร้องขึ้นมาทันที ภายในห้องเงียบสงัด ผ่านไปสักพัก มีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้ามา มือคู่นั่นจับแขนลี่จุนซินไว้แน่น แม้แต่เวียร์ที่ไหวพริบเร็วก็ไม่ทันตั้งตัว
แขนของลี่จุนซินถูกจับแน่นเหมือนจะหลุดออกมาเสียให้ได้ และผู้หญิงคนนั้นก็ตะโกนใส่เธออยู่ตลอดเวลาว่า: “แกมันเลว บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของพวกแกเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา พวกแกคืนชีวิตสามีของฉันกลับมา คืนสามีของฉันกลับมา!”
ลี่จุนซินขัดขืนสุดแรง และปลอบใจผู้หญิงคนนั้น “คุณใจเย็นๆ ก่อน เรื่องนี้พวกเราจะตรวจสอบอย่างละเอียด และจะมีคำอธิบายที่ดีและค่าชดเชยที่เหมาะสมให้คุณ ขอให้คุณสงบสติอารมณ์ก่อน”
แต่ผู้หญิงคนนั้นยังคงจับตัวเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมีคนห้ามไว้ สมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ก็คงเข้ามาล้อมรอบเช่นเดียวกัน
เวียร์เห็นลี่จุนซินปวดจนปากซีด จึงดึงผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้วผลักตัวเธอไปอยู่ข้างๆ
หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นถูกผลักจนหกล้มไป เธอตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอลุกขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปข้างนอก ลี่จุนซินจึงรีบวิ่งตามออกไป
เมื่อลี่จุนซินเห็นผู้หญิงคนนั้นวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า ลี่จุนซินทายออกทันทีว่าเธอคนนี้ต้องการใช้การกระโดดตึกเพื่อข่มขู่พวกเขา จึงรีบให้คนไปห้ามเธอ
เมื่อมาถึงจุดนี้ ลี่จุนซินเข้าใจแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ต้องการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
หลังจากเห็นผู้หญิงคนนั้นถูกผลักจนล้มไปกองอยู่ที่พื้นแล้วสมาชิกในครอบครัวอื่นที่เหลือ วิ่งฝ่ารปภออกไป เพื่อวิ่งไปตามลี่จุนซิน หลายคนที่วิ่งตามลี่จุนซินทัน คิดที่จะเข้าไปทำร้ายลี่จุนซิน โชคดีที่เวียร์ตาเร็วรีบดึงลี่จุนซินไปอยู่ด้านหลังของเขา แต่เวียร์กลับถูกต่อยไปหลายหมัด ทำให้ลี่จุนซินปวดใจไม่น้อย
สุดท้าย ตำรวจมาถึง จึงห้ามคนพวกนี้ไว้ได้
เมื่อลี่จุนซินเห็นสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ จึงพูดกับเวียร์ว่าสถานการณ์ตอนนี้ ฉันคนเดียวคงแก้ไขไม่ได้
เวียร์พูดว่า: “เรื่องนี้ที่สถานการณ์ต้องกลายเป็นแบบนี้ ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่นอน คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมให้คนไปสืบเรื่องนี้แล้ว คิดว่าเดี๋ยวสักพักคงรู้ผล”
ในขณะที่ลี่จุนซินช่วยเวียร์ทายาอยู่ในห้องรับรองนั้น เรื่องที่ให้ไปสื่อก็ได้ผลกลับมา
“จุนซิน ผลสืบสวนออกมาแล้ว บริษัทแอมเบอร์ลี่กรุ๊ปเป็นผู้อยู้เบื้องหลังของเรื่องนี้
เมื่อลี่จุนซินได้ยินชื่ออันคุ้นเคยนี้ เข้าใจขึ้นมาทันที
“เคอ อันซีหนี”
เมื่อเวียร์เห็นลี่จุนซินรู้จักบุคคลคนนี้ จึงรีบถามว่าพวกเขาเคยมีความขัดแย้งอะไรกับอันซีหนีเหรอ
“ตระกูลกื๋อหลินที่อันซีหนีอยู่นั้นถือเป็นตระกูลสิบอันดับใหญ่ของประเทศอังกฤษเลยทีเดียว อันซีหนีคือceoที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทแอมเบอร์ลี่กรุ๊ปของตระกูลกื๋อหลิน คนคนนี้ฝีมือโหดเหี้ยม อะไรที่เขาต้องการไม่เคยมีคำว่าทำไม่ได้แอมเบอร์ลี่กรุ๊ปส่งมอบให้เขาในขณะที่ใกล้ล้มละลาย แต่ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี อันซีหนีก็สามารถทำให้มันกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลกื๋อหลินได้
“พวกคุณมีความขัดแย้งกับเขาได้ยังไง?”
ลี่จุนซินเล่าความขัดแย้งของลี่จีถองกับอันซีหนีให้เวียร์ฟังคร่าวๆ
“อันซีหนีถูกลี่จีถองกดขี่อย่างหนักเมื่อตอนที่อยู่ในประเทศจีน เขาจึงจำเป็นต้องกลับมาที่นี่ คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะโผล่ออกมาอีก ไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาถูกใครหลอกใช้อีก