คำพูดที่แสนเรียบง่ายได้ดังก้องไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่พูดจบ คนจำนวนมากก็กระโดดลงจากรถม้าลอยฟ้า
ต้วนมู่เฉิงได้ใช้หอกราชันย์ในทันที เงาของหอกนับพันได้พุ่งเข้าใส่เหล่าทหารราชสำนักอย่างไร้ปรานี ทหารราชสำนักกว่าร้อยคนถูกจัดการอย่างรวดเร็ว
ทหารราชสำนักทั้งหลายต่างก็ลอยกระเด็นไป!
ต้วนมู่เฉิงถือเป็นแบบอย่างของชายผู้กล้าหาญ ชายผู้ที่สามารถเอาชนะคนกว่า 10,000 คนได้!
จ้าวยู่ หยวนเอ๋อ ซู่ฮ่องกงและผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็เคลื่อนไหว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันโจมตีศัตรู ทุกๆ คนเริ่มใช้พลังอวตารของตัวเองในทันที!
นอกจากนี้ฝานซงและโจวจี้เฟิงยังได้ใช้พลังอวตารร้อยวิถีด้วยเช่นกัน!
ดูเหมือนว่าจะมียอดฝีมือจำนวนมากอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า!
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่วางแผนจะฉกฉวยผลประโยชน์ในตอนแรกต่างก็ตื่นตกใจ ทุกคนที่ได้เห็นรถม้าล่องเมฆาต่างก็ดวงตาเบิกกว้าง
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนเองก็ตื่นตกใจเช่นกัน!
“จีเทียนเด๋า?”
“นั่นมันจีเทียนเด๋าไม่ผิดแน่!”
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายใจเต้นรั่วมากขึ้นเมื่อได้เห็นร่างของหลิวกู่ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หรือว่าผู้อาวุโสทั้ง 19 คนจะหลอกลวงทุกคน? หลิวกู่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ที่ไหนกันแน่? เกิดอะไรขึ้นกับราชสำนักที่มีเขตแดนพลังทั้งสิบกันแน่? เกิดอะไรขึ้นกับราชสำนักที่ต้องการจะยึดครองโลกใบนี้? ทุกอย่างล้วนแต่โกหก มันเป็นเพียงเรื่องโกหกเท่านั้น!
วิ่ง!
ผู้ฝึกยุทธที่เคยมารวมตัวกันต่างก็วิ่งหนีไปทุกทิศทางในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
เมื่อฮั๊ววู่เด๋าเห็นรถม้าลอยฟ้า ตัวเขาก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง “ยู่จิง นี่เป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่เจ้าจะปลดปล่อยสิ่งที่ฝึกฝนมา!”
“ค่ะ!” ฮั๊วยู่จิงลอยตัวสูงขึ้น นางหมุนรอบตัวเองเป็นวงกลมก่อนที่จะปลดปล่อยลูกศรพลังงานใส่เหล่าผู้ฝึกยุทธที่กำลังวิ่งหนี
พรึ๊บ!
พรึ๊บ!
ลูกศรพลังงานได้พุ่งผ่านร่างอวตารไป ผู้ฝึกยุทธระดับล่างทั้งหลายต่างก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
อีกด้านหนึ่งสายสะพายนิพพานก็ได้ส่องประกายระยิบระยับราวกับมังกรที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า ทุกคนที่ขวางทางสายสะพายต่างก็ถูกสายสะพายพันธนาการเอาไว้
สำหรับผู้อาวุโสทั้งสี่ พลังอวตารที่ไร้ซึ่งดอกบัวของพวกเขาไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนที่สามารถต่อกรได้
ขวดน้ำเต้าสีทองมักจะทำให้ผู้ฝึกยุทธส่งเสียงกรีดร้องออกมา
เล้งลั่วได้โลดแล่นผ่านเหล่าผู้ฝึกยุทธราวกับปีศาจร้อย
ส่วนซูยู่ชูยังคงใช้ไม้เท้ามังกรขดสร้างตัวอักษรโจมตีไปทั่วเมือง
เมื่อสีวู่หยาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตัวเขาก็รู้สึกตื้นตัน
ทุกคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็ออกต่อสู้! และก็เพราะแบบนั้นจึงทำให้กระแสการต่อสู้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีทหารคนไหนที่กล้าขยับหรือแม้แต่โจมตีด้วยซ้ำ!
“ข้าจะฆ่าทุกคนที่กล้าเคลื่อนไหว!”
ทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังฮั๊วยู่จิงที่อยู่บนท้องฟ้า นางในตอนนี้ได้ใช้พลังอวตารดอกบัวสองกลีบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสียงของดอกบัวที่กำลังผลิบานได้ดังขึ้น ในระหว่างการต่อสู้พลังอวตารของนางก็ผลิกลีบดอกบัวกลีบที่สามออกมา! มันเป็นพัฒนาการระหว่างการต่อสู้นั่นเอง คันธนูและลูกศรพลังงานยังคงเปี่ยมไปด้วยพลัง ลูกศรที่เต็มไปด้วยแสงสว่างได้ถูกยิงออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ตอนนี้กระแสการต่อสู้ได้เปลี่ยนไปแล้ว สาวกจากสำนักอเวจีต่างก็ส่งเสียงสนับสนุน
“ท่านปรมาจารย์!”
รถม้าล่องเมฆาถือเป็นสัญญาณแห่งความหวังสำหรับเหล่าสาวกสำนักอเวจี ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนอีก
สีวู่หยาและฮั๊วจงหยางต่างโล่งใจ พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยาเพิ่มพลังปีศาจอีกต่อไปแล้ว
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้เดินออกมาจากรถม้า ที่ด้านข้างของเขาถูกขนาบข้างไปด้วยยี่เทียนซินและหอยสังข์ ลู่โจวมองไปที่หวางเย่ว หนึ่งในแม่ทัพใหญ่คนสุดท้าย “แปดกลีบอย่างงั้นเหรอ?”
หวางเย่วเดินถอยกลับ
ลู่โจวเดินลงมา
เสียงหอบเหนื่อยเริ่มดังขึ้น ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจเมื่อเห็นลู่โจวลงมาจากฟ้า ที่ใต้เท้าของลู่โจวมีพลังสีฟ้าจางๆ ล้อมรอบอยู่
ตู๊ม!
ทันทีที่เท้าของลู่โจวแตะพื้น ในตอนนั้นคลื่นพลังก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหวางเย่ว
หวางเย่วตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ไม่ว่าหวางเย่วจะพยายามหลบแค่ไหน แต่ดูเหมือนคลื่นพลังจะมีตา คลื่นพลังพุ่งเข้าหาหวางเย่วอย่างแม่นยำ หวางเย่วถูกคลื่นพลังงานจู่โจมไปที่อกแบบเลี่ยงไม่ได้
ตู๊ม!
หวางเย่วล้มลงกับพื้น ตัวเขาได้แต่ทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวด ‘ข้าเองก็เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ แต่ทำไมข้าที่ถูกโจมตีถึงต้องถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมแบบนี้!’ หวางเย่วไม่สามารถที่จะควบคุมเลือดลมของตัวเองได้อีกต่อไป ตัวเขากระอักเลือดออกมาอย่างเต็มปาก ท้ายที่สุดแล้วหวางเย่วก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนได้กลับไปที่จุดสูงสุดของเมืองเรียบร้อยแล้ว ผู้ฝึกยุทธที่รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เองก็ยังคงรอคอยอยู่ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่มีใครกล้าหายใจออกมาแรงๆ ทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสำนักฝ่ายอธรรม ชายชราคนนี้ไม่ได้ดูเป็นอันตรายเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงแบบนั้นกลับมีบรรยากาศอันแปลกประหลาดปกคลุมรอบตัวเขา บรรยากาศนี้เองที่ทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในความกลัว เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาก็คือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเป็นคนแรก ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ผู้เป็นประมุขแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าและยังมีสาวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้า!
ในเวลานี้เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เงียบราวกับสุสาน
ลู่โจวยังคงจับจ้องหวางเย่ว
หวางเย่วยังคงนอนแน่นิ่ง
หลังจากที่ผ่านไปนาน ลู่โจวก็ยังไม่ละสายตาไปจากหวางเย่ว ชายที่อยู่เบื้องหน้าของเขาก็ถือแม่ทัพใหญ่คนสุดท้ายผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ แม่ทัพใหญ่ที่รอดชีวิตมาได้นั่นเอง
หวางเย่วเริ่มจิตใจแตกสลาย! บรรยากาศรอบตัวของลู่โจวได้ทำลายจิตใจของหวางเย่วไปอย่างสมบูรณ์แบบ หวางเย่วตัดสินใจที่จะพุ่งไปยังจุดสูงสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเร็วสูงแทน
‘คิดหนีอย่างงั้นสินะ?’ ลู่โจวยกมือขึ้น ในตอนนั้นเองง้าวที่ถูกวางทิ้งไว้ก็ลอยไปหามือของลู่โจว นิ้วของเขาส่องประกายแสงสีฟ้าในขณะที่กำลังขว้างง้าว
พรึ๊บ!
การโจมตีของลู่โจวรวดเร็วจนอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน! ง้าวที่ถูกขว้างออกไปได้แทงทะลุแผ่นหลังของหวางเย่วไป เป็นเพราะง้าวที่มีขนาดใหญ่รวมไปถึงน้ำหนักที่มากจึงทำให้มันแทงทะลุหน้าอกของหวางเย่วไปเช่นกัน
ฉั๊วะ!
ง้าวได้แทงผ่านลำตัวไป ร่างของหวางเย่วที่ถูกโจมตีกลางอากาศได้ร่วงหล่นลงสู่กำแพงเมืองหลวง
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,500”
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนคอแห้งผาก ทุกคนตัวสั่นจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก
ง้าวที่แทงทะลุร่างของแม่ทัพใหญ่เต็มไปด้วยหยาดเลือด มันได้ตกลงสู่พื้นดินไปในที่สุด
ลู่โจวในตอนนี้ไม่ได้สนใจกับหวางเย่วอีกต่อไป ตัวเขาหันกลับมาก่อนจะกวาดสายตาไปยังจุดที่สูงที่สุดแทน “สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่”
ผู้อาวุโสทั้ง 9 ที่ได้ฟังแบบนั้นได้แต่สิ้นหวัง
“พวกเจ้าทั้งหมดจงปลิดชีพตัวเองซะ” ลู่โจวพูดออกมาห้วนๆ
“…”
สาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็จับจ้องไปยังผู้ฝึกยุทธชุดขาวทั้งเก้าคนที่กำลังลอยอยู่ คนเหล่านี้เป็นผู้ที่เปิดใช้งานและยังเป็นผู้รักษาเขตแดนพลังทั้งสิบนั่นเอง ถ้าหากจะบอกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการตายยู่เฉิงไห่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพี้ยนเลย
“ผู้อาวุโสจี…ท่าน…ท่านจะ…ท่านจะก่อกรรมทำเข็ญเข่นฆ่าทุกคนไปเพื่ออะไรกัน?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้พูดออกมาด้วยความสิ้นหวัง ในแววตาของเขามีแต่ความหวาดกลัว
ในตอนนี้คาดว่าน่าจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ถึงแบบนั้นการฆ่าคนทั้งเมืองก็ยังเป็นสิ่งที่ถือว่าไร้มนุษยธรรมอยู่ดี
ลู่โจวเหลือบมองผู้อาวุโสที่เพิ่งพูด ตัวเขาไม่ได้เลือกที่จะตอบคำถาม ตัวเขาเลือกที่จะพูดอย่างห้วนๆ ต่อ “งั้นเจ้าก็เป็นคนแรกที่ต้องเริ่ม”
“…”
“เจ้าเป็นคนแรกที่จะต้องชดใช้ชีวิตให้กับศิษย์ข้า…” เสียงของลู่โจวฟังดูเยือกเย็น ในตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขาไขว้อยู่ที่ด้านหลัง ลู่โจวในตอนนี้ดูราวกับหุบเขาอันเยือกเย็น ตัวเขากำลังอดทนรอให้ผู้อาวุโสตรงหน้าจบชีวิตตัวเอง
แต่ถึงแบบนั้นจะมีใครในโลกที่เต็มใจจะจบชีวิตตัวเอง? ใครกันจะกล้ามากพอที่จะเอามีดปักที่หัวใจตัวเองได้?
ดวงตาของผู้อาวุโสเบิกกว้างด้วยความหลสดกลัว ตัวเขาหันกลับไปก่อนจะใช้พลังอวตารเพื่อหนีไปให้ไกลที่สุดแทน!
สองกลีบอย่างงั้นเหรอ?
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้พูดขึ้น “ถ้าหากมีใครคิดหนี ข้านี้แหละจะตามไปจัดการเอง!”
พรึ๊บ!
หยวนเอ๋อที่พูดจบรีบเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว!
สายสะพายของนางได้ส่องแสงสีแดงก่อนจะเคลื่อนไหวตัวตามหยวนเอ๋อราวกับมังกรที่กำลังเต้นรำ!
“เอ๊ะ! ช่างเชื่องช้าอะไรแบบนั้น?” หยวนเอ๋อปรากฏตัวต่อหน้าผู้อาวุโสที่คิดหนีก่อนจะใช้เท้าเหยียบลงบนร่างอันแก่ชรา
ตู๊ม!
หน้าอกของผู้อาวุโสคนนั้นถูกกระแทกอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสตกลงสู่พื้นในทันที
หยวนเอ๋อยังคงบินตามไป
ผั๊วะ!
สาวน้อยได้ใช้ขาเตะไปที่ผู้อาวุโสคนเดิม
เจ็ดดวงดาวล่องเมฆา!
หยวนเอ๋อปรากฏตัวบนผู้อาวุโสด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง และครั้งนี้ผู้อาวุโสก็ถูกนางเหยียบย่ำอีกเช่นเคย
ตู๊ม!
ผู้อาวุโสตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสคนนั้นไม่หายใจอีกต่อไป
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”
ทั่วทั้งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เงียบราวกับสุสาน
แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยังแข็งแกร่งกว่าผู้อาวุโสของสถานศึกษาใหญ่ได้…
ทุกคนที่เห็นแบบนั้นต่างก็สิ้นหวัง
ลู่โจวไม่ได้หันมองผู้อาวุโสที่คิดหนีอีกต่อไป ตัวเขาหันไปมองผู้อาวุโสคนอื่นแทน “คนต่อไปลงมือได้” คำพูดของลู่โจวถือเป็นคำสั่งประหารชีวิต