เป็นเพราะคำสั่งที่ได้ฟัง สีหน้าของผู้อาวุโสจากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งหมดจึงเปลี่ยนแปลงไป ในตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ไม่ว่าจะทำยังไงปลายทางของพวกเขาก็มีเพียงแค่ทางเดียว ปลายทางของเขาก็คือความตายนั่นเอง ในโลกนี้จะไปหดหู่อะไรไปมากกว่าความตายได้
ลูกศรพลังงานของฮั๊วยู่จิงถูกปลดปล่อยออกมา ทุกๆ ครั้งที่ปลดปล่อยลูกศรพลังงาน ฮั๊วยู่จิงก็มักจะเคลื่อนไหวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าฝีมือในการยิงธนูของนางพัฒนามากขึ้น
“ย่อมได้ ย่อมได้…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากสถานศึกษาไม่อาจที่จะทนต่อแรงกดดันได้อีกต่อไป ชายคนนั้นได้ลงมาจากที่สูงอย่างช้าๆ ทันทีที่เท้าของเขาแตะพื้น ผู้อาวุโสคนนั้นก็ล้มลงไปในทันที แม้ว่าจะพยายามระงับความกลัวที่มีอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไร้ประโยชน์ เมื่อลงถึงพื้นความกลัวที่ไม่เคยคาดคิดก็ได้ครอบนำเขา ร่างกายของผู้อาวุโสคนนั้นสั่นเครืออย่างรุนแรง หัวใจของเขาเต้นรั่วราวกับมันจะพุ่งออกมาจากอก ความกลัวยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเมื่อได้เห็นศพของหวางเย่ว นอกจากนี้ยังมีร่างกายที่ไร้ชีวิตของหลิวกู่อีกด้วย ความสิ้นหวังได้ทำให้ผู้อาวุโสคนนี้ทิ้งความหยิ่งผยองไป ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการคร่ำครวญเพื่อขอความเมตตา
“ผู้อาวุโสจีโปรดเมตตาด้วย โปรดเมตตาข้าด้วยเถอะ!”
ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!
เสียงโขกศีรษะเริ่มดังขึ้น
ภายในป่าใหญ่มักจะมีสัตว์อยู่มากมายหลายประเภท สัตว์บางชนิดก็กล้าหาญ สัตว์บางชนิดก็ขี้ขลาดรักชีวิต ผู้คนในโลกเองก็ไม่ต่างกัน บางคนก็ซื่อสัตย์ภักดี บางคนก็ขี้ขลาด บางคนก็ดื้อด้านจนถึงวาระสุดท้าย
หนึ่งในผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาผืนฟ้าทนรับสิ่งที่ผู้อาวุโสเบื้องล่างทำไม่ได้ “เจ้าถือเป็นความอัปยศของสถานศึกษาใหญ่จริงๆ เจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสแท้ๆ แต่กำลังขอความเมตตาจากพวกนอกรีต เจ้าถือเป็นความอัปยศของพวกเรา!”
ลู่โจวเหลือบมองขึ้นไปบนผู้อาวุโสที่เพิ่งจะพูดขึ้น “หืม?”
“ผู้อาวุโสจี แม้ว่าคนอื่นๆ อาจจะเกรงกลัวท่าน แต่ข้าน่ะไม่…แค่ความตายจะไปมีอะไรน่ากลัว! ถ้าหากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในความมืดมิด เมื่อถึงตอนนั้นมันก็คงจะกลายเป็นเรื่องตลกที่เลวร้ายที่สุดในโลก เมื่อถึงตอนนั้นความยุติธรรมจะไปอยู่ที่ไหน?” ผู้อาวุโสคนนั้นยังคงระเบิดอารมณ์ต่อไป “เขตแดนพลังทั้งสิบกำลังจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้งแล้ว…แม้ว่าข้าจะต้องตายแต่ข้าก็จะพาพวกเจ้าทั้งหมดไปกับข้า!”
ลู่โจวได้ตอบโต้กลับไปด้วยท่าทีอันสงบ “ดี” สิ้นสุดเสียงตัวเขาก็ได้สะบัดแขนเสื้อออกมาเบาๆ พลังฝ่ามือที่มีแสงสีฟ้าได้พุ่งไปทางผู้อาวุโสคนนั้น
ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองตามพลังฝ่ามือ พลังฝ่ามือที่เห็นเป็นพลังฝ่ามือของชาวเต๋า และเป็นเพราะสีที่เปลี่ยนแปลงไปและเพราะแบบนั้นจึงทำให้พลังฝ่ามือดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นพลังฝ่ามือผู้อาวุโสคนนั้นก็รีบเรียกพลังอวตารดอกบัวสี่กลีบออกมา!
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือของลู่โจวทำลายร่างอวตารของผู้อาวุโสคนนั้นไปอย่างง่ายดาย ในสนามรบแห่งการต่อสู้หน้าเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครแปลกใจกับผลลัพธ์ที่ได้เห็นแม้แต่เพียงนิดเดียว
ผู้มีพลังอวตารดอกบัวสี่กลีบจะไปรับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ยังไง? สำหรับจีเทียนเด๋า ผู้อาวุโสคนนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก
ผู้อาวุโสคนนั้นร่วงหล่นสู่พื้น
ตู๊ม!
ผู้อาวุโสคนนั้นบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าจะต่อสู้ได้อีก
ลู่โจวจงใจทำให้ผู้อาวุโสคนนั้นขาดใจตายไปเอง ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าตัวเขาได้ใช้พลังวิเศษส่วนหนึ่งไปกับการช่วยยู่เฉิงไห่ ในตอนนี้เหลือพลังเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ลู่โจวจะต้องเก็บรักษาพลังวิเศษที่มีให้ได้มากที่สุด มันเป็นพลังที่มีไว้เพื่อจัดการคู่ต่อสู้ที่มีฝีมืออย่างหลิวกู่และหวางเย่วนั่นเอง
ลู่โจวไม่ได้ใช้พลังวิเศษไปกับการปลดปล่อยพลังฝ่ามือมากนัก แต่ถึงแบบนั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้อาวุโสคนนั้นไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อสู้ต่อ ผู้อาวุโสที่ถูกโจมตีจะต้องตายในไม่ช้านี้แน่
การใช้พลังฝ่ามือจู่โจมได้ทำให้ผู้อาวุโสจากทั้งสองสถาบันที่เหลือต้องตกตะลึง ผู้อาวุโสที่เหลือไม่เหมือนกับผู้อาวุโสคนนั้น ไม่มีผู้อาวุโสคนไหนไม่กลัวตายหรือชอบความเป็นธรรมอีกต่อไป
สีวู่หยาได้เดินมาหาลู่โจวต่อหน้าฝูงชน ตัวเขาโค้งคำนับก่อนจะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ ชายคนนี้ก็คือหนึ่งในผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาผืนฟ้า เฉินหรานจือ ชายคนนี้ก็คือผู้นำในการควบคุมเขตแดนพลังทั้งสิบ”
ลู่โจวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะจับจ้องไปที่เฉินหรานจือ “ในเมื่อเจ้าชอบพูดถึงความยุติธรรม…ถ้าอย่างงั้นข้าก็จะพูดถึงเรื่องความยุติธรรมกับเจ้า” ลู่โจวหันไปหาผู้อาวุโสคนอื่นๆ “ข้าจะให้ทางเลือกกับพวกเจ้า ถ้าหากพวกเจ้าสามารถบอกได้ว่าอะไรคือความยุติธรรมของเฉินหรานจือ คนคนนั้นก็จะถูกไว้ชีวิต…แต่สิทธิ์พิเศษนี้มีจำกัด มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรอดไปได้”
ทันทีที่ลู่โจวพูดจบ เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายของสถานศึกษาผืนฟ้าก็รีบยกมือขึ้น
“ข้า!”
“ข้าจะบอกเอง…ว่าอะไรคือความยุติธรรม!”
“หุบปาก! เจ้าจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับความยุติธรรม? ข้าจะเป็นคน…”
ผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาผืนฟ้าเริ่มทะเลาะวิวาทกันเอง ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่โต้เถียงกันว่าใครจะเป็นคนที่จะตอบคำถาม
เฉินหรานจือหันกลับไปอย่างลำบากใจด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ในตอนนั้นเองก็เริ่มมีผู้คนสาปแช่งเฉินหรานจือมาจากบนท้องฟ้า “เฉินหรานจือ เจ้ามีสิทธิ์พูดถึงความยุติธรรมได้ยังไงในเมื่อเจ้าคิดถึงแต่ผลประโยชน์และชื่อเสียงของตัวเอง? เจ้าไม่ได้มาถึงจุดนี้ก็เพราะการติดสินบนประมุขของเจ้าอย่างงั้นเหรอ? ข้าน่ะรู้สึกสมเพชเจ้าจริงๆ !”
“เฉินหรานจือ ในตอนที่เจ้ายังยากจน ในตอนนั้นเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อที่จะกำจัดภรรยาของเจ้าทิ้ง เจ้ายอมแม้กระทั่งฆ่านางก็เพื่อที่จะหาภรรยาใหม่และนางบำเรอ! เจ้ากล้าดียังไงมาพูดถึงเรื่องความยุติธรรมได้?”
“เฉิงหรานจือ…”
ไม่มีอะไรจะทำร้ายความรู้สึกไปมากกว่าคำพูดโจมตีของผู้เป็นสหาย
คำพูดของทุกคนได้เสียดแทงใจดำของเฉินหรานจือไปอย่างเต็มๆ “เจ้า…เจ้า…พวกเจ้า…”
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้พูดออกมา “เจ้า”
ผู้อาวุโสที่ได้ฟังรู้สึกปลาบปลื้มใจ ผู้อาวุโสคนนั้นรีบพุ่งเข้ามาหาในทันที “ขอบคุณผู้อาวุโสจีที่เมตตา!”
สีวู่หยาส่ายหัว
ในโลกใบนี้การที่จะสังเกตเห็นความรู้สึกของใครสักคนไม่ใช่เรื่องยากมากมายอะไร แต่การที่จะเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของคนเรามันยากเกินกว่าจะจินตนาการได้ ถ้าหากมีผู้ที่แสวงหาความตายยังไง ก็ย่อมที่จะมีผู้แสวงหาชีวิตเช่นกัน
“ท่านอาจารย์ คนคนนั้นก็คือหนึ่งในสิบผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาผืนฟ้า จ้าวเจียงเหอ”
จ้าวเจียงเหอยิ้มอย่างไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้น เมื่อจ้าวเจียงเหอหันไปมองเฉินหรานจือ รอยยิ้มที่เขามีก็จางหายไป ที่ใบหน้าของเขาเหลือแต่เพียงความเย็นชา “ข้าไม่คิดว่าพวกเราจะแสวงหาความยุติธรรมจากคนป่าเถื่อนแบบนั้นได้ เฉินหรานจือ เจ้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องแสร้งทำเป็นดี เจ้าจะพูดถึงความยุติธรรมได้ยังไงในเมื่อเจ้ายังเป็นคนไร้ยางอายแบบนี้?”
“เจ้า!” เฉินหรานซีโกรธจัดจนพูดไม่ออก
“อะไรกัน? ผู้ที่ทำเพื่อชาวบ้านตาดำๆ ถือเป็นฝ่ายถูก จากที่ข้าได้รู้มา ในระหว่างการต่อสู้ที่มณฑลหยานสำนักอเวจีได้เสียสละกำลังคนไปมากมายก็เพื่อที่จะปกป้องชาวเมือง ในทางกลับกันทหารรักษาการณ์รวมไปถึงแม่ทัพใหญ่อย่างหม่าปิงคอยจับชาวเมืองเป็นตัวประกัน นั่นน่ะเหรอคือความยุติธรรมอย่างงั้นเหรอ? ทำไมคนส่วนใหญ่ในมณฑลทั้งเก้าถึงไม่ประท้วงการปกครองของสำนักอเวจี? ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกที่จะสนับสนุนเขาแทนล่ะ? เจ้าที่หูหนวกตาบอดไม่มีสิทธิ์ที่จะอ้างถึงความยุติธรรมอันดีงามแม้แต่เพียงนิดเดียว…ความยุติธรรมของเจ้ามันก็เป็นแค่เพียงลมปากก็เท่านั้น” เมื่อพูดจบผู้อาวุโสคนนั้นก็ได้ถ่มน้ำลายเข้าใส่เฉินหรานจือ
“…แล้วเจ้าล่ะ?”
“ข้า? ข้ายอมรับว่าตัวเองกลัวตาย ข้ายังมีบุพการีและคนหนุ่มคนสาวที่ยังจะต้องดูแล ไม่ว่าจะต่อหน้าฟ้าหรือต่อหน้าผู้คน แม้ว่าข้าจะทำผิดพลาดมามากมายจนต้องละอายมากแค่ไหนข้าก็ไม่กล้าพอที่จะพูดถึงเรื่องความยุติธรรม ความยุติธรรมจอมปลอมบิดเบือนความเป็นจริงเหมือนกับเจ้า! เจ้าน่ะถือเป็นความอัปยศของสถานศึกษาผืนฟ้า! ถ้าหากเป็นข้า ข้ายอมที่จะเอาหัวโขกกำแพงเมืองเพื่อปลิดชีพตัวเองจะยังดีซะกว่า!”
ดวงตาของเฉินหรานจือเบิกกว้างจนถึงขีดสุด เขาไม่อาจที่จะระงับเลือดลมที่ไหลรินได้อีกต่อไป ท้ายที่สุดเฉินหรานจือก็ได้กระอักเลือดออกมาก่อนจะล้มลงและตายจากไป
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”
ลู่โจวยังคงนิ่งเฉย ในบรรดาของเหล่าชนชั้นสูงที่อยู่ภายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ การจะขึ้นมาสู่ระดับสูงได้ย่อมต้องยอมเอามือเปื้อนเลือด สำหรับลู่โจวแล้วตัวเขาไม่ได้แปลกใจอะไร
แม้ว่าจะเป็นคำพูดของผู้อาวุโสที่เป็นฝ่ายศัตรู แต่ลู่โจวก็ยังเห็นด้วยกับคำพูดของจ้าวเจียงเหออยู่ดี
เมื่อเฉีนหรานจือตายจากไป ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ในตอนนี้ไม่มีใครหวังว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้
ในตอนนั้นเองร่างกายของหลิวกู่ก็ได้ปล่อยควันสีม่วงออกมา
“ท่านอาจารย์…”
ทุกๆ คนต่างก็หันกลับไปมอง
ผู้อาวุโสที่อยู่บนฟ้าสังเกตเห็นควัน และก็เพราะแบบนั้นจึงทำให้เขาตะโกนขึ้น “เปิดใช้งานเขตแดนพลัง!”
ม่านพลังสีแดงปรากฏขึ้น มันกำลังปรากฏขึ้นมาจากบนท้องฟ้า
“ท่านอาจารย์…รีบขึ้นรถม้าเถอะ!” หยวนเอ๋อตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ออกจากม่านพลังเร็วเข้า!”
รถม้าล่องเมฆาได้ลอยออกจากม่านพลัง
พลังจากเขตแดนพลังก่อตัวขึ้นจนกลายเป็นม่านพลังอย่างรวดเร็ว
สาวกจากสำนักอเวจีทั้งหลายต่างก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า
“เขตแดนพลังทั้งสิบถูกเปิดใช้งานอีกครั้งแล้ว!”
เมื่อพลังลมปราณของทุกคนหายไป ทุกคนก็ทรุดตัวลงกับพื้น
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากที่จะตาย!
“ปกป้องท่านอาจารย์ไว้!” ต้วนมู่เฉิงได้ตะโกนออกมาก่อนที่จะตวัดหอกราชันย์ไปที่ศัตรู
ทหารราชสำนักว่าหลายสิบคนถูกจัดการไปในพริบตา
ต้วนมู่เฉิงรีบกระโจนไปหาลู่โจวอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ม่านพลังก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง! ม่านพลังที่มีเริ่มลดลงระดับจากท้องฟ้าลง
ร่างกายของหลิวกู่ที่เคยไร้ชีวิตแต่เมื่อถูกควันสีม่วงก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ในที่สุดร่างกายของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง!