ตอนที่ 1137 ไฟสงครามปะทุ (2) ตอนที่ 1138 ไฟสงครามปะทุ (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1137 ไฟสงครามปะทุ (2) / ตอนที่ 1138 ไฟสงครามปะทุ (3)
ตอนที่ 1137 ไฟสงครามปะทุ (2)

“ทำไมรัฐจิ้วถึงยกกองทัพเข้าโจมตีรัฐชี” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับหรี่ตาลง นางรู้สึกเหมือนโลหิตในกายกำลังจะแข็งตัว แม้ว่ารัฐชีจะแข็งแกร่งและกองทัพรุ่ยหลินจะเป็นกองกำลังที่ดุดันมาก แต่เมื่อเจอกับการโจมตีทั้งสี่ทิศทางในสถานการณ์ที่ทหารฝ่ายศัตรูจากแต่ละรัฐมีจำนวนมากกว่าของรัฐชี จวินอู๋เสียไม่อาจทำให้ตัวเองเชื่อได้ว่ารัฐชีจะสามารถต้านทานการบุกที่บ้าคลั่งแบบนี้ได้

เหลยเชินส่ายหน้า “เหตุผลที่รัฐจิ้วบุกโจมตีนั้นทางเราก็ไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ”

“ตอนนี้สถานการณ์ในรัฐชีเป็นอย่างไรบ้าง” จวินอู๋เสียถาม

“คาดว่าเลวร้ายมากพ่ะย่ะค่ะ รัฐจิ้วแอบร่วมมือกับอีกสามรัฐ การบุกเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาโจมตีในวันเดียวกัน แม้ว่าฮ่องเต้แห่งรัฐชีจะพยายามต้านทานการจู่โจมอย่างเต็มที่ แต่อย่างที่เขาว่าสองมือไม่อาจสู้สี่มือได้ ถูกล้อมทั้งสี่ทางแบบนั้น คนตายไปมากมาย ชายแดนของพวกเขาถูกยึดไปกว่าครึ่ง ตอนนี้รัฐชีคิดจะดึงกองกำลังของพวกเขากลับมาจากชายแดนและรวมกำลังให้เป็นหนึ่งเพื่อเก็บไว้สำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย แต่ข้าว่าการที่รัฐชีจะผลักดันกองทัพของสี่รัฐกลับไปในครั้งนี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลย” เหลยเชินพูดพลางถอนหายใจ เขานับถือกองทัพรุ่ยหลินของรัฐชีมากที่สุด แต่ทหารรุ่ยหลินแค่แสนคนจะไปสู้กองทหารจำนวนล้านคนได้อย่างไร

มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของจวินอู๋เสียกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ กล้ามเนื้อทุกส่วนของนางเครียดเกร็ง

เหลยเชินสังเกตปฏิกิริยาของจวินอู๋เสียเงียบๆ และสิ่งที่เห็นทำให้เขารู้สึกแปลกใจ จวินอู๋เสียมักจะสงบนิ่งใจเย็นและเฉยเมยอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาเห็นว่าแววตานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ท่านมาหาข้าถึงที่นี่เพื่อบอกเรื่องนี้แค่นั้นหรือ” จวินอู๋เสียหันไปถามเหลยเชิน

เหลยเชินตอบว่า “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแค่มาถามคำถามหนึ่งเท่านั้น ฝ่าบาทอยากให้เราไปช่วยรัฐชีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

จวินอู๋เสียมองเหลยเชินอย่างเย็นชา

“ถ้าอยากเล่า”

เหลยเชินจึงพูดขึ้นว่า “รัฐชีกับรัฐเหยียนไม่มีข้อตกลงอะไรกันมาก่อน การที่รัฐชีเจอกับหายนะนั้น รัฐเหยียนไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ถ้าฮ่องเต้ของเราอยากยกทัพไปช่วย เช่นนั้นกองทหารอันแข็งแกร่งจำนวนนับล้านคนของรัฐเหยียนก็รอรับคำสั่งของฝ่าบาทอยู่พ่ะย่ะค่ะ! ตราบใดที่ฝ่าบาทยอมขึ้นครองราชย์! กองทัพของรัฐเหยียนก็จะอยู่ใต้คำสั่งของพระองค์!”

เหลยเชินกำลังเดิมพัน สวรรค์ให้โอกาสที่ดีที่สุดแก่เขาแล้ว โอกาสที่จะทำให้จวินอู๋เสียยอมรับตำแหน่งฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน แม้ว่าจวินอู๋เสียจะแข็งแกร่งมาก แต่การสู้กับกองทัพที่มีทหารถึงหนึ่งล้านคนนั้น แค่พลังของคนเพียงคนเดียวกับสหายไม่กี่คนย่อมเป็นไปไม่ได้

ในโลกนี้สิ่งเดียวที่สามารถแก้ไขสถานการณ์วิกฤตของรัฐชีได้มีเพียงรัฐเหยียนที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ที่มีเหล่าทหารหาญพร้อมรบหนึ่งล้านคนเท่านั้น!

จวินอู๋เสียมองเหลยเชินเงียบๆ โดยไม่ตอบในทันที สายตาเย็นชาของนางกวาดมองใบหน้าของเหลยเชิน นางเข้าใจว่าเหลยเชินเร่งร้อนเดินทางมาเมืองพันอสูรด้วยตัวเองโดยไม่หยุดพัก เพียงเพื่อส่งข่าวและเสนอข้อแลกเปลี่ยนนี้กับนาง ให้นางได้เลือก

เพื่อช่วยรัฐชีนางต้องมีกองทหารที่แข็งแกร่งอยู่ในมือ และเหลยเชินก็ส่งสิ่งที่นางขาดมากที่สุดในตอนนี้มาให้นางแล้ว

เหลยชิวและเหลยเชินคุกเข่าอยู่ข้างกันตรงหน้าจวินอู๋เสีย เหลยชิวรู้สึกวิตกกังวลมากกับความมุ่งมั่นของเหลยเชินในการวางเดิมพันทุกอย่างลงจนหมดในครั้งเดียวนี้ เขาไม่คุ้นเคยกับจวินอู๋เสียและไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ใดๆ ที่จวินอู๋เสียมีต่อรัฐชีเลยสักนิด ทำไมเสด็จพี่ของเขาถึงมั่นใจนักว่าจวินอู๋เสียจะตกลงรับตำแหน่งฮ่องเต้เพราะรัฐชีตกอยู่ในภาวะวิกฤต

จวินอู๋เสียสูดหายใจเข้าลึก “พวกเจ้าทุกคนเต็มใจจะเป็นดาบให้แก่ข้าจริงๆ หรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหลยเชินก็มีสีหน้ายินดีในทันที

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ตอนที่ 1138 ไฟสงครามปะทุ (3)

“ตกลง!” จวินอู๋เสียพูดขึ้น “ข้าจะรับตำแหน่ง”

เหลยเชินกับเหลยชิวปลาบปลื้มดีใจอย่างมาก พวกเขาทำความเคารพเสียงดังทันที

“ถวายบังคมฝ่าบาท!”

ความเย็นเยียบลึกๆ ในแววตาของจวินอู๋เสียไม่ได้ละลายหายไป นางหันไปมองเมืองพันอสูรที่ปกคลุมไปด้วยทะเลบุปผา

นางเพิ่งช่วยเมืองพันอสูรให้หลุดพ้นจากขุมนรก และตอนนี้นางต้องปลดปล่อยบ้านเกิดของนางให้พ้นจากไฟสงครามได้อย่างแน่นอน!

ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายครอบครัวของข้า!

ไม่เช่นนั้น ต่อให้ต้องตายข้าก็จะให้พวกมันชดใช้ด้วยโลหิตของมัน!

“ฝ่าบาท! ขณะที่กระหม่อมเดินทางมาที่นี่ กระหม่อมได้เตรียมกองทัพไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เหลือแค่ฝ่าบาทกลับไปที่เมืองหลวงพร้อมกับกระหม่อมเพื่อทำพิธีขึ้นครองราชย์ เราก็จะสามารถยกทัพไปที่รัฐชีในวันรุ่งขึ้นได้เลย!” เหลยเชินพูดต่อไป เขาวางเดิมพันได้ถูกต้อง! รัฐชีมีค่าต่อจวินอู๋เสียมากจริงๆ

“ได้” จวินอู๋เสียพยักหน้า รัฐชีกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ท่านปู่กับท่านอาเล็กติดอยู่ในไฟสงคราม นางจะไม่นั่งดูไฟเผาผลาญบ้านเกิดของนางเฉยๆ แน่!

คืนนั้นจวินอู๋เสียประกาศว่านางจะกลับไปที่รัฐเหยียนและชวีหลิงเย่ว์ที่ยังอยู่ในชุดแต่งงานก็แสดงความสมัครใจที่จะไปพร้อมกับนาง แล้วก็ได้มอบหมายให้สยงป้ารับผิดชอบงานทั้งหมดไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ในเมืองพันอสูรชั่วคราว หลังจากนั้นจวินอู๋เสีย จวินอู๋เย่า เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ที่เหลือก็ออกเดินทางกลับไปที่รัฐเหยียน

ในการเดินทางครั้งนี้ เมื่อได้ก้าวเท้าออกไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกเลย

เหล่าสหายที่ร่วมเดินทางไปในคืนนี้ ไม่ได้คิดเลยว่าการเข้าร่วมสงครามครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในอนาคตของพวกเขา

จวินอู๋เสียกลับไปที่รัฐเหยียนท่ามกลางเสียงแตรประโคมกึกก้อง พิธีขึ้นครองราชย์ถูกจัดขึ้นในวันนั้น ไทฮองไทเฮาเสด็จมาด้วยพระองค์เอง และต่อหน้าทุกคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ จวินอู๋เสียในชุดมังกรทองก็ก้าวขึ้นบนบัลลังก์แห่งรัฐเหยียนซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจอันสูงสุดเหนือทุกผู้คน!

และในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ก็ออกพระราชโองการฉบับแรกในฐานะฮ่องเต้…

นั่นคือยกกองทัพไปช่วยรัฐชี!

……

ที่ชายแดนรัฐชี ไฟสงครามเผาไหม้ไปทั่วทุกหนแห่ง เสียงดาบปะทะกันไม่หยุด และผืนดินที่ถูกไฟสงครามแผดเผาก็ไหม้เกรียมเสียหาย ซากศพไหม้ดำเต็มไปหมด ศพในชุดเกราะสีดำพวกนี้ยังคงกำอาวุธเอาไว้ในมือแน่นแม้จะตายไปแล้ว พวกเขาสู้จนตัวตายแต่ไม่มีวันยอมแพ้!

“เร็วเข้า! ส่งคนเจ็บเข้าไปในเมือง!”

“หมออยู่ไหน! หมอ! ส่งคนมาตรงนี้ที! คนตรงนี้จะไม่รอดแล้ว!”

“ใครช่วยลูกข้าได้บ้าง! ได้โปรดช่วยเขาด้วย!”

“ท่านพ่อ!”

เสียงร่ำไห้อย่างสิ้นหวังน่าเวทนาดังก้องในเขตกลางเมือง พวกทหารที่เพิ่งกลับจากแนวหน้าต่างบาดเจ็บและเหนื่อยล้า พื้นที่พวกเขาเหยียบมีรอยโลหิตประทับไว้ พวกเขาลากอาวุธหักๆ พังๆ ของตัวเองไปด้วย บางคนก็แขนขาขาด กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งจนรู้สึกคลื่นไส้

หลายเมืองที่ชายแดนรัฐชีถูกตีแตกไปตามลำดับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ และศัตรูก็มีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น พวกนั้นโจมตีกองทัพของรัฐชีอย่างหนักและบ้าคลั่งในหลายๆ สนามรบ ตอนนี้รัฐชีทั้งรัฐถูกชโลมไปด้วยโลหิต

มู่เฉินยืนอยู่ในเมือง มือของเขาเปื้อนโลหิตเต็มไปหมด โลหิตทั้งหมดมาจากทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่เขาทำการรักษา ความน่ากลัวของสงครามทำให้บุรุษผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในสำนักชิงอวิ๋นมาตั้งแต่เป็นเพียงเด็กหนุ่มได้เปิดหูเปิดตาและรู้สึกตกใจมาก มือทั้งสองของเขาชุ่มโชกไปด้วยโลหิตมาหลายวันแล้ว พวกทหารที่พยายามอย่างหนักที่จะมีชีวิตอยู่ บรรดาชาวเมืองที่ถูกลากเข้าไปในสงครามอันโหดร้าย เสียงร้องไห้คร่ำครวญและเสียงกรีดร้องที่ดังอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนั้นคืบคลานเข้ามาในใจราวกับปีศาจในความฝัน

มู่เฉินคิดว่าที่สำนักชิงอวิ๋นนั้นเขาได้เห็นด้านที่น่ากลัวที่สุดของโลกนี้แล้ว จนกระทั่งรัฐชีถูกบุกจากทั้งสี่ทิศเขาถึงได้รู้ว่าเขาคิดผิด

ในโลกนี้ไม่มีอะไรโหดร้ายไปกว่าสงครามอีกแล้ว!