ตอนที่ 557 อยู่ตรงกลางระหว่างสองแคว้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 557 อยู่ตรงกลางระหว่างสองแคว้น

หากพวกเขาไม่รู้ความจริง เมื่อเผชิญหน้ากันอาจต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตจนทำให้อาอวี๋เกิดความลำบากใจได้ มิสู้บอกความจริงพวกเขาไว้ก่อน แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเชื่อใจท่านน้าชายและต่งฉางหลาน

“นอกจากท่านน้าชายและฉางหลานแล้ว อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้อื่นรับรู้อีกเด็ดขาดเจ้าค่ะ!”

“ข้าเข้าใจขอรับ คนรู้เรื่องนี้มากเท่าใด อาอวี๋ก็จะมีอันตรายเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น!” ต่งฉางหลานพยักหน้าอย่างแรง “พี่หญิงไม่ต้องห่วงขอรับ เพื่อความปลอดภัยของอาอวี๋ ข้าและท่านพ่อจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่บอกผู้ใดทั้งสิ้นแม้แต่ท่านย่าขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“อาเป่า เจ้าให้คัดลอกแผนที่เอาไว้เพราะสงสัยว่าอาอวี๋จะลอบส่งสารลับมาในแผนที่อย่างนั้นหรือ” ต่งชิงเยว่เคยอยู่ในกองทัพไป๋มาก่อน เขารู้ดีว่ากองทัพไป๋มีวิธีติดต่อกันอย่างลับๆ

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เมื่อน้องฉางหลานคัดลอกแผนที่เสร็จแล้ว ข้าจะลองทดสอบดูเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าแผนที่ที่วาดไว้จะเสียหายจึงให้วาดสำรองไว้ก่อน ตอนที่ลุงผิงพบหน้าอาอวี๋ ทั้งสองไม่ได้สนทนากันเพราะมีคนจับตามองอยู่มากมาย หากเขาส่งสารมาทางแผนที่ก็ยังดี หากไม่มี…”

“ไม่มีก็มิเป็นอันใด ระยะเวลากระชั้นชิด อาอวี๋จึงไม่มีเวลาส่งสารให้พวกเรา บัดนี้พวกเรารู้ว่าอาอวี๋คือแม่ทัพหน้ากากผี รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!” ต่งชิงเยว่ตบบ่าของไป๋ชิงเหยียนเบาๆ สื่อให้หญิงสาวนั่งลง

ต่งฉางหลานรีบคัดลอกแผนที่โดยเร็วที่สุด

“อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ทว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก” ต่งชิงเยว่ถอนหายใจยาวออกมา หวนนึกถึงถึงตอนที่อาอวี๋ยังเป็นเด็ก อาอวี๋ขี่คอของเขาเล่นว่าวอย่างมีความสุข ขอบตาของต่งชิงเยว่ร้อนผ่าวอย่างอดไม่ได้ “อาอวี๋แฝงตัวอยู่ที่หนานหรง แสดงว่าเขาคงคิดเช่นเดียวกับเจ้า ต้องการควบคุมหนานหรงให้ได้ ไม่ปล่อยให้ต้าจิ้นถูกต้าเยี่ยนบีบทั้งสองด้าน”

“ข้าก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มกว้าง คนตระกูลไป๋ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเวลาใดล้วนไม่เคยลืมปณิธานที่แรงกล้าของบรรพบุรุษ อาเจวี๋ยเป็นเช่นนั้น อาอวิ๋นเป็นเช่นนั้น ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลไป๋ อาอวี๋ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

ต่งชิงเยว่รู้ว่าปณิธานของตระกูลไป๋ยิ่งใหญ่ หลานสาวและหลานชายของตนคือทายาทสายหลักของตระกูลไป๋!

ต่งฉางหลานคัดลอกแผนที่ที่หลูผิงได้มาจากไป๋ชิงอวี๋เสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มตรวจสอบความถูกต้องร่วมกับบิดาและไป๋ชิงเหยียนอยู่หลายครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาด ต่งฉางหลานจึงลุกขึ้นยืน พรมน้ำลงบนบนแผนที่ฉบับจริง

ไม่นาน ตัวอักษรซึ่งซ่อนอยู่ในแผนที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่หนังแกะเปียกชื้น

ต่งชิงเยว่ ต่งฉางหลานและไป๋ชิงเหยียนชะโงกหน้าเข้าไปใกล้แผนที่

‘จะปล้นเติงโจวในวันที่สามสิบ เดือนแปด เตรียมตัวให้พร้อม’

ถ้อยคำสั้นกระชับเพียงประโยคเดียว ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากไปกว่านั้น ทว่า นั่นคือลายมือของไป๋ชิงอวี๋จริงๆ

ไป๋ชิงเหยียนพับแผนที่หนังแกะมาถือไว้ในมือ พยายามควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเอง

ต่งฉางหลานก้มหน้าอย่างใช้ความคิด จากนั้นเอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิง ในเมื่อพวกเรารู้ว่าแม่ทัพหน้ากากผีคืออาอวี๋ พวกเราจะเปลี่ยนแผนการหรือไม่ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่เปลี่ยน เราต้องอพยพชาวบ้านหนีและทิ้งเมืองตามแผนเดิม มิเช่นนั้นหากต่อไปเติงโจวจะขอเงินจากฮ่องเต้ก็จะโดนบ่ายเบี่ยงอยู่เช่นเดิม ต้องทำให้พวกเขารับรู้ว่าหนานหรงซึ่งอยู่ทางฝั่งนี้ก็เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งไม่แพ้แคว้นอื่น หากต้องการให้ชายแดนฝั่งนี้สงบสุข ราชสำนักไม่เพียงไม่อาจหักเบี้ยเลี้ยงของกองทัพเติงโจว ทว่า ต้องส่งเงินมาสมทบให้พวกเรามากขึ้นด้วย”

ต่งชิงเยว่เห็นด้วยกับไป๋ชิงเหยียน “พวกเราดำเนินการตามแผนเดิม อาอวี๋อยู่ที่หนานหรง ไม่ใช่ว่าเขาจะได้รับการไว้วางใจจากคนที่นั่นเต็มร้อย มิเช่นนั่นตอนที่อาอวี๋พบหน้าหลูผิง เขาคงได้สนทนาสิ่งใดกับหลูผิงเป็นการส่วนตัวบ้างแล้ว”

ต่งชิงเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะ กล่าวเสียงหนักแน่น “เพื่อความปลอดภัยของอาอวี๋ พวกเรายิ่งต้องนำทัพไปอยู่ที่หนานหรง หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา เราจะได้ช่วยเหลือเขาได้ทันการ”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางท่านน้าชายของตัวเองอย่างซาบซึ้ง โค้งกายคำนับต่งชิงเยว่และต่งฉางหลาน “เรื่องนี้รบกวนท่านน้าชายและฉางหลานด้วยนะเจ้าคะ”

“พี่หญิงกล่าวเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ! พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ขอรับ” ต่งฉางหลานกล่าวจบก็หันไปกล่าวกับต่งชิงเยว่ “วันนี้วันที่ยี่สิบสี่แล้ว หนานหรงจะบุกเมืองวันที่สามสิบ…ไม่ต่างจากที่พี่หญิงคำนวณไว้สักเท่าใด ทว่า ตอนแรกพวกเราตั้งใจจะอพยพชาวบ้านในวันที่สามสิบ ตอนนี้เราต้องเตรียมพร้อมล่วงหน้าใช่หรือไม่ขอรับ”

“พรุ่งนี้เช้าข้าจะตีกลองเรียกรวมพลชาวบ้าน ข้าและท่านย่าของเจ้าจะกล่าวโน้มน้าวให้ชาวบ้านยอมอพยพหนี…” ต่งชิงเยว่กล่าวกับต่งฉางหลาน “เจ้าให้ฉางเม่ากลับไปเตรียมตัวที่ค่าย บ่ายพรุ่งนี้พากองทัพเติงโจวมาช่วยอพยพชาวบ้านออกไปจากเมือง”

ไป๋ชิงเหยียนคลี่แผนที่หนังแกะลงบนโต๊ะ ต้องการให้แผนที่แห้งสนิทโดยเร็ว

ได้ยินต่งชิงเยว่กล่าวเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไปทางต่งชิงเยว่ “ท่านน้าชายอย่าเพิ่งเรียกชาวบ้านมาเกลี้ยกล่อมเลยเจ้าค่ะ อาเป่ารู้ดีว่าท่านน้าชายไม่อาจทนเห็นชาวบ้านลำบาก อยากให้ชาวบ้านเตรียมเก็บข้าวของที่มีค่านำติดตัวออกจากเมืองล่วงหน้า ชาวบ้านจะได้เดือดร้อนน้อยที่สุด ทว่า ในเมืองเติงโจวมีสายลับของราชวงศ์อยู่ หากท่านน้าชายทำเช่นนี้ เมื่อฮ่องเต้ทรงตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ท่านน้าชายจะมีความผิดได้นะเจ้าคะ”

“พี่หญิงมีแผนอื่นหรือขอรับ” ต่งฉางหลานเอ่ยถาม

“วันนี้ท่านน้าชายให้ฉางเม่าพาคนไปสืบสถานการณ์ที่หนานหรงก่อนเถิดเจ้าค่ะ สามวันหลังจากนี้ไม่ว่าหนานหรงจะมีความเคลื่อนไหวหรือไม่ ให้ฉางเม่ารีบกลับมารายงานว่าหนานหรงต้องการบุกโจมตีเติงโจวเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนมองต่งชิงเยว่ “ท่านน้าชายสามารถให้คนแพร่กระจายข่าวไปทั่วทั้งเมืองว่าตระกูลต่งเตรียมขนย้ายข้าวของมีค่าทยอยนำออกไปยังกระโจมนอกเมืองทั้งวันทั้งคืนมาสามวันติดแล้ว ส่งทหารออกไปตั้งกระโจมรองรับชาวบ้านที่จะอพยพออกมาจากเมืองให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นให้สตรีตระกูลต่งอพยพออกจากเมืองเป็นกลุ่มแรกเจ้าค่ะ!”

ต่งชิงเยว่ขมวดคิ้วแน่น หากทำเช่นนี้ไม่เพียงชาวบ้านในเมืองเติงโจวจะหวาดกลัวเท่านั้น พวกเขาจะก่นด่าตระกูลต่งจนไม่มีชิ้นดีอีกด้วย ตระกูลต่งที่สูญเสียใจของชาวบ้านจะอยู่ในเติงโจวต่อไปได้อย่างไรกัน

“หลังผ่านไปสามวัน เมื่อฉางเม่ากลับมารายงานว่าหนานหรงจะบุกโจมตีเมืองเติงโจว ท่านน้าชายให้เหล่าขุนนางอพยพครอบครัวของตัวเองออกไปจากเมืองก่อน เมื่อข่าวลือแพร่กระจายหนักขึ้น ท่านน้าชายค่อยเรียกรวมพลชาวบ้าน ขอเพียงนอกเมืองมีทหารคอยปกป้อง ชาวบ้านต้องยอมอพยพออกไปด้วยแน่นอนเจ้าค่ะ”

“แม้การทำเช่นนี้จะทำให้ชาวบ้านในเมืองเติงโจวหวาดผวา ชาวบ้านรุมก่นด่าท่านน้าชายโดยที่ไม่รู้ว่าท่านน้าชายเตรียมกระโจมไว้รองรับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ทว่า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ฮ่องเต้ไม่หวาดระแวงในตัวท่านน้าชายและช่วยเหลือชาวบ้านได้ในคราวเดียวกันเจ้าค่ะ!”

แววตาของต่งฉางหลานเคร่งขรึม เอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว “เมื่อขุนนางอพยพครอบครัวของตัวเองออกจากเมืองหมดแล้ว ข้าสามารถสั่งกักตัวขุนนางทุกคนไว้ในเมืองเติงโจวโดยอ้างว่าขุนนางคือผู้ที่ทำงานรับใช้บ้านเมือง จากนั้นปล่อยให้ขุนนางที่ราชสำนักส่งตัวมาสู้รับกับหนานหรงจนเสียชีวิตอยู่ในสนามรบได้ขอรับ ถือว่าไว้ชีวิตครอบครัวของพวกเขาแล้ว!”

ต่งฉางหลานต้องการกวาดล้างสายลับออกไปจากเมืองเติงโจวให้หมด

ก่อนหน้านี้ต่งชิงเยว่ไม่ได้ป้องกันเมืองเติงโจวอย่างแน่นหนา คนของราชสำนักจึงแฝงกายเข้ามาได้ เขาไม่อยากมีปัญหากับฮ่องเต้

ทว่า ตอนนี้พวกเขาต้องปูทางสำหรับวันข้างหน้า จะเก็บคนเหล่านี้ไว้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด

“บางทีฮ่องเต้อาจส่งสายลับแฝงตัวมาในเติงโจวอีก ระวังตัวไว้ด้วย บางทีอาจมีคนแอบส่งข่าวให้ภายนอกรับรู้…” ต่งชิงเยว่กำชับต่งฉางหลาน