หลายคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็มองพลาดไป ทุกคนต่างก็คิดว่าตัวเองกำลังมองเห็นภาพหลอน สิ่งที่พอจะทำได้มีเพียงการขยี้ตาเท่านั้น
ไม่ว่าจะขยี้ตาอีกสักกี่ครั้งรอยพลังฝ่ามือที่ถูกทิ้งไว้ก็ยังไม่จางหายไปไหน หลิวกู่ยังคงถูกฝังอยู่ในกำแพง หลิวกู่ในตอนนี้มีเพียงแต่ความสิ้นหวัง
ในตอนนั้นเองทั่วทุกที่กลับเงียบสงบ ความเงียบที่มีมันกดดันทุกคนจนยากที่จะหายใจ
ผ่านไปครู่หนึ่งทุกคนต่างก็คิดอะไรที่เหมือนๆ กัน ‘จีเทียนเด๋าใช้พลังฝ่ามือในเขตแดนพลังทั้งสิบได้ยังไงกัน?’
เกิดอะไรขึ้นกับความเท่าเทียมภายในเขตแดนพลังทั้งสิบ? เกิดอะไรกับที่ที่ไร้พลังลมปราณกันแน่? ภายในเขตแดนควรจะมีแต่การต่อสู้โดยใช้กำลังและอาวุธไม่ใช่หรอ? หรือว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องโกหก?
หลายคนที่คิดว่าเขตแดนพลังได้รับความเสียหายต่างก็เริ่มพยายามโคจรพลังลมปราณ แต่น่าเสียดาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะพยายามโคจรพลังลมปราณมากแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครใช้พลังลมปราณได้
ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ใช้พลังลมปราณภายในเขตแดนพลังทั้งสิบได้ คนคนนั้นก็คงจะเป็นเหมือนกับเทพเจ้า!
หลิวกู่ยังคงติดอยู่ในกำแพงเมือง ตัวเขาไอออกมาด้วยความเจ็บปวด
เสียงไอของหลิวกู่ทำให้ทุกคนกลับมามีสติอีกครั้ง
และในที่สุดความหวังริบหรี่ในใจของทหารราชสำนักก็จางหายไป พวกเขาต้องสิ้นหวังเมื่อได้พบกับพลังฝ่ามือสีฟ้าอีกฝ่ามือที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ มันไม่ใช่พลังฝ่ามือธรรมดา พลังฝ่ามือที่ได้เห็นก็คือพลังฝ่ามือสายฟ้าฟาด
หลิวกู่ที่เพิ่งจะลืมตาก็ได้เห็นพลังฝ่ามืออีกพลังเข้ามาหา “ข้า…จะต้องรอด!”
ความเร็วของพลังฝ่ามือที่ได้เห็นคล้ายกับพลังฝ่ามือก่อน พลังฝ่ามือได้พุ่งชนใบหน้าของหลิวกู่อีกครั้ง
ตู๊ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นก่อนจะเงียบสงบ
ด้วยพลังฝ่ามือที่ถูกปลดปล่อยออกมา หลิวกู่จะต้องจบชีวิตลงแน่
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังฝ่ามือ ไม่มีวิธีการแบบไหนเลยที่จะลบล้างพลังฝ่ามือได้ มีเพียงการใช้พลังฝ่ามือที่มีพลังที่ทัดเทียมกันเท่านั้นที่จะลบล้างพลังฝ่ามือได้
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 2,500”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือน ลู่โจวก็หันไปเหลือบมองหลิวกู่อีกครั้ง เป็นเพราะความตายของหลิวกู่ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ลู่โจวสูญเสียอะไรมากนัก จนถึงตอนนี้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตมีมูลค่าสูงถึง 10,000 แต้มบุญ แต่การสังหารหลิวกู่ถึงสองครั้งได้ทำให้ลู่โจวได้รับแต้มบุญกลับมาถึง 5,000 แต้มบุญ
การโจมตีที่แม่น้ำในก่อนหน้านี้ต้องทำให้หลิวกู่เสียชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากนั้นหลิวกู่ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง หลิวกู่ที่เพิ่งฟื้นคืนชีพก็ได้สูญเสียชีวิตไปในทันที
“ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากที่จะทำมันอีกครั้ง…” ลู่โจวได้แต่พึมพำอยู่กับตัวเอง
“???” ต้วนมู่เฉิงที่ได้ยินสับสน “ท่านอาจารย์…ครั้งนี้ข้าคิดว่าหลิวกู่ตายแล้ว หลิวกู่…ดูไม่เหมือนกับคราวที่แล้ว ครั้งนี้ร่างกายของเขาถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้วครับ”
“แต่ถึงแบบนั้นมันก็มีความเป็นไปได้ที่หลิวกู่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง พวกเจ้าทุกคนห้ามประมาทเด็ดขาด”
พรึ๊บ!
เมื่อต้วนมู่เฉิงได้ยินเช่นนั้น ตัวเขาก็ยกหอกราชันย์ก่อนจะชี้ไปยังหลิวกู่ในทันที
อันที่จริงมันเป็นเพียงข้ออ้างของลู่โจวที่มีไว้เพื่อกลบเกลื่อนการพูดคนเดียว ไม่มีทางที่หลิวกู่จะฟื้นคืนชีพได้เลย
ลู่โจวก้าวไปที่ด้านหน้าก่อนจะเหลือบมองทหารราชสำนัก
ทหารราชสำนักต่างก็โยนอาวุธทิ้งอย่างไม่ลังเล ทหารทั้งหมดไม่แม้แต่จะสบตากับลู่โจว
ลู่โจวหันไปหาผู้อาวุโสจากสถานศึกษาผืนฟ้าแทน “ทำหน้าที่ของพวกเจ้าต่อซะ”
“…”
หนึ่งในผู้อาวุโสล้มตัวลงในทันที “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย…เป็นไปไม่ได้! เรื่องทั้งหมดมันจะต้องเป็นแค่ฝันร้ายแน่! ข้าฝันไปแน่ๆ !”
ทุกๆ คนต่างก็ประหลาดใจที่ผู้อาวุโสคนนั้นเคลื่อนไหวโดยพลการ
ลู่โจวยกมือขึ้นมาอีกครั้ง
ตู๊ม!
ผู้อาวุโสที่ล้มตัวลงกระเด็นกลับไป!
ลู่โจวไม่แม้แต่จะหันไปสบตา ตัวเขาหันกลับไปมองคนอื่นอย่างเกรี้ยวกราดแทน
“ผู้อาวุโสคนไหนมีปัญหาอีกไหม?”
“…”
ใครก็ตามที่พอจะมีสมองคงจะรู้ดีว่าการเคลื่อนไหวอะไรในตอนนี้เป็นสิ่งที่โง่เขลา ผู้อาวุโสทั้งหมดไม่มีทางเลยที่จะเทียบเคียงกับลู่โจวได้ มนุษย์เพียงคนเดียวที่ใช้พลังในเขตแดนพลังทั้งสิบ ไม่มีทางเลยที่ผู้อาวุโสที่เหมือนกับคนธรรมดาจะเอาชนะได้
ผู้อาวุโสที่เหลือเริ่มถอยกลับ
ผู้ฝึกยุทธที่รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทุกคนได้แต่สิ้นหวังจนอ้อนวอนขอความเมตตา
แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ไม่ได้เห็นใจอะไร
ในตอนที่ยู่เฉิงไห่โจมตีเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนั้นเขาก็ได้ให้ทางเลือกกับทุกคนแล้ว ถ้าหากทุกคนกล้าพอที่จะแสวงหาเกียรติยศและความร่ำรวย ทุกคนก็ควรที่จะกล้าพอที่จะต้องเสี่ยงชีวิตด้วย ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
ลู่โจวโบกแขนของตัวเอง “จัดการพวกมันซะ”
ผู้นำทัพย่อยแห่งสำนักอเวจีเค่อชิงไห่รู้สึกมีพลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเขารีบถ่ายทอดคำสั่งในทันที “จัดการพวกมันทุกคนซะ!”
ผู้ฝึกยุทธที่เข้าร่วมสงครามต่างก็ถูกจับมัดไว้โดยไร้ท่าทีที่จะต่อต้าน
ในทำนองเดียวกันผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาผืนฟ้าต่างก็สูญเสียความตั้งใจในการต่อสู้ไปเช่นกัน ทุกคนได้แต่นอนราบอยู่บนพื้น
“ในเมื่อทุกคนไม่จบชีวิตตัวเอง พวกเจ้าก็จะต้องถูกตัดหัวทั้งหมด”
เค่อชิงไห่พูดถ่ายทอดคำสั่งอีกครั้ง “ตัดหัวพวกมันซะ!”
สาวกจากสำนักอเวจีกว่าหลายสิบคนรีบเคลื่อนไหว
ผู้อาวุโสจากสถานศึกษาผืนฟ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากยอมจำนนต่อโชคชะตาของตัวเอง
ภายในใจกลางของเขตแดนพลังทั้งสิบ ผู้อาวุโสทั้งสิบคนจากสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ได้แต่เสียใจ พวกเขาได้แต่เสียใจที่ไม่ยอมฟังคำพูดของผู้เป็นประมุข ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้พวกเขาอยู่บนหลังเสือไปแล้ว ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังมันก็มีแต่เสียกับเสีย
ทั้งสิบคนได้แต่ชำเลืองมองกันก่อนจะออกจากใจกลางเขตแดนพลังทั้งสิบ
สีวู่หยาที่สังเกตเห็นรีบพูดขึ้น “ท่านอาจารย์!”
ลู่โจวมองไปยังจุดสูงสุดของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกยุทธชุดขาวทั้งหลายได้หายไปแล้ว ลู่โจวหันกลับมามองทหารราชสำนักอย่างเย็นชาก่อนจะก้าวไปที่ด้านหน้า…
ทหารราชสำนักได้แต่ถอยกลับ ไม่มีพลังลมปราณภายในเขตแดนพลังทั้งสิบ ดังนั้นทหารทั้งหลายจึงไม่สามารถวิ่งหนีไปไกลได้ ทหารทุกคนไม่สามารถที่จะหนีออกจากเขตแดนพลังทั้งสิบได้
ต้วนมู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้ใช้หอกราชันย์กระแทกเข้ากับพื้น
แกร๊ง!
ด้วยพละกำลังที่ต้วนมู่เฉิงมีเพียงอย่างเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง การฝึกฝนอยู่ใต้น้ำตกมาอย่างยาวนานได้ทำให้ต้วนมู่เฉิงแข็งแกร่งกว่าคนส่วนใหญ่ “เจ้าจักรพรรดิชั่วหลิวกู่ตายแล้ว…พวกเจ้าทั้งหมดยังพยายามที่จะต่อต้านอยู่อย่างงั้นสินะ?”
สีวู่หยาก้าวไปที่ด้านหน้า ตัวเขาหยุดยืนอยู่ที่ข้างลู่โจวก่อนจะพูดออกมา “จริงๆ แล้วเจ้านั่นไม่ใช่จักรพรรดิของพวกเจ้า…”
สีวู่หยาจะไม่ยอมหยุดพักถ้าหากไม่ได้เปิดเผยความจริงที่น่าตกใจนี้ “หลิวกู่ตัวจริงได้ตายจากไปนานแล้ว หลิวกู่ที่พวกเจ้าได้เห็นก็คือตัวปลอมยังไงล่ะ”
คนจากพระราชสำนักทั้งหมดมักจะให้ความสำคัญกับสิทธิ์โดยกำเนิดของสายเลือดราชวงศ์เหนือสิ่งอื่นใด
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงอันแหบแห้งดังขึ้น “เป็นไปไม่ได้! มันไม่ใช่ความจริงแน่! จับอาวุธเข้าไว้…พวกเราต้องสู้!”
ลู่โจวเดินต่อไปยังประตูเมือง
ทหารราชสำนักทั้งหลายต่างก็ถอยกลับอีกครั้ง
ลู่โจวได้ใช้พลังฝ่ามือ…
พลังฝ่ามือสีฟ้าได้พุ่งไปในอากาศ!
ทุกคนต่างก็ดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นพลังฝ่ามือ
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือได้ชนเข้ากับพื้น และเพราะแบบนั้นจึงทำให้เกิดฝุ่นควันไปทั่ว
ทหารราชสำนักกว่าร้อยคนกระเด็นกลับเข้าไปในกำแพง
ลู่โจวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนก้าวเข้าไปในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ลู่โจวที่เดินมาถึงกระทืบเท้าในทันที
ตู๊ม!
ที่ใต้เท้าของลู่โจวส่องแสงสว่างขึ้นมา การกระทืบเท้าของเขารุนแรงมากพอที่จะทำให้พื้นดินที่อยู่ใกล้เคียงได้รับแรงสั่นสะเทือน
คลื่นพลังจากการกระทืบเท้าได้ทำให้ทหารกว่า 1,000 นายได้รับแรงกระแทกจนกระเด็นลอยหายไป!
ทุกคนถึงกับต้องหยุดชะงักเมื่อได้เห็นแบบนั้น
ลู่โจวเอามือไขว้หลัง ใบหน้าของเขาดูไร้อารมณ์ในขณะที่เหลือบมองทหารจากราชสำนัก
ไม่นานนักทหารที่กระเด็นลอยก็ได้ตกลงสู่พื้น
ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!
ทหารทั้งหลายต่างก็กระแทกเข้ากับพื้น ไม่มีใครเลยที่ต้านทานการโจมตีนี้ได้
สาวกจากสำนักอเวจีได้แต่มองดูภาพที่เกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น
ภายในเขตแดนพลังทั้งสิบ ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าคนนี้เป็นดั่งเทพพระเจ้า!
‘ตามท่านปรมาจารย์ไป’
สาวกจากสำนักอเวจีทุกคนได้คิดในแบบเดียวกัน ลู่โจวสำหรับทุกคนเป็นได้ดั่งเทพพระเจ้า
ไม่นานนักสาวกจากสำนักอเวจีก็เริ่มเข้าสู่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเข้ามาในเมืองทุกคนก็สังเกตเห็นพระราชวังรวมไปถึงอาคารที่สูงตระหง่าน
สาวกจากสำนักอเวจีทั้งหลายต่างก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทุกคนที่เข้าสู่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เดินกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกคนรีบเดินไปทางตำหนักเขียวชอุ่ม ตำหนักนิรันดร์ ตำหนักต้าเฉิง และตำหนักจิงเหอที่อยู่ภายในพระราชวัง
ในตอนนี้สำนักอเวจีสามารถยึดเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์สำเร็จแล้ว
ตำหนักเขียวชอุ่มเป็นตำหนักที่อยู่ใจกลางของพระราชวัง ตำหนักเขียวชอุ่มมีแสงสีทองล้อมรอบอยู่ มันดูคล้ายกับเขตแดนพลังประตูทั้งแปด
“นี่มันเขตแดนพลัง มีเขตแดนพลังประตูทั้งแปดอยู่ด้วย”
สีวู่หยาที่ได้ยินเช่นนั้นรีบวิ่งไปด้านหน้า
ลู่โจวเองก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ ตัวเขาลอยขึ้นไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา
พลังเขตแดนประตูทั้งแปดที่อยู่ภายในเขตแดนพลังทั้งสิบเป็นเหมือนกับม่านพลังที่โปร่งแสง มันเป็นม่านพลังที่เต็มไปด้วยลวดลายดอกไม้สีทองที่ดูสวยงาม
ทุกๆ คนต่างก็เหลือบมองตาม
ลู่โจวในตอนนี้ลอยอยู่ที่ใจกลางของเขตแดนพลังประตูทั้งแปดแล้ว…
เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งความเงียบ พลังที่รักษาไว้ซึ่งสมาธิ พลังที่เป็นได้ดั่งแสงและเงา พลังที่สามารถอยู่ได้ทุกหนแห่ง
ดอกบัวสีฟ้าจงเบ่งบาน!