ตอนที่ 443 ในราตรีแห่งดวงดาว ในไม่ช้า หลิงเอ๋อร์จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ (2)
ครึ่งวันต่อมา
เวลานี้ รัตติกาลมาเยือน ผืนทะเลเงียบสงัด หมู่ดาราพร่างพรายเปล่งประกายบนท้องฟ้าในยามราตรี
มีเมฆขาวก้อนหนึ่งที่พาร่างสองร่าง ลอยข้ามผ่านทะเล ตรงไปทางสำนักตู้เซียน
เทพธิดาอวิ๋นเซียวรู้ถึงภูมิหลังของหลี่ฉางโซ่ว ก่อนหน้านี้ เมื่อนางออกจากเกาะเต่าทอง นางได้พา หลี่ฉางโซ่วขี่เมฆไปที่ศาลสวรรค์ ทว่าเมื่อไปได้ครึ่งทาง นางก็ได้หันไปทางดินแดนเทวะบูรพา
ในระหว่างทางนั้น หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ปิดบังสิ่งใด เขากล่าวว่า เขาได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสฝูซีและไปที่หุบเขาเพื่อค้นหาสมบัติจนบังเอิญไปพบนักพรตเต๋าตั๋วเป่า และด้วยการดูแลและความช่วยเหลือของ นักพรตเต๋าตั๋วเป่า เขาจึงได้รับเหรียญทองแดงเล็กๆ สองเหรียญมา
จากนั้นหรานเติ้งก็มาถึง ตั๋วเป่าจึงได้พาเขาไปซ่อนตัวในถ้ำและไล่ตามเขาไปตลอดทางจนมาถึงเกาะเต่าทอง
เขาไม่มีอะไรต้องปิดบังในเรื่องนี้
ประการแรก เป็นเพราะหลี่ฉางโซ่วไม่ได้คิดวางแผนร้ายต่อตั๋วเป่า
ประการที่สอง จากมุมมองของหลี่ฉางโซ่ว หากเหรียญทองแดงลั่วเป่าตกไปอยู่ในมือของหรานเติ้ง ผู้คนที่ต้องทนทุกข์ในท้ายที่สุดก็เป็น สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย
หลังจากได้ยินเช่นนั้นแล้ว อวิ๋นเซียวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ข้าไม่อาจตำหนิเจ้าได้ในเรื่องนี้ รองเจ้าสำนักหรานเติ้ง ทำมากเกินไปจริงๆ แล้วเวทตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเจ้าสามารถทะลวงสู่ขอบเขตเซียนจินได้ใช่หรือไม่? สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้เจ้าได้มาก ข้าควรแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย”
“เฮ้อ…”
“เป็นอะไรไป เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร เพียงแค่จำได้ว่า เคยถูกการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์มาก่อนหน้านี้” หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจเบาๆ และกล่าวว่า “ตอนนี้กำลังรู้สึกว่า เกรงว่าอาจไม่ได้ ได้รับความรักความเห็นใจ และการดูแลจากปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ที่คอยลงโทษทัณฑ์มาตลอด
ข้าถูกลงโทษจากการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ในระหว่างการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และยังถูกลงโทษจากการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์เมื่อหลอมโอสถและหลอมสมบัติเช่นกัน ข้าถูกสายฟ้าฟาดจนผ่าแยกผิวหนังและเนื้อออก ทว่าเพื่อความปลอดภัย พอสงบใจได้แล้ว ข้าก็ทำได้เพียงรู้สึกขอบคุณเท่านั้น ”
“ฮะ…”
เสียงหัวเราะเบา ๆ เช่นนี้?
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็อดจะมองไปยังอวิ๋นเซียวที่กำลังเม้มปากและหัวเราะเบาๆ อยู่ไม่ได้
ในขณะนั้น ดวงดาวก็สะท้อนให้เห็นผิวขาวใสไร้ที่ติของนาง…
แค่กๆ กรรม กรรม สงบไว้ สงบไว้
หลี่ฉางโซ่วยกป้ายไม้สีแดง[1]ขึ้นมาในใจพลางระงับความคิดและทำใจให้สงบลงในทันที เขารักษาสภาพจิตใจที่สงบของเขาและยังคงพุดคุยและหัวเราะกับเทพธิดาอวิ๋นเซียวต่อไป
ในท่ามกลางเมฆหมอก ภูเขาและแม่น้ำต่างเชื่อมต่อกัน
หลี่ฉางโซ่วไม่เคยรู้สึกว่าเกาะเต่าทอง จะใกล้ชิดกับสำนักตู้เซียนได้เช่นนี้ หลังจากกล่าวไปเพียงไม่กี่ร้อยคำ เขาก็มาถึงบริเวณใกล้ๆ สำนักตู้เซียนแล้ว
อวิ๋นเซียวมองไปที่ค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาและถามว่า “ให้ข้าส่งเจ้าเข้าไปในค่ายกลหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นหรอก ข้าจะใช้รูปจำลองกระดาษมารับไป” หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้และกล่าวว่า “ขอบคุณที่เทพธิดามาส่งข้า”
อวิ๋นเซียวโค้งคำนับตอบเล็กน้อยและกล่าวว่า “เช่นนั้น ข้าจะกลับไปฝึกบำเพ็ญที่เกาะซานเซียน”
“เทพธิดาโปรดถนอมตัวด้วย”
“ได้”
ในขณะนั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียวก็หันหลังกลับแล้วขี่เมฆจากไป และในชั่วพริบตา นางก็หายตัวไปภายใต้ดวงดาวที่เปล่งแสงเจิดจ้า
หลี่ฉางโซ่วร่อนลงหยุดในป่าเบื้องล่าง จากนั้นเขาก็ใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ว้าว นั่นเป็นกรรม แล้วข้าจะตัดกรรมนี้ได้อย่างไร”
…
เหรียญทองแดงลั่วเป่า เข็มสงบเทพทะเล แผนภาพอุทกศาสตร์การควบคุมน้ำของต้าอวี่ ต้นไม้สมบัติเซียงซือ ไข่มุกวิญญาณห้าธาตุ…
ในห้องลับใต้ดิน หลี่ฉางโซ่วรู้สึกพอใจเมื่อนับสมบัติที่เขาเพิ่งได้รับมาเร็วๆ นี้
ความแข็งแกร่งของเขาได้รับการเสริมกำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล!
อย่างไรก็ตาม ไข่มุกวิญญาณห้าธาตุจะต้องถูกใช้ในการสร้างแกนหลักของค่ายกลหลักแห่งยอดเขาหยกน้อย แม้ไข่มุกทั้งห้าจะแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสมบัติวิญญาณเซียนเทียน แต่การใช้ไข่มุกเหล่านั้นที่นั่นก็ย่อมเป็นการสิ้นเปลืองและเปล่าประโยชน์
ทว่าเมื่อลองมองอีกมุมหนึ่ง สิ่งนี้ยังเพิ่มความเป็นไปได้ที่สูงขึ้นที่จะทำให้ยอดเขาหยกน้อย มีการพัฒนาในอนาคตได้มากขึ้นเช่นกัน
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว แผนพเนจรของยอดเขาหยกน้อยนั้น เพียงยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และรูปแบบสุดท้ายควรจะคล้ายกับอิฐยอดเยี่ยมแห่งผนึกพิชิตสวรรค์ที่ใช้สำหรับทุบตีผู้คน และเคหาสน์ถ้ำที่เคลื่อนที่ได้ซึ่งมีความมั่นคงทนทานอย่างยิ่ง
แผนภาพอุทกศาสตร์ของต้าอวี่ เป็นเอกสิทธิ์ของเทพแห่งท้องทะเล นอกจากนี้ยังเป็นไพ่ไม้ตายใบใหญ่ของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เซียนจินในอนาคตอีกด้วย
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเข็มสงบเทพทะเล เขาไม่อาจคว้าลิงแล้วเอาแท่งไม้ไปเจาะหูมัน แท่งเหล็กถูกลิขิตให้ไปที่ทะเลบูรพา เวลานี้ เขาคิดได้เพียงวิธีที่จะได้รับพลังบุญเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ใช้ได้ก็คือเหรียญทองแดงลั่วเป่า
หลี่ฉางโซ่วถือเหรียญทองแดงสองเหรียญเอาไว้ในมือและจับจ้องมองมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้อยคำและลวดลายบนเหรียญทองแดงนั้น ดูพร่ามัวเล็กน้อย
เขาใช้นิ้วถูมันเบาๆ สองสามครั้งและตระหนักว่าชั้นของ “เครื่องห่อหุ้ม” นั้น แท้จริงแล้ว ก่อตัวขึ้นจากพลังขุ่นมัวในโลกมนุษย์มานานหลายปี
เช่นเดียวกับนักพรตเต๋าตั๋วเป่าที่กล่าวว่า หากเขาใช้บุญของตัวเขาเองหล่อเลี้ยงมัน เขาจะสามารถทำให้สมบัติเปล่งประกายขึ้นมาได้อีกครั้ง
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจทำให้ตัวเองมั่นคงก่อน รอถึงครั้งต่อไปที่เขาไปถวายเครื่องสักการะให้จอมปราชญ์เทพ เขาก็จะพาไปที่ศาลสวรรค์เพื่อรับบุญ
ตามเหตุผลแล้ว หรานเติ้งไม่น่าจะรู้สึกอะไรเลย แต่เผื่อว่า…
“ศิษย์พี่?”
ในขณะนั้น เสียงอ่อนโยนของหลิงเอ๋อร์ก็ดังขึ้นด้านนอกหอโอสถ
ทันใดนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่คุ้มกันหอโอสถก็ลุกขึ้นทันทีและร้องเรียกหลิงเอ๋อร์ “จงทำตามคำแนะนำของข้าและร่ายคาถาเวทแปลงร่างเพื่อเข้ามาจากรูเล็ก ๆ นี้”
“ก็ได้” หลิงเอ๋อร์ไม่ลังเลที่จะตกลงทันที และในไม่ช้า ประตูไม้ของห้องใต้ดินลับก็ถูกผลักเปิดออกเบาๆ
หลิงเอ๋อร์มองไปรอบ ๆ อย่างสงสัยและกระโดดเข้าไปอย่างสวยงาม “ศิษย์พี่ มีอะไรผิดไปหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว มีบางอย่างที่ข้าควรบอกเจ้า”
จากนั้นประตูไม้ก็ปิดลง แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ ชี้นิ้วไปที่ข้างหน้าเขา ทันใดนั้น ก็มีเก้าอี้กลมปรากฏขึ้นหลังโต๊ะ
หลิงเอ๋อร์เดินช้าๆ แม้ปกติแล้ว นางจะแต่งหน้าบางเบา แต่ทั่วทั้งร่างของนางก็เผยความรู้สึกเกินจริง นั่นอาจเป็นเพราะนางกำลังเข้าใกล้การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์
ในช่วงเวลาต่อไปนี้ หลี่ฉางโซ่วจะไม่ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ อีกต่อไป เขาจะมุ่งเน้นไปที่การติดตามศิษย์น้องหญิงของเขาและช่วยให้นางข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์และทะยานขึ้นสู่เซียนได้สำเร็จ
มันย่อมจะดีที่สุดหากนางขึ้นไปได้
ทว่าเขาก็ไม่อาจบังคับได้
“หลิงเอ๋อร์ เจ้ารู้จักสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมากเพียงใด?”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาจนขนตายาวของนางสั่นกระพือและใบหน้าที่สดใสของนางก็แดงระเรื่อ
เมื่อมาถึงสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ย่อมเป็นเรื่องธรรมเนียมของคู่บำเพ็ญเต๋าที่โดดเด่นอย่างแน่นอน…
นางกัดริมฝีปากล่างและถามเบา ๆ ว่า “ศิษย์พี่ สถานที่นี้ลึกลับซ่อนเร้นมากหรือ ไม่มีใครรู้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“ใช่แล้ว สถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยค่ายกลแห่งยอดเขาหยกน้อย ตอนนี้ค่ายกลได้รับการปรับปรุงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้แต่เซียนจินธรรมดาก็ยังไม่อาจหาสถานที่แห่งนี้พบได้ เว้นเสียแต่ว่า พวกเขาจะเปิดการรื้อค้นทั่วภูเขานี้
ใบหน้าของหลิงเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางเม้มริมฝีปากและเป็นไปได้ว่า จะมีหมอกสีขาวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนาง ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่…
หลี่ฉางโซ่วหยิบแผ่นหินสองแผ่นและมีดแกะสลักออกมาเงียบๆ เขาวางชุดหนึ่งไว้ตรงหน้าหลิงเอ๋อร์ และอีกชุดหนึ่งอยู่ตรงหน้าเขา
“มาเถิด วันนี้ข้าได้ทำสิ่งที่ไม่ปลอดภัยข้างนอกแล้ว ข้าจะลงโทษเจ้า พวกเราแต่ละคน จะคัดลอกมันสี่พันห้าร้อยจบ”
“แค่กๆ!”
ลมปราณของหลิงเอ๋อร์พลันสั่นสะท้าน นางมองดูศิษย์พี่ของนางอย่างน่าสงสารและกล่าวอย่างเจ็บปวดว่า “ศิษย์พี่ ข้าเคยลงโทษตัวเองก่อนหน้านี้และรวมเข้าด้วยกัน ข้าก็เหลือมากกว่าเก้าร้อยเท่านั้น…”
“ข้าต้องคัดลอกมันเก้าพันจบ”
“ฮิฮิ ศิษย์พี่ ข้าจะเขียนให้ท่านครึ่งหนึ่ง!”
“ได้ แล้วอย่าลืมบวกเก้าร้อยจบด้วย ข้าจะคัดลอกมันสี่พันห้าร้อยจบ เจ้าจะคัดลอกมันห้าพันสี่ร้อยจบ เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย”
ดวงตาของหลิงเอ๋อร์เอ่อล้นด้วยน้ำตา ทว่าในทางกลับกัน หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาพลางยิ้ม เขาก้มศีรษะลง หยิบมีดแกะสลักขึ้นมาเพื่อเริ่มแกะสลักอย่างระมัดระวังและกล่าวว่า “เน้นการเขียน อย่าคิดมาก ข้าจะช่วยเจ้าปรับปรุงฐานเต๋าของเจ้าและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ”
“ศิษย์พี่ ท่านช่วยขจัดคาถาเวทปกปิดร่างของท่านได้หรือไม่…”
“ครั้งนี้ข้าทำให้ได้ แต่อย่าร้องขอเช่นนี้อีก” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าแล้วสลายคาถาเวทสองสามอย่างบนร่างเขาออกไป
………………………………………………………………..
[1] เป็นการทำสัญญาณห้าม บอกให้หยุด