บทที่ 603 เริ่มเคลื่อนไหว

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

ทางฝั่งของกู้เฟยหลินที่กำลังซื้อใจคน คนที่ลี่หุยจัดหามาก็คอยจังหวะที่จะลงมือแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นว่าคนที่บริษัทเริ่มทยอยกลับไปแล้ว ก็วางแผนที่จะบุกเข้าไปยังห้องทำงานของลี่จุนถิง

เพราะวันนี้เพิ่งเซ็นสัญญาร่วมงานกันกับโรงบ่มไวน์ลาหร์ เลยทำให้เจียงหยุนเอ๋อนั้นยุ่งเป็นพิเศษ จนเวลาล่วงเลยมาถึงสองทุ่ม และหญิงสาวเองก็เริ่มรู้สึกหิว เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือ ก็เห็นว่าเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว

ถวนจื่อก็น่าจะรอเธอไปกินข้าวเย็นอยู่ที่บ้านแล้วเช่นกัน พอคิดขึ้นมาได้เจียงหยุนเอ๋อก็ตามซู่จี้งยี้ แล้ววานให้เขาไปส่งเธอที่บ้าน

“คุณรอฉันก่อน ฉันขอดูเอกสารพวกนี้เสร็จแล้วก็จะกลับเลย ”

ซู่จี้งยี้พยักหน้า

เจียงหยุนเอ๋อกลัวว่าหากเธอกลับดึกแล้วถวนจื่อจะเป็นกังวล จึงได้โทรไปที่บ้าน และซูม่านลีผู้เป็นแม่เป็นคนรับสาย

“แม่คะ ถวนจื่อล่ะ ? แล้วนี่กินข้าวกันรึยังคะ ?”

เมื่อซูม่านลีได้ยินเจียงหยุนเอ๋อถามหาถวนจื่อ จึงตามถวนจื่อออกมาจากห้องเกม แล้วพลางพูดกับเจียงหยุนเอ๋อไปว่า :“เรายังไม่ได้กินกันเลย ลูกยังไม่กลับมา ถวนจื่อเองก็ไม่ยอมกินข้าว เราจึงรอให้ลูกกลับมาก่อนแล้วค่อยกินพร้อมกัน แล้วนี่ลูกจะกลับมาหรือยัง”

“ใกล้แล้วค่ะแม่ ดูเอกสารเสร็จก็กลับเลยค่ะ ”

หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อพูดจบถวนจื่อก็ออกมาจากห้องเกมพอดี รับสายไปแล้ว เอ่ยเรียกแม่เสียงหวาน

“แม่ครับ แม่จะกลับมาเมื่อไหร่ ? แม่ไม่กลับมาถวนจื่อก็ไม่กินข้าวหรอกนะ และตอนนี้ถวนจื่อก็หิวจนผอมมากแล้วด้วย ”

เมื่อเจียงหยุนเอ๋อได้ยินคำพูดคำจาที่ไร้เดียงสาของถวนจื่อแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ถวนจื่อ เด็กดี แม่กำลังจะกลับแล้ว ลูกเชื่อฟังยายนะ ”

หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อวางสายไป ก็วางโทรศัพท์ลง และหลังจากที่ดูเอกสารเสร็จอย่างรวดเร็ว เธอก็หยิบกระเป๋าแล้วออกไปพร้อมกับซู่จี้งยี้

ทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน เจียงหยุนเอ๋ออยากจะโทรบอกถวนจื่อว่าเธอกำลังกลับไปแล้ว แต่แล้วเจียงหยุนเอ๋อก็สำรวจไปทั่วกระเป๋าของเธอ เพิ่งจะรู้ว่าโทรศัพท์มือถือของเธอไม่อยู่ และมานึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่วางสายไปเธอได้วางมันไว้บนโต๊ะ

จากนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็เอ่ยเรียกซู่จี้งยี้ แล้วพูดกับเขาว่า :“ผู้ช่วยซู่ รบกวนช่วยรอฉันสักครู่ ฉันลืมมือถือเอาไว้ ขอกลับไปเอาแป๊บหนึ่ง ”

“คุณนาย คุณรอที่นี่ดีกว่า ผมย้อนกลับไปเอาให้ ”

เจียงหยุนเอ๋อรีบโบกมือ แล้วพูดว่า :“ไม่ต้องหรอก ลำบากคุณเปล่าๆ ฉันไปเอาเอง ”

หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อพูดจบ ก็เดินมุ่งตรงไปที่ลิฟต์

ซู่จี้งยี้คิดว่าในมุมมืดนี้ล้วนมีคนที่คอยเฝ้าและดูแลปกป้องเจียงหยุนเอ๋ออยู่ เธอไปเองน่าจะไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อเจียงหยุนเอ๋อเดินออกมาจากลิฟต์และเดินไปตามทางเดิน เธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง ภายใต้แสงไฟสลัวนั้น มีบุคคลหนึ่งกำลังนั่งยองๆอยู่ที่ประตูหน้าห้องทำงานของลี่จุนถิง ดูเหมือนกำลังงัดประตูห้องทำงานของชายหนุ่ม

เจียงหยุนเอ๋อตกใจ เธอพยายามควบคุมตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา แล้วรีบซ่อนตัวอยู่ข้างๆ เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกโชคดีที่เธอสวมใส่รองเท้าส้นแบน ไม่ใช่รองเท้าส้นสูง จึงทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

หากเธอทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว และรอบตัวเธอเองในตอนนี้ก็ไม่มีใคร คนคนนั้นไม่แคล้วต้องลงมือกับเธอเป็นแน่

เจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่ข้างๆ คอยเฝ้าสังเกตคนคนนั้น อยากรู้ว่าเขาคนนั้นต้องการจะทำอะไร และเขาคนนั้นก็ดูเหมือนกำลังงัดแงะประตูอยู่ จึงไม่รู้ตัวว่าด้านหลังของเขานั้นมีเจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่

หลังจากผ่านไปไม่นาน คนคนนั้นงัดประตูห้องทำงานของลี่จุนถิงสำเร็จ แล้วลุกยืนขึ้น

เมื่อเจียงหยุนเอ๋อเห็นคนคนนั้นกำลังจะลุกยืนขึ้น เธอก็รีบถอยหลังไป แล้วได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็แง้มดู เห็นคนคนนั้นย่องเข้าไปในห้องทำงานของลี่จุนถิง

เดิมทีเจียงหยุนเอ๋อกะจะย่องตามเข้าไปดู แต่เพราะท้องที่ใหญ่โตนี้ กลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น และเธอเองก็จะตกอยู่ในอันตราย เพราะฉะนั้น เธอจึงได้รีบหันหลังกลับ แล้วลงไปยังชั้นล่างเพื่อหาซู่จี้งยี้

เมื่อซู่จี้งยี้เห็นเจียงหยุนเอ๋อที่เดินออกมาจากลิฟต์ ด้วยท่าทีที่เร่งรีบ หากไม่ใช่เพราะท้องที่ใหญ่โต เห็นทีเจียงหยุนเอ๋อคงจะวิ่งมาเสียด้วยซ้ำ

“คุณนาย เป็นอะไรไปครับ ? เกิดอะไรขึ้น ?”

ซู่จี้งยี้เอ่ยถามอย่างร้อนใจ

เจียงหยุนเอ๋อสูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วนิ่งเงียบไปสองวินาที จึงได้เล่าสิ่งที่พบเห็นนั้นให้กับซู่จี้งยี้

“เมื่อกี้ฉันขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ กำลังจะเดินไปถึงที่ห้องทำงาน เห็นมีคนกำลังงัดประตูห้องทำงานของลี่จุนถิงอยู่ และตอนนี้คนคนนั้นก็เข้าไปในห้องทำงานนั้นแล้ว ฉันไม่อยากให้เขารู้ตัว เลยรีบลงมาหาคุณ”

หลังจากที่ซู่จี้งยี้ฟังจบ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นทันที เขาพยุงเจียงหยุนเอ๋อเข้ามายังด้านข้างของรถ แล้วเปิดประตูให้เธอ ให้เธอเข้าไปนั่งรอในรถ

“คุณนาย คุณรอผมอยู่ที่รถก่อน ผมจะขึ้นไปดู และรอบๆบริเวณนี้มีแต่คนของประธานลี่ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกลัวอะไร และไม่ต้องลงมาจากรถอีก”

เมื่อเห็นว่าซู่จี้งยี้กำลังจะเดินจากไป เจียงหยุนเอ๋อก็รีบคว้าไปที่เสื้อของเขา

“ผู้ช่วยซู่ เราโทรแจ้งตำรวจก่อนไหม ฉันกลัวว่าคุณขึ้นไปเองแล้วมันจะมีอันตราย”

“ไม่หรอกครับ คุณนาย วางใจเถอะ ผมจะตามรปภ.ไปด้วย คุณวางใจได้แล้วรออยู่ในรถก็พอ”

หลังจากที่ซู่จี้งยี้พูดจบก็ปิดประตูรถให้เจียงหยุนเอ๋อ แล้วหันไปพูดกับมุมมุมหนึ่งว่า :“ดูแลคุณนายให้ดี ”

จากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นบน แต่ซู่จี้งยี้ไม่ได้เรียกรปภ.ไปด้วย เขาเดินขึ้นไปคนเดียวเพียงลำพัง แล้วแอบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด มุมที่อยู่นั้นถ้ามองออกมาจากห้องทำงานของลี่จุนถิงนั้นหากไม่จ้องมองดีๆก็จะมองไม่เห็นอะไร แต่ในทางกลับกันมุมนั้นเห็นทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องทำงานของลี่จุนถิงได้อย่างชัดเจน

ซู่จี้งยี้ยืนอยู่ที่นั่น แล้วมองดูคนคนนั้นขโมยแฟ้มเอกสารนั้นไปอย่างเงียบๆ

เจียงหยุนเอ๋อรออยู่ในที่จอดรถอย่างร้อนใจ ยังดีที่ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ซู่จี้งยี้ก็เดินลงมา

หลังจากที่ซู่จี้งยี้ขึ้นมาบนรถ เขาก็ยื่นโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวให้กับเธอ หลังจากรับมือถือมาแล้วเจียงหยุนเอ๋อก็รีบถามเขาทันทีว่า:“เป็นยังไงบ้าง ? จับตัวได้ไหม ?”

ซู่จี้งยี้พยักหน้า พร้อมกับขับรถเคลื่อนออกไปด้วย

“คุณนาย ว่าใจเถอะ หัวขโมยถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ตอนนี้ผมส่งคุณกลับไปก่อน แล้วผมจะกลับมาจัดการเรื่องนี้”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้ารับ เธอรู้ว่าหากยังอยู่ที่นี่มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับซู่จี้งยี้เท่านั้น ไม่สู้กลับไปก่อนดีกว่า รอให้ซู่จี้งยี้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วค่อยถามเอากับเขาทีหลัง

หลังจากกลับมาถึงที่บ้าน และกินข้าวกับถวนจื่อเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อก็เอาแต่คิดว่าคนคนนั้นเป็นใครกัน

หลังจากที่ซู่จี้งยี้กลับมาที่บริษัท เขาก็โทรหาลี่จุนถิง

“ประธานลี่ครับ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์เอาไว้ พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ”

หลังจากที่วางสายไป ซู่จี้งยี้ก็ถอนหายใจ ลี่จุนถิงนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ เขาเดาออกว่าหลังจากที่เขาไปต่างประเทศ พวกลี่หุยจะใช้โอกาสนี้ลงมือ และอาจจะส่งคนมาขโมยเอกสาร

ดังนั้น ก่อนที่ลี่จุนถิงจะเดินทางไปเขาได้ให้ซู่จี้งยี้ปิดระบบกันขโมยในห้องทำงานของเขา และระบบกันขโมยของลี่จุนถิงนี้ได้รับการวิจัยและพัฒนาโดยทีมของเขาเอง นอกจากซู่จี้งยี้แล้ว ก็จะมีเพียงตัวลี่จุนถิงเองกับชิงโม่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ที่หน้าห้องทำงานของลี่จุนถิง และภายในบริษัทก็ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบล่องหนเอาไว้แล้ว ต่อให้อยู่ในที่มืดก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นมันได้ ไม่พูดไม่ได้ ว่าลี่จุนถิงนั้นช่างเป็นคนที่มองการณ์ไกลและทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้จริงๆ