บทที่ 611 จูบทางอ้อม
บทที่ 611 จูบทางอ้อม
“อวี้น้อย?” ต้องใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อให้ซูอันรู้ว่านางกำลังพูดถึงซางหลิวอวี้ และชายหนุ่มก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่มืดหม่นทันทีว่า “อาจารย์ซางเป็นของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เจียงลั่วฝูเดาะลิ้น “นางเป็นภรรยาของข้า ดังนั้นแน่นอนว่านางเป็นของข้า!”
ซูอันอ้าปากค้าง
“อาจารย์ใหญ่คนสวย พอจะมีที่ว่างให้ข้าแทรกเข้าไปอีกคนไหม?”
“เจ้าดูปากข้านะ” เจียงลั่วฝูชี้ที่ริมฝีปากตัวเอง “อย่า-มา-สะ-เออะ!”
ซูอันมองดูนางอย่างไม่พอใจ
“อาจารย์ใหญ่ คำพูดหยาบคายไม่เหมาะกับสถานะของท่านเลย!”
เจียงลั่วฝูเหยียดตัวออก ซึ่งเป็นภาพที่งดงามน่าดูชม “มีใครได้ยินไหม? ข้าแน่ใจว่าไม่”
ซูอันพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนพาลขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็พบว่าการที่นางเรียกซางหลิวอวี้ว่า ‘ภรรยา’ เป็นเพียงเรื่องตลกระหว่างเพื่อนสนิท
พวกนักเรียนหญิงในโลกก่อนหน้านี้ของเขามักจะเรียกกันเล่น ๆ แบบนี้เช่นกัน
ชายหนุ่มแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเธอถึงทำอย่างนั้น ถ้าเพื่อนสนิทชายสองคนเรียกกันว่าสามี เอ่อ…
เจียงลั่วฝูใช้พู่กันเคาะโต๊ะ “ทำไมเราไม่เริ่มจากเจ้าบอกข้าว่าเจ้าหนีจากผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์มาได้ยังไง? อ้อ อย่าอ้างว่าเจ้าคิดถึงข้าจนพลังเพิ่มพูนขึ้นจนเหนือมนุษย์หรืออะไรก็ตามที่มันฟังไม่ขึ้นล่ะ ข้ารำคาญ”
ซูอันรู้สึกหน้าแดง อาจารย์ใหญ่ได้ยินคำพูดป้อล้อของเขาต่อซางหลิวอวี้ ขณะที่เขาอยู่นอกประตูห้องด้วยสินะ! หลังจากปรับอารมณ์กระอักกระอ่วน เขาก็บอกนางอย่างคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเล่าเรื่องเดียวกันกับที่เขาบอกกับตระกูลฉู่
เจียงลั่วฝูเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นานริมฝีปากสีแดงของนางก็เปิดขึ้นอีกครั้ง “ข้าเชื่อว่าข้าเคยต่อสู้กับหนึ่งในผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ที่เจ้ากล่าวถึง ในตอนนั้น ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาคอยสร้างปัญหาอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่าง แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเขาคงกำลังตรวจสอบคนรอบข้างเจ้าอยู่”
ซูอันเยินยอเลียนแบบเฉิงโซวผิงในทันที “อาจารย์ใหญ่เจียงสามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์! นับวันความเคารพของข้ายิ่งมากล้นไร้สิ้นสุดเหมือนระลอกคลื่นแม่น้ำจันทร์กระจ่าง…”
“พอ!” เจียงลั่วฝูหน้าแดง นางตัดบทเขาทันที “เขาออมมือให้ข้าต่างหาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงสามารถต่อกรกับเขาได้!”
ซูอันยังคงเยินยอไม่หยุด “อาจารย์ใหญ่ของข้าช่างสัตย์ซื่อตรงไปตรงมา ท่านปฏิเสธที่จะยอมรับความดีความชอบที่ไม่ใช่ของตัวเอง! ท่านช่างมีจิตใจสูงส่งเหนือผู้คน…”
เขายังคงเยินยอนาง แต่นางก็ไม่ได้ตัดบทเขา กลับมองเขาด้วยความขบขัน
ซูอันยังอยากจะชมเชยนางต่อไปอีก แต่บังเอิญว่าเสียงเริ่มแหบแห้ง เขาจึงรีบหาข้อแก้ตัว “ขออภัย ลำคอของข้าแห้งเล็กน้อย ข้าขอดื่มน้ำก่อน”
เขาคว้าถ้วยน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าแล้วยกขึ้นดื่มอึกใหญ่
เจียงลั่วฝูหยุดเขาไม่ทัน นางยิ้มแปลก ๆ “อวี้น้อยเพิ่งดื่มน้ำจากถ้วยนั้น นี่เรียกว่าเป็นจูบทางอ้อมไม่ใช่เหรอ? ผู้ชายนับไม่ถ้วนล้วนอยากจะได้รับประสบการณ์นี้ แต่เจ้ากลับได้มันไปอย่างง่ายดาย”
“แค่ก ๆ” ซูอันชะงัก จากนั้นเขาก็เห็นรอยประทับริมฝีปากแดงจางๆ ที่ขอบถ้วย สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือมีอีกรอยที่ชัดเจนกว่ามากเช่นกัน และสีของอันนี้ค่อนข้างคล้ายกับสีชาดทาปากของเจียงลั่วฝู!
“อาจารย์ใหญ่คนสวย ข้าเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของท่านกับอาจารย์ซางแล้ว…”
เจียงลั่วฝูสูดลมหายใจ นางคว้าถ้วยน้ำชาจากเขา “เจ้านี่ช่างเป็นผู้ชายที่บื้อที่สุด! นี่คือปฏิกิริยาหลังจากที่จูบอาจารย์ใหญ่ของเจ้าโดยอ้อมงั้นเหรอ!?”
ซูอันไม่มีอะไรจะพูดกับนาง
เขาถอนหายใจ ข้ามีช่วงเวลาที่สนุกสนานไปกับการหยอกล้อจี้เสี่ยวซี ฉู่ฮวนเจา และสาว ๆ ทั้งหลาย พวกนางมักจะโกรธทันทีที่ข้าหยอกพวกนางแค่เล็กน้อย
แต่กับผู้หญิงคนนี้ ข้ากลับเป็นฝ่ายที่โดนเล่นงานแทน!
“หืม เจ้าสำเร็จถึงระดับที่ห้าแล้วงั้นเหรอ?” เจียงลั่วฝูดูประหลาดใจ ตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในคลื่นพลังของซูอัน “ความเร็วในการบ่มเพาะของคนที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำช่างน่าอิจฉาจริง ๆ”
เมื่อซูอันและนางพบกันครั้งแรก ซูอันเพิ่งเริ่มต้นเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ แต่เวลาผ่านไปไม่นานนัก ตอนนี้เขากลับกลายเป็นอยู่ในระดับที่ห้าแล้ว!
แม้แต่ผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์มากที่สุดที่เคยถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ของต้าโจว ก็ยังไม่เคยมีใครสักคนที่บ่มเพาะเพียงไม่กี่เดือนแล้วจะสำเร็จได้ถึงระดับห้าเช่นนี้!
“โชคไม่ดีที่ข้าไม่ได้ปลุกความสามารถธาตุใด ๆ เลย” ซูอันกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น หมี่ลี่คิดว่าเขาควบคุมธาตุวิญญาณได้ แต่เขารู้อยู่แก่ใจว่านั่นเป็นเพียงทักษะนกกระจิบร้อยเสียงเท่านั้น
“เจ้าไม่ได้ปลุกพลังธาตุใด ๆ ขึ้นมาเลยงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?” เจียงลั่วฝูหุบยิ้มและขมวดคิ้วพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งตัวตรง
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าไม่รู้สึกถึงความสัมพันธ์กับธาตุใด ๆ รอบตัวข้า” ซูอันอธิบายสิ่งที่เขาสัมผัสได้กับนาง
เจียงลั่วฝูนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ในท้ายที่สุด นางกล่าวว่า “โดยปกติ ทุกคนที่เข้าสู่ระดับห้า จะรับรู้ถึงความสามารถทางธาตุของพวกเขาในทันที ข้าไม่เคยได้ยินว่าใครเป็นแบบเจ้ามาก่อน บางทีมันอาจจะแตกต่างไปเพราะเจ้ามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ คนปกติสามารถสัมผัสได้เมื่อถึงระดับที่ห้า แต่ผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น บางทีอาจจะเป็นระดับที่หกก็ได้”
“แล้วเราจะทำยังไงดี?” ซูอันงุนงง พรสวรรค์ระดับเลิศล้ำของเขาควรจะเป็นหนทางไปสู่จุดสูงสุดของมนุษย์อย่างรวดเร็วมิใช่หรือ ทำไมจึงเกิดผลด้านลบแทน?
“แค่ทำในสิ่งที่เจ้าทำมาตลอดต่อไป” เจียงลั่วฝูกล่าว “เจ้าอาจจะปลุกพลังธาตุได้สักวันหนึ่ง เจ้าจะพบวิธีตราบใดที่ยังไม่สิ้นหวัง ในเมื่อเจ้ามีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ เจ้าจะต้องปลุกธาตุได้แน่ ๆ”
“ดูเหมือนอาจารย์ใหญ่ผู้งดงามก็ไม่แน่ใจกับปัญหานี้ของข้าสินะ” ซูอันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกอย่างกังวล
ใบหน้าของเจียงลั่วฝูแดงขึ้น “จะทำยังไงได้ล่ะ? ไม่มีบันทึกใดเลยที่เขียนเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ ดังนั้นเราจึงไม่มีข้อมูลที่จะใช้อ้างอิง”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น” ไม่มีทางที่ซูอันจะทำอะไรกับสถานการณ์ของเขาได้ ถ้าแม้แต่อาจารย์ใหญ่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกถึงคัมภีร์ธาตุไฟทั้งสองที่เขาได้รับมา “ว่าแต่ท่านอาจารย์ใหญ่ มีเคล็ดลับอะไรพิเศษบ้างไหมหากต้องการปลุกธาตุไฟ?”
“ธาตุไฟ?” เจียงลั่วฝูประหลาดใจ ฉู่ชูเหยียนครอบครองธาตุน้ำแข็ง ถ้าซูอันปลุกธาตุไฟ ธาตุของทั้งสองคนนี้จะไม่ขัดแย้งกันเหรอ? “การปลุกพลังธาตุไม่ใช่สิ่งที่สามารถเลือกได้ แต่แน่นอนว่า มีข้อยกเว้นบางประการ ตัวอย่างเช่น อาจจะมีคนที่โชคดีมาก ๆ บังเอิญไปเจอสมบัติวิเศษฟ้าดินซึ่งสามารถทำให้บุคคลผู้นั้นใช้ธาตุตามคุณสมบัติของสมบัติได้ หรือเคล็ดวิชาบ่มเพาะลึกลับบางอย่างที่สามารถปลุกพลังธาตุได้โดยตรง”
“อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวหายากมาก เฉพาะผู้ที่มีโชคพิเศษเท่านั้นที่มีโอกาสเจออะไรแบบนั้น”
นางไม่คิดว่าซูอันจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณสวรรค์ที่ยังมีทาง ถ้ามันเป็นเพียงโชค ข้าแทบจะไม่ขาดมันเลย”
เจียงลั่วฝูพูดไม่ออก นางคิดไม่เคยออกเลยว่าผู้ชายคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนักหนา
“ยังไงก็ตาม เจ้าไม่ควรประกาศต่อสาธารณะว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ ผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ทุกคนมีเส้นสายที่ไม่สิ้นสุด และเจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ในตอนนี้ ข้าจะหาวิธีบอกตระกูลฉู่ให้ช่วยซ่อนเรื่องนี้ให้เจ้า ข้าหวังว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้”
สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล นางรู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ