บทที่ 612 แลกเปลี่ยน

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 612 แลกเปลี่ยน

บทที่ 612 แลกเปลี่ยน

ซูอันส่งสายตาซาบซึ้งให้กับเจียงลั่วฝู “อาจารย์ใหญ่ผู้งดงาม ท่านดีกับข้ามากจริง ๆ ข้าไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนท่านยังไง บอกตามตรงข้าไม่มีสมบัติล้ำค่าใด ๆ ติดตัวเลยขณะนี้ ฉะนั้นเท่าที่ข้าให้ท่านได้ขณะนี้คงมีเพียงร่างกายของข้าเท่า…”

“ไสหัวออกไปจากห้องข้าได้แล้ว!”

“รับทราบ…”

ซูอันออกจากห้องอาจารย์ใหญ่ด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าจะปลุกธาตุไฟได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นไปได้ ด้วยโชคของเขานั้น ท้ายที่สุดทุกอย่างจะต้องออกมาดี

ชายหนุ่มเดินไปตามถนนในสถาบันจันทร์กระจ่าง ยังไม่มีอารมณ์ที่จะเข้าชั้นเรียนใด ๆ เขาได้ต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์มาแล้ว ดังนั้นชั้นเรียนเหล่านี้จึงกลายเป็นไม่มีความหมายอะไรสำหรับซูอันอีก

ชายหนุ่มจึงตัดสินใจจะตรงดิ่งไปที่บ้านพักอาจารย์ของตัวเอง แต่หลังจากเดินไปได้ครึ่งทาง เขาก็ได้เจอกับสาวงามระหว่างทาง

“เจิ้งตาน?” เขามองเห็นสาวสวยตรงหน้าที่กำลังย่อตัวเคารพเขา ดูเหมือนนางจะโตขึ้นเล็กน้อย นางมีส่วนผสมของความเขินอายแบบเด็กสาวและเสน่ห์ของหญิงสาวเต็มตัวอย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่น่าแปลกใจที่เหล่านักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาจะอดจ้องมองมาทางนางไม่ได้

ฮึ่ม…! พวกเจ้าทุกคนมันเป็นแค่พวกขี้แพ้ที่ไร้ความกล้าหาญ!

ถ้าพวกเจ้าชอบนางทำไมไม่เดินมาบอกนางล่ะ? แต่ก็อย่างว่า พวกเจ้าไม่หล่อเท่าข้า ต่อให้พวกเจ้าจะเดินมาบอกนาง พวกเจ้าก็ไม่มีทางได้อะไรจากนางแน่นอน!

“คารวะ อาจารย์ซู” ใบหน้าของเจิ้งตานแดงก่ำ

“นักศึกษาเจิ้งยังคงสุภาพเช่นเดิม อาจารย์คนนี้ขอชื่นชมจากใจ” ซูอัน รู้สึกชอบการแสร้งแสดงต่อหน้าคนอื่น ๆ เช่นกัน

“ข้าได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอาจารย์ ตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าอาจารย์กลับมาอย่างปลอดภัย นักศึกษาผู้นี้ก็สบายใจ” คำพูดของนางได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและเหมาะสมอย่างยิ่ง

“นักศึกษาเจิ้งเป็นห่วงข้างั้นหรือ?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอน” เจิ้งตานหน้าแดง นางมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง “ข้ามีคำถามบางอย่างเกี่ยวกับเลขคณิตที่อยากจะขอคำชี้แนะจากท่านด้วย”

ซูอันรู้ว่านางต้องการคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว เขาจึงพยักหน้า “เดินไปคุยไปเถอะ”

ทั้งสองเดินไปตามเส้นทางอันเงียบสงบในสถาบันจันทร์กระจ่าง สำหรับคนอื่น เจิ้งตานดูเหมือนนักศึกษาที่ถามคำถามพร้อมกับหนังสือในมือ

ทุกคนที่เห็นนางต่างชื่นชมนาง แม่นางเจิ้งขยันจริง ๆ นางเรียนเลขคณิตอย่างจริงจังโดยที่การบ่มเพาะของนางก็ไม่ล้าหลัง…

แน่นอนว่าผู้คนรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลเช่นกัน ตระกูลเจิ้งมีธุรกิจมากมายที่ต้องดูแล ดังนั้นเจิ้งตานจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิชาคณิตให้มากเพื่อเอาความรู้นี้ไปช่วยกิจการของตระกูลนาง

อย่างไรก็ตาม ผู้ชมรอบตัวต่างไม่รู้ว่าภายใต้ภาพลักษณ์ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาที่แสดงออกของทั้งคู่ แท้จริงแล้วมันเต็มไปด้วยความเสน่หาระหว่างคู่รัก

“อาซู ข้ามาที่นี่ในฐานะตัวแทนของพ่อตาในอนาคตของข้าเพื่อทำข้อตกลงทางธุรกิจกับเจ้า” แม้ว่าใบหน้าของเจิ้งตานจะแดงจากการหยอกล้อก่อนหน้านี้ แต่นางก็ไม่ลืมเหตุผลที่นางเข้าหาเขา

ซูอันตกตะลึง “ธุรกิจอะไร?”

เจิ้งตานมองเขาด้วยดวงตาที่กลมโต “เขาต้องการยาวิเศษที่เจ้ามี”

ซูอันยิ้มและพูดว่า “ยาอะไร ทำไมไม่ไปหาหมอเทวะจี้ ถ้าเจ้าต้องการอะไรแบบนั้น? หรือแม้แต่จี้เสี่ยวซีก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าข้า”

เจิ้งตานถอนหายใจ “แน่นอนว่าเราไปหาหมอเทวะจี้ แต่ไม่มีอะไรที่หมอเทวะจี้จะสามารถทำได้

“เจ้าก็น่าจะรู้ข่าวแล้วว่าซ่างเชียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ชีวิตของเขาถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย แม้แต่หมอเทวะจี้ก็ทำได้เพียงแค่ยื้อชีวิตเขาได้ชั่วคราวเท่านั้น อาการเขาแย่ลงเรื่อย ๆ อีกไม่นานหมอเทวะจี้คงจนปัญญาที่จะทำอะไรได้อีก

“แม้ว่าซ่างหงจะมีลูกสองคน แต่เขาก็มีลูกชายเพียงคนเดียว ถ้าซ่างเชียนเสียชีวิต เขาจะไม่มีทายาทที่เอาไว้คอยสืบสกุลเหลือเลย”

ซูอันพ่นลมหายใจ “มันแปลกตรงไหนที่จะมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นกับคนเลว ๆ แบบนั้น?”

แผนการของซ่างหงเป็นเหตุผลเบื้องหลังความยุ่งเหยิงที่ตระกูลฉู่เผชิญอยู่ในขณะนี้

เจิ้งตานกัดริมฝีปาก “นั่นอาจเป็นจริง แต่คนเป็นพ่อจะต้องคลั่งอย่างแน่นอน หากลูกชายคนเดียวของเขาเสียชีวิต เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาคงจะระบายความโกรธไปที่ตระกูลฉู่อย่างแน่นอน”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าเหรอ?” ซูอันรู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย เขาบีบมือนางแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“อ๊ะ!” เจิ้งตานเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่กล้าแสดงออกมา เพราะกลัวว่านักศึกษาคนอื่นจะสังเกตเห็น “ข…ข้าไม่ได้ขู่เจ้า ข้าแค่ช่วยให้เจ้าชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย! ข้าได้ให้ทุกสิ่งของข้าแก่เจ้าไปหมดแล้ว เจ้ายังจะถามถึงความจริงใจของข้าอีกเหรอ?”

ซูอันพ่นลม “แต่เจ้ากำลังพูดแทนศัตรูของข้า!”

“ข้าแค่เอาคำพูดของเขามาบอกเจ้าต่อ!” เจิ้งตานถอนหายใจ “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ความสัมพันธ์ของเรานับได้ว่าลึกซึ้ง ฉะนั้นข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมา เจ้าคงรู้ดีว่าปัญหาล่าสุดของตระกูลฉู่นั้นถูกบงการโดยซ่างหง เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ฮูหยินฉู่บาดเจ็บสาหัสจนแม้แต่จี้เติ้งถูก็ไม่สามารถช่วยนางได้ แต่แล้วเจ้ากลับใช้ยาขวดหนึ่งช่วยชีวิตนางไว้

“ซ่างหงตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการทำข้อตกลงกับเจ้า เขาจะปล่อยอ๋องฉู่และหยุดวางแผนต่อต้านตระกูลฉู่ และตระกูลซ่างจะทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับเจ้า แต่ในทางกลับกัน เขาขอแค่ยานั่นขวดเดียวเท่านั้น”

ซูอันไม่สามารถซ่อนความรำคาญใจในน้ำเสียงของเขาได้ “ใบอนุญาตค้าเกลือของตระกูลฉู่กลับมาอยู่ในมือของเราแล้ว เขามีสิทธิ์อะไรที่จะกักตัวอ๋องฉู่ต่อไปอีก? นอกจากนี้ แผนการของเขาที่มีต่อตระกูลฉู่ก็ล้มเหลวไปแล้ว เขาเพิ่งจะมายอมตอนนี้มันจะแตกต่างอะไร?”

เจิ้งตานส่ายหัว “เรื่องไม่ง่ายขนาดนั้น ยกตัวอย่าง ในเมื่อขณะนี้ อ๋องฉู่ และฉินหว่านหรูมีใบอนุญาตค้าเกลืออยู่ในมือแล้ว แต่ทำไมอ๋องฉู่ถึงยังไม่ได้รับการปล่อยตัว? คำตอบนั้นง่ายมาก เป็นเพราะซ่างหงยังคงหาข้ออ้างทุกประเภทที่จะกักขังไว้ ด้วยเหตุนี้ ถ้าเขารู้ว่าการประนีประนอมของเขาใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป และลูกชายของเขาตายโดยที่เจ้าปฏิเสธจะช่วยเหลือ คนแรกที่จะถูกเพลิงโทสะของเขาคลอกคืออ๋องฉู่ที่ยังอยู่ในคุก และจากนั้นเจ้าและตระกูลฉู่จะไม่มีวันหลุดพ้นจากการตามล้างแค้น!”

การแสดงออกของซูอันเปลี่ยนไปทันที “ซ่างหง กล้าสังหารอ๋องงั้นเหรอ?”

เจิ้งตานอธิบายว่า “หากเป็นยามปกติเขาไม่กล้าแน่ แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าขณะนี้ ซ่างหงได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิให้มาจัดการกับตระกูลฉู่ ดังนั้นต่อให้เขาฆ่าอ๋องฉู่ไป มันก็จะเป็นไปตามพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิ ซึ่งถึงแม้การฆ่าอ๋องจะไม่ใช่เรื่องเหมาะควร แต่องค์จักรพรรดิคงจะวิพากษ์วิจารณ์เขาเพียงเล็กน้อย และจะไม่ลงโทษซ่างหงอะไรมากนัก

“แผนการทำลายตระกูลฉู่ของซ่างหง ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าและเขาก็ถูกผลักดันให้ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยตัวอ๋องฉู่ ง่าย ๆ

“อย่างไรก็ตาม หากเจ้าสามารถช่วยชีวิตลูกชายของเขาได้ เขาจะเต็มใจละทิ้งภารกิจนี้ และยินดีรับโทษต่อจักรพรรดิ แม้เขาจะเป็นคนเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยม แต่เขาก็คือบิดาที่รักลูกมากคนหนึ่ง”