บทที่ 613 การแก้แค้นโดยชอบธรรม
บทที่ 613 การแก้แค้นโดยชอบธรรม
เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ ซูอันก็หวั่นไหว เขาไม่ต้องการช่วยชีวิตซ่างเชียน แต่ถ้าฉู่จงเทียนต้องรับเคราะห์เพราะความเห็นแก่ตัวของเขา เขาจะผิดต่อฉู่ชูเหยียนและฉู่ฮวนเจา และไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้
“ซ่างหงรู้เรื่องเราสองคนหรือเปล่า?” ซูอันถามขึ้นทันใด
เจิ้งตานหน้าแดง “ย่อมไม่ ถ้าเขารู้เขาคงจะฆ่าข้าทันที และคงไม่ส่งข้ามาที่นี่เพื่อเจรจากับเจ้า”
ซูอันไม่มีความสุข “เจ้ายังไม่ได้แต่งงานกับลูกชายของเขาอย่างเป็นทางการ เขาไม่มีอำนาจที่จะทำอย่างนั้น”
เจิ้งตานกลอกตา นางไม่ตอบอะไร
ซูอันทราบดีว่าการแต่งงานในโลกนี้แตกต่างจากการแต่งงานในยุคปัจจุบันของเขา ดังนั้นจึงถามนางต่อไปว่า “เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
เจิ้งตานลังเลเล็กน้อย แต่ยังคงกล่าวว่า “เราสองคนไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อกัน ดังนั้นข้าจะไม่ปิดบังอะไรเจ้า ไม่ว่าซ่างเชียนและข้าจะแต่งงานกันหรือไม่ ข้าก็ยังรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ได้พัฒนาขึ้นระหว่างเราและต้องการจะชดใช้ให้เขา ในขณะเดียวกันหากข้อตกลงนี้ดำเนินต่อไป ตระกูลเจิ้ง ก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากมายเช่นกัน นี่คือเหตุผลที่ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยข้าได้ ”
หลังจากหยุดชั่วคราว นางยิ้มและพูดกับเขาว่า “แน่นอน ถ้าเจ้าสามารถทำให้ตระกูลซ่างและตระกูลเจิ้งตกลงที่จะให้ข้าแต่งงานกับเจ้าแทน ข้าก็ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อซ่างเชียนมากนัก”
ซูอันพูดไม่ออก “เจ้าก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ข้าไม่มีปัญหาในการรับเจ้าเป็นภรรยา แต่เจ้ายินดีที่จะหนีไปกับข้าหรือไง?”
เจิ้งตานถอนหายใจ “เจ้าก็รู้ว่าข้าแบกความหวังของตระกูลไว้บนบ่า ข้าจะหันหลังทอดทิ้งพวกเขาได้ยังไง?”
ซูอันครุ่นคิดและสุดท้ายก็พูดว่า “จะช่วยเขาก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อข้าคิดว่าเขาจะแต่งงานกับเจ้าทันทีที่เขาหายดี…นี่มันไม่ได้หมายความว่าข้าจะเป็นสามีซึ่งภรรยามีชู้ไม่ใช่หรือไง? ไม่มีทาง! ”
เจิ้งตานหน้าแดง “เจ้าคือคนที่ทำให้คู่หมั้นแตกแยกกันชัด ๆ…”
ซูอันตอบอย่างไม่ใส่ใจ “อะไรก็ตาม ข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้!”
เจิ้งตานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงเบา “จริง ๆ แล้วอาจมีทางออก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก มันคงไม่แปลกอะไรหากท้ายที่สุดต่อให้เขารอดตาย แต่ความเป็นชายของเขาจะใช้การไม่ได้…”
ซูอันอ้าปากค้าง “เจ้านี่มันโหดเหี้ยมชะมัด!”
ดวงตาของเจิ้งตานแดงก่ำ “ข้าคิดแทนเจ้า ทำไมข้าถึงกลายเป็นคนโหดเหี้ยมไปได้? เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการสามีที่ปกติดีงั้นเหรอ? แต่ข้าไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าได้…”
นางเริ่มสะอื้นในตอนท้าย ซูอันช่วยนางปาดน้ำตาทันที “ข้าพูดผิดไป สิ่งที่เจ้าว่ามามันก็ช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของข้าได้จริง ๆ ข้าคงไม่สามารถเป็นชายบำเรอทั้ง ๆ ที่ยังหวงแหนความบริสุทธิ์ของตัวเอง”
โชคดีที่ทั้งสองคนเดินมาจนใกล้บ้านพักอาจารย์แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีนักศึกษาอยู่ใกล้ ๆ เลย ไม่อย่างนั้นหากใครมาเห็นภาพที่พวกเขากำลังปลอบประโลมกัน ข่าวลือคงจะเริ่มลามไปเหมือนไฟป่า
เจิ้งตานหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ใบหน้าของนางแดงขึ้น “ชิ! ถ้าเจ้าเป็นชายบำเรอ แล้วข้าล่ะ?”
“เจ้าคือของของข้า…” ซูอันกระซิบข้างหูของนาง
คอของเจิ้งตานเริ่มแดงทันที และร่างกายของนางก็อ่อนยวบลง
ซูอันใช้โอกาสนี้อุ้มนางขึ้นและเดินเข้าไปในบ้านพักของเขา ในไม่ช้า พวกเขาก็โอบกอดกันและกัน
“แล้วตกลงเจ้าเห็นด้วยไหม?” เจิ้งตานซุกหน้าอกของเขาและเอ่ยถามขึ้นเสียงออดอ้อน
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนเป็นมืดหม่นอีกครั้ง “ตอนนี้เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ เจ้าทำให้ข้าดูเหมือนเป็นตัวร้าย! มันเกือบจะเหมือนกับว่าเจ้ามีอะไรกับข้า เพราะเจ้าต้องการช่วยคนรักที่เป็นพระเอกของเจ้า”
เจิ้งตานส่งสายตาเย้ายวน “ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบเล่นสวมบทบาทกับข้ามาก่อนงั้นเหรอ?”
ซูอันรู้สึกเลือดขึ้นหน้า “ฮึ่ม! เอาเป็นว่าข้าจะตกลงตามความต้องการของเจ้าหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการแสดงของเจ้า!”
เจิ้งตานแสร้งแสดงท่าทีอ่อนแอและน่าสงสารทันที “ได้โปรดช่วยชีวิตเขาด้วย ข้าจะยอมทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการ!”
ซูอันผิวปากด้วยความชื่นชม ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นนักแสดงจริง ๆ เขาจะรั้งตัวเองไว้ได้ยังไง!?
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ซ่างหงก็เอาชีวิตของฉู่จงเทียนมาขู่เขา ดังนั้นนี่ถือเป็นการแก้แค้นที่ชอบธรรมของเขาเช่นกัน!
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ตระกูลฉู่ประสบกับความโชคร้ายทุกรูปแบบ และซูอันก็ถูกลากเข้าสู่การต่อสู้จนเกือบจะเสียชีวิต
เขาอยู่ภายใต้แรงกดดันตลอดเวลา จิตใจของชายหนุ่มจึงมีแต่ความตึงเครียด
แม้กระทั่งเมื่อคืนนี้ เมื่อทุกอย่างสงบลงและเขาพยายามจะหลับ ตัวเขาก็ยังตื่นขึ้นกลางดึก แม้กระทั่งในความฝัน ก็ยังฝันว่าตัวเองถูกไล่ล่า
ตอนนี้ต้องขอบคุณเจิ้งตานที่ปรนนิบัติเขาด้วยความอ่อนโยนและความเสน่หา จนในที่สุดอารมณ์ด้านลบที่อยู่ในจิตใจก็เริ่มสงบลง
เจิ้งตานขณะนี้ดูเหมือนดอกไม้งามที่เพิ่งถูกพายุพัดถล่ม “ขอโทษนะ ข้าทำเจ้าแรงเกินไป” ซูอันกล่าวขอโทษ
เจิ้งตานมองดูเขา “เจ้าเพิ่งรู้เหรอ?” นางสวมเสื้อผ้าแล้วลุกจากเตียง อย่างไรก็ตาม ขาของนางดูโก่งกว่าปกติทันทีที่นางยืนขึ้น
ซูอันยิ้มขณะที่เขายื่นแขนประคองนาง “อย่าเพิ่งไป ยังมีเวลาอีกมากก่อนจะเลิกเรียน”
เจิ้งตานจัดทรงผมของนางขณะที่นางพูดว่า “มีหลายคนที่เห็นข้าเดินไปกับเจ้า ข่าวลือไม่ดีจะแพร่กระจายถ้าข้าอยู่นานเกินไป”
หลังจากที่ได้ใกล้ชิดกับนางเป็นเวลานาน ซูอันก็คุ้นเคยกับนิสัยของนางเป็นอย่างดี พวกเขาสามารถคลั่งไคล้ในกันและกันได้ตามต้องการในที่ส่วนตัว แต่เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ นางจะใส่ใจเกี่ยวกับภาพลักษณ์และเกียรติยศของตระกูลของนางเป็นอันดับหนึ่ง นางจะไม่มีวันยอมให้ทั้งสองอย่างแปดเปื้อนแม้เพียงเล็กน้อย เมื่อรู้เช่นนี้เขาก็ไม่ได้รั้งนางต่อไป
“ข้าจะให้ยาที่ซ่างหงต้องการแก่เจ้าในวันอื่น” ซูอันกล่าว เขาไม่ต้องการให้ซ่างเชียนฟื้นตัวรวดเร็วนัก
เจิ้งตานยิ้มหวาน “ขอบคุณ งั้นข้าไปละ”
นางโอบใบหน้าของซูอันเข้ามาและจูบเขา จากนั้นนางจึงจากไปอย่างอารมณ์ดี
แต่ทันทีที่นางเปิดประตูออกไป ใบหน้าที่เปี่ยมสุขของนางกลับกลายเป็นหุบยิ้มและสง่างามตามปกติเช่นเคย ไม่มีทางที่ใครจะบอกได้ว่านางเพิ่งร่วมกิจกรรมรักที่ดุเด็ดเผ็ดมันมาหมาด ๆ
ซูอันตัดสินใจไม่เข้าห้องเรียน เขานอนหลับต่อจนถึงช่วงเวลากลับ จากนั้นเขาจึงเดินทางไปหาจี้เติ้งถู
ดวงตาของจี้เติ้งถูเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำขอของเขา “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับยาเพิ่มสมรรถภาพ แต่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับยาลดสมรรถภาพมาก่อน เจ้าจะเอามันไปทำบ้าอะไรกัน?”
ใบหน้าของซูอันมืดลง “อย่าให้ข้าเสียเวลา ตกลงว่าท่านมีไหม?”
จี้เติ้งถูเอนตัวลงบนเก้าอี้เอนกายแล้วโยกไปมาช้า ๆ เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ หน้าที่ของข้าคือช่วยคนเท่านั้น ทำไมข้าถึงต้องคิดค้นยาบ้า ๆ แบบนั้นขึ้นมาด้วย?”
ซูอันกัดฟันกรอดก่อนตะโกนออกไป “ข้าจะจ่ายเพิ่ม!”