บทที่ 609 ยังคงบ้าอำนาจเช่นนี้

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 609 ยังคงบ้าอำนาจเช่นนี้

หลานเยาเยาหน้าแดงก่ำอย่างรวดเร็ว ปล่อยมือในพริบตา กระแอมเบาๆแล้วกล่าว :

“ตอนนี้สามารถพูดได้แล้วสินะ?”

“ได้! เจ้าไปอยู่ให้ไกลข้าก่อน ไปนั่งตรงข้าม”

ก่อนหน้าที่ไม่มีการกระทำเช่นเมื่อครู่นั้นของหลานเยาเยา เขายังสามารถพูดกับนางได้อย่างสงบจิตใจ หลังจากที่มีการกระทำเมื่อครู่นั้น รู้สึกว่าเข้าใกล้นางหน่อย ล้วนเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของเขา

หลานเยาเยาวางตัวไม่ถูก รู้ล่วงหน้าก็ไม่ทำเช่นนี้แล้ว ยังสามารถนั่งใกล้ด้วยกันกับเขาได้

ตอนนี้กลับดี ภายใต้การปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าของเย่แจ๋หยิ่ง นางนั่งตรงข้ามเขาเงียบๆ พูดอย่างจนปัญญา : “ตอนนี้ได้แล้วสินะ?”

“อืม!”

เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้า หลังจากคิดถึงเรื่องบางเรื่อง เอ่ยปากเบาๆ :

“เพราะว่าพิษกู่ถงซิน!”

อ้างการใช้ตัวเองในการปกป้องนาง จัดฉากเหตุการณ์หนึ่ง เหตุการณ์นั้นจะต้องทำให้นางได้รับบาดเจ็บ อย่างเดียวที่เขาทำได้ก็คือ รับความเจ็บปวดเป็นเพื่อนนางเงียบๆ

เพื่อสามารถรับรู้ความรู้สึกได้เหมือนกับนาง เขาเพาะพิษกู่ถงซินที่หัวใจของตัวเอง เลี้ยงบำรุงด้วยเลือดจากหัวใจ และเตรียมตัวตายพร้อมกับนางอย่างดี สุดท้ายได้พบเจอกับนางอีกครั้ง หลังจากคลายความเข้าใจผิดทั้งหมด นางให้เขาเอาพิษกู่ถงซินออกจากหัวใจ เขาเอาออกแล้ว

เดิมทีคิดว่าเมื่อหลานเยาเยาได้รับบาดเจ็บ จะไม่ได้รับความรู้สึกเช่นเดียวกับนางอีก กลับคาดไม่ถึง เรื่องราวเกินความคาดหมายของเขา

ขณะที่อยู่ทะเลทราย เขาสามารถสัมผัสความเจ็บปวดของนางได้อย่างชัดเจน รวมถึงเวลาที่ใกล้จะตาย เป็นสภาพจิตอย่างไร

ทีแรกคิดว่า นางไปแล้ว เขาก็จะไม่รู้สึกอีกแล้ว

แต่กลับคิดไม่ถึง แม้ว่านางจะเปลี่ยนร่างกาย เพียงแค่จิตวิญญาณยังอยู่ เขาก็ยังคงสามารถรู้สึกถึงได้ ที่หอเฟิ่งหวง ดวงตาสองข้างของเขามองไม่เห็น เข้าใจผิดคิดว่านางคือคนโดนมนต์ดำ แกว่งดาบแทงไป ความเจ็บปวดเป็นที่สุด พรั่งพรูออกมาจากหัวใจ ราวกับว่าจะฉีกดวงใจเขาเป็นสองส่วนทั้งเป็นเช่นนั้น

ดังนั้น เขาหยุดมือ

ตั้งเวลานั้นเป็นต้นมา เขาก็มั่นใจแล้ว

เบาะแสร่องรอยหลังจากนั้น เพียงแค่ทำให้เขามั่นใจยิ่งขึ้นเท่านั้น

พิษกู่ถงซิน? !

หลานเยาเยางงงัน

“ไม่ใช่ว่าท่านเอาออกแล้วหรือ?” ตอนพบกันที่ทะเลทราย ตรวจสอบชีพจรของเขาโดยบังเอิญ เอาทิ้งไปแล้วจริงๆ “ท่าน……”

คงไม่ใช่ว่า……เขาเพาะให้ตัวเองอีกแล้วหรอกนะ?

“เยาเยา ไม่ว่าจะเอาออกหรือไม่ เพียงแค่เป็นเจ้า แม้ว่าจะเป็นเพียงจิตวิญญาณ ข้าก็ยังคงพอที่จะสามารถสัมผัสได้ บางที นี่ก็คือที่เรียกกันว่าความรักที่หยั่งรากลึกล่ะนะ!”

หลานเยาเยาไม่มีทางที่จะหักล้างเหตุผลได้

นี่ก็คือความรักที่หยั่งรากลึกจริงๆ!

เดิมทีบนโลกก็มีเหตุการณ์มากมายที่ไม่มีทางอธิบายได้ เพียงแต่เย่แจ๋หยิ่งชมตัวเองว่าดีเช่นนี้ดีหรือ?

“ความรักที่หยั่งรากลึกประโยคหนึ่ง ก็ไม่เสียงแรงเปล่าที่ข้าวิ่งไกลหมื่นลี้ มาเพื่อท่าน”

ทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว!

เย่แจ๋หยิ่งยิ้มบางๆ มองนางอย่างละเอียดทั้งตัว ถามอย่างอึดอัดเล็กน้อย : “เยาเยา ตอนนี้นี่คือร่างกายเดิมของตัวเจ้าหรือ?”

คิดถึงร่างกายเมื่อก่อนของนาง เย่แจ๋หยิ่งค่อนข้างกลัว แต่ไม่กลัวว่าหลานเยาเยาจะเปลี่ยนเป็นท่าทางที่แก่ชราผมขาวจริงๆ แต่คือกลัวว่า หากหลานเยาเยาออกจากร่างกายร่างนั้น และเจ้าของร่างกายร่างนั้นกลับมาอีก เขาควรทำอย่างไร?

หากว่าคนผู้นั้นยังสืบทอดความทรงจำของหลานเยาเยา ทั้งยังเอามาหลอกเขา เขาควรทำอย่างไรอีก?

ได้ยินดังนั้น!

หลานเยาเยาหัวเราะเจื่อนๆเสียงหนึ่ง

“ท่านคิดว่าข้าเป็นปีศาจรึไง! จิตวิญญาณยังสามารถทะลุไปทะลุมา พักอาศัยไปทั่ว! วางใจได้ ตอนนี้นี่ก็คือตัวข้า หากปลอมจะคืนให้ ท่านได้ผลสรุปนี้ออกมาได้อย่างไร?”

นางเคยไม่เข้าใจ ทำไมได้ข้ามเวลาอยู่บนร่างเดิมของหลานเยาเยา หลังจากนั้นก็คิดว่าอาจเป็นเพราะปัญหาของเลือด

กรุ๊ปเลือด A3 พิเศษเป็นที่สุด ทั้งโลกมีเพียงกรณีเดียว อีกทั้งเลือดเองก็มีพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ซ่อนอยู่ ข้ามเวลามาถึงบนร่างของหลานเยาเยายุคสมัยนี้ คาดว่าเหตุผลก็เป็นเพราะเลือด

“อดีตเจ้าก็เคยตายแล้วครั้งหนึ่ง กับร่างกายในตอนนี้เหมือนกันแทบจะทั้งหมด เพียงแค่เพศไม่เหมือนกันเท่านั้น นี่ควรจะพูดว่าอย่างไร?”

“ท่านพูดอะไร?” หลานเยาเยาตะลึงงันเบิกตาโพลง แทบจะตกใจจนกระโดดขึ้นมา มองเย่แจ๋หยิ่งอย่างเหลือเชื่อ “ท่าน ท่านมีความทรงจำของเย่ซางหลิง?”

ไม่เช่นนั้น เย่แจ๋หยิ่งจะไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวเองตอนนี้เหมือนกับครั้งแรกที่ตัวเองข้ามเวลามาในอดีต

“อืม!”

เขาไม่ปฏิเสธ เพียงแค่สีหน้าสลดลงเล็กน้อย

หลานเยาเยาดีใจแทบจะน้ำตาไหล

กรุ๊ปเลือดเหมือนกัน โฉมหน้าเหมือนกัน ผู้หนึ่งคือฮ่องเต้เมื่อพันปีก่อน ผู้หนึ่งคืออ๋องเย่พันปีต่อมา เย่ซางหลิงกับเย่แจ๋หยิ่งคืออดีตชาติและปัจจุบันชาติหรือ?

ราวกับว่ามีความทรงจำอะไรระเบิดออกมาจากในสมองแล้ว

แต่ก็คือจับจุดสำคัญไม่ได้……

“มีความทรงจำตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ในวังทอง นั่งบนบัลลังก์มังกรทองคำนาทีนั้น ในร่างกายก็มีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่พูดออกมาได้อย่างชัดเจนชนิดนั้น หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาในจวน จึงได้ค่อยๆมีความทรงจำของเขา”

เขาไม่รู้ว่านี่นับว่าเป็นอะไร

เป็นของทดแทนที่กำหนดชะตาไว้อย่างไม่คาดคิด หรือว่าตัวเขาเองก็คือเขา?

โชคดีก็คือ ไม่ว่าชนิดไหน นางก็ยังคงอยู่ข้างกายเขา

เช่นนี้ก็ดีแล้ว

“ค่อยๆ?”

“อืม!”

เหมือนกับนาง ความทรงจำชาติก่อนก็คือค่อยๆฟื้นขึ้น

“เช่นนั้นท่านรู้ภูเขาถล่มแผ่นดินทลาย ความทรงจำดาวนับหมื่นตกหรือไม่?”

ได้ยินดังนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งคิดย้อนอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เป็นเวลานานจึงกล่าว : “หลังจากนั้นดำมืดสนิททั้งผืน!”

“ข้าก็ด้วย แต่มักจะรู้สึกว่ายังมีอะไร เพียงแค่ถูกลืมไปแล้ว”

ไม่เช่นนั้นไม่มีทางอธิบายได้ว่า เวลานั้นนางตายไปแล้ว แล้วกลับมาที่ยุคปัจจุบันได้อย่างไร หลังจากนั้นจิตวิญญาณข้ามเวลากลับมาได้อย่างไรอีก เงื่อนไขการเลื่อนขั้นระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บถูกเปิดใช้งานแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากจัดระบบอีกครั้งทำไมถึงเปลี่ยนเป็นหมุนรอบเย่แจ๋หยิ่งทั้งหมด

ในนี้ นางจะต้องเคยทำอะไรเป็นแน่

หลานเยาเยาตกในห้วงความคิด เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่รบกวนนาง

สองคนนิ่งเงียบลง

แต่ไม่ช้า หลานเยาเยาก็ขบคิดถึงคำที่เย่แจ๋หยิ่งเคยพูด

นึกย้อนไปอีก เหตุการณ์ของวันก่อนหน้านี้ในสระอาบน้ำจวนอ๋องเย่ เดิมทีเย่แจ๋หยิ่งอยากเปิดโปงตัวตนผู้หญิงที่แต่งเป็นชายของนาง กลับคิดไม่ถึง เขามองไม่เห็น สัมผัสโดนแผ่นหลังของนาง ดังนั้นคิดว่านางก็คือผู้ชาย ด้วยเหตุนี้ถึงมีการบอกว่าเพศไม่เหมือนกัน

หลานเยาเยาแอบหัวเราะ

แต่หลังจากที่แอบหัวเราะ นางก็ตกตะลึงแล้ว

เย่แจ๋หยิ่งคิดว่านางเป็นผู้ชาย ยังยินยอมทำเรื่องที่นางค่อนข้างจะพรรณนาไม่ได้กับนาง ในใจของเขาไม่หวาดหวั่นเชียวหรือ?

ต้องมีการยอมรับที่แข็งแกร่งมากเพียงไหนถึงสามารถยอมรับได้?

นางมองดูเขา “ฟู่ว” หัวเราะนิดหน่อย เย่แจ๋หยิ่งมองดูอย่างสงสัย เขาในสายตาของนาง เห็นถึงความไม่ประสงค์ดี

แล้วในขณะที่เตรียมจะเอ่ยปากถาม หลานเยาเยากลับเอ่ยปากขึ้นก่อนแล้ว

“เย่แจ๋หยิ่ง เมื่อครู่ท่านควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆหรือ? ข้าเป็นผู้ชายเชียวนะ!”

ไม่พูดยังดี ทันทีที่พูด ความปรารถนาเล็กน้อยของเย่แจ๋หยิ่งค่อยๆหายไป แล้วระเบิดออกมาอีกนับไม่ถ้วน แต่กลับทำอะไรนางไม่ได้ ทำได้เพียงแค่จ้องมองนางเขม็ง กล่าวกับคนขับรถม้าด้านนอกด้วยโทสะ

“กลับเมืองหลวง!”

“ขอรับ เจ้านาย”

จื่อเฟิงที่หลบอยู่อย่างไกลๆ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้านาย ก็เหาะถึงบนรถม้าในพริบตา ยกบังเหียนขึ้นสะบัด รถม้าวิ่งไปทางด้านหน้าด้วยความรวดเร็วอย่างฉับพลัน

ตลอดทาง หลานเยาเยาที่รู้ตัวว่าทำเย่แจ๋หยิ่งโมโห พยายามคลายความเงียบ เรียกเขาสองสามทีก็ล้วนไม่ตอบรับ นางนั่งข้างๆเขา เขาก็ไม่สนใจ ยังหันหน้าไปอีกทาง ปิดตางีบหลับ

ด้วยเหตุนี้!

นาก็เอานิ้วจิ้มเอวของเขา หลังจากร่างกายของเขาชะงักเล็กน้อย ก็ไม่มีการตอบสนองแล้ว เพียงแค่เผยความโกรธเคืองเป็นที่สุดที่อดกลั้นในใจของเขาเท่านั้น

“เฮ้อ ผู้ชายโมโหชั่งน่ากลัวจริงๆ!”

หลานเยาเยารู้ว่าไม่สามารถยั่วยุได้อีกแล้ว

ยั่วยุอีกเกรงว่ารับเคราะห์ก็เป็นตัวเอง ด้วยเหตุนี้เก็บมือ หลบไปนั่งอีกอย่างหงอยๆ เพียงแค่ยังนั่งไม่ดี มือใหญ่ข้างหนึ่งจับแขนนางไว้ พามาด้านหน้า นำเอาคนไปอยู่ในอ้อมกอดของเย่แจ๋หยิ่งโดยตรง สองมือจับนางไว้แน่น ไม่ให้นางกระดิกได้สักน้อย

“ยังคงบ้าอำนาจแบบนี้” สองมือของหลานเยาเยาโอบช่วงเอวของเขาไว้ ศีรษะถูไถ หาตำแหน่งที่ดี เอาศีรษะพิงบนไหล่ของเขา “แต่ว่า ข้าชอบ!”