บทที่ 545 ห้องหนังสืออันลึกลับ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีกะพริบตาปริบๆ ด้วยความแปลกใจ “ยังไม่พอ? งั้นคุณยังต้องการอะไรอีก”

นัทธีกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและพูดข้างหูเธอ “ผมอยากให้คุณใส่มันให้ผมดู”

วารุณียิ้ม “ที่แท้ก็อย่างนี้ ได้สิ”

ชุดแต่งงานนี้ ตั้งแต่แรกก็เป็นตัวเธอที่ออกแบบให้ตัวเอง

การใส่ให้สามีของตัวเองดู ก็เป็นสิ่งที่สมควร

เห็นวารุณีตอบตกลงอย่างมีชีวิตชีวาเช่นนี้ นัทธีจึงปล่อยเธอ

วารุณีเดินเข้าไป ถอดชุดแต่งงานลงจากหุ่น แล้วมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล “คุณไม่ออกไปเหรอ”

“ออกไปทำไม” นัทธีเหมือนฟังความหมายของคำพูดเธอไม่เข้าใจ มองเธอพลางเอ่ยถาม

วารุณีกลอกตา “ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณไม่ออกไปเหรอ”

“คุณเปลี่ยนเลย ผมจะไม่รบกวนคุณ อีกอย่างทั้งตัวคุณมีตรงส่วนไหนที่ผมไม่เคยเห็น ไม่ต้องสนใจผมหรอก” นัทธีพูด

วารุณีทั้งโมโหทั้งขำ

เธอนับว่าเข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้ว

เขาแค่อยากดูเธอเปลี่ยน

“ไม่ออกไปจริงเหรอ” วารุณีนวดคิ้วพร้อมกับถามอีกครั้ง

นัทธีพยักหน้า “กระโปรงชุดแต่งงานมีขนาดใหญ่มาก ดูแวบแรกก็รู้ว่าหนัก โดยทั่วไปแล้วต้องให้คนอื่นช่วยถึงจะสามารถสวมใส่ได้ ผมไปแล้วใครจะช่วยคุณ”

วารุณีสูดมุมปาก เห็นว่าเขาให้ตายยังไงก็ไม่ยอมไป งั้นก็ช่วยไม่ได้

ช่างเถอะ เขาอยากอยู่ก็อยู่ไป

ก็อย่างที่เขาบอก ทั้งตัวของเธอมีตรงไหนที่เขาไม่เคยเห็น

ดูก็ดูสิ

วารุณีไม่พูดอะไรอีก เริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก

นัทธีมองเธอถอดเสื้อผ้าบนตัวออกทีละชิ้น ดวงตาเริ่มมืด อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นลง

หลังจากวารุณีถอดเสร็จ เขาก็ขยับก้าวเดินเข้าไป พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ผมช่วยคุณเอง”

วารุณีส่งเสียงอืม ส่งชุดแต่งงานให้เขา

นัทธีเริ่มช่วย

ด้วยความช่วยเหลือของเขา วารุณีอยู่ในชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนที่รูดซิป มีปัญหาเกิดขึ้น

ซิปติดอยู่ที่เอว ดึงไม่ขึ้น

นัทธีคลายซิปออก มองไปที่ท้องของวารุณี “เพราะลูกเหรอ”

วารุณีพยักหน้า สีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย “ใช่ สามเดือนกว่าแล้ว ท้องฉันยื่นออกมาแล้ว แต่ชุดแต่งงานตัดตามสัดส่วนรูปร่างของฉันก่อนตั้งครรภ์ โดยธรรมชาติแล้วจึงใส่ไม่ได้ ดั่งคำที่ว่าตั้งครรภ์ครั้งหนึ่งโง่ไปสามปี ในฐานะนักออกแบบเสื้อผ้า ฉันหลงลืมแม้กระทั่งจุดที่สำคัญมาก”

พูดถึงเรื่องนี้ เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม “สามี หลังจากการแข่งขันจบลง เกรงว่าพวกเราก็ยังไม่สามารถจัดงานแต่งงานได้ ตอนนั้นลูกก็เจ็ดเดือนแล้ว ท้องฉันยิ่งใหญ่ขึ้น ชุดแต่งงานนี่ก็ยิ่งใส่ไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะจัดงานแต่งงาน มีแค่ต้องรอคลอดลูกก่อน”

ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อครู่รูดซิปแล้วรูดไม่ขึ้น เธอก็ไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย

ไม่อย่างนั้นรอจนกระทั่งส่งการ์ดเชิญแล้วถึงค่อยรู้เรื่อง เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานไม่ได้ เช่นนั้นก็อับอายน่าดู

และดูท่านัทธีก็ไม่ได้คาดคิดเช่นกัน ริมฝีปากบางขบเม้ม เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเด็กคนนี้มาในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะ ดันมาทำให้พ่อแม่ต้องเลื่อนการแต่งงานออกไป

แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับความจริงเท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอก นานกว่านี้ก็เคยมาแล้ว รออีกไม่กี่เดือนจะเป็นอะไร” นัทธีจัดผ้าคลุมหน้าให้วารุณี พร้อมกับพูดเสียงหนัก

แม้ปากเขาจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่วารุณีได้ยินเสียงลมหายใจหงุดหงิดของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เอาล่ะ อย่าเศร้าไปเลย เดี๋ยวฉันค่อยชดเชยให้คุณก็แล้วกันนะ”

นัทธีดวงตาเป็นประกาย “ชดเชยยังไง”

วารุณีเขย่งเท้า พูดบางอย่างข้างหูเขา

นัทธีดวงตาเบิกกว้างอย่างเห็นได้ชัดครู่หนึ่ง จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นออกจากห้องแต่งตัว

วารุณีที่ปกติเป็นคนสวยงดงามอย่างร้ายกาจ เมื่อเธออยู่ในชุดแต่งงาน ยิ่งสวยจนพาให้คนละสายตาไม่ได้

ทั้งคู่กระทำกันอยู่ในห้องเป็นเวลานาน จนค่ำแล้วก็ไม่ลงไปทานอาหารชั้นล่าง

กระทั่งเที่ยงคืนวารุณีก็รู้สึกหิวมาก นัทธีจึงอุ้มเธอที่ร่างกายปวดเมื่อยลงไปชั้นล่าง ตรงไปที่ครัว ทำอาหารง่ายๆ ให้เธอกับตัวเอง

วันต่อมา

นัทธีไม่ได้ไปบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป

เพราะพรุ่งนี้วารุณีต้องพาลูกไปต่างประเทศ เข้าร่วมการแข่งขันต่อไป

ดังนั้นเขาจึงเลื่อนการเดินทางวันนี้โดยเฉพาะ อยากอยู่คฤหาสน์ด้วยกันกับแม่ลูกทั้งสามคน

ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ลูกทั้งสามคนไปแล้ว จะพบกันอีกครั้งก็ต้องเป็นสิบวันครึ่งเดือน

ขณะที่นัทธีกับวารุณีเล่นไขปริศนาเป็นเพื่อนลูกทั้งสอง ตอนที่สะกดคำใกล้จะเสร็จ สายจากมารุตก็โทรเข้ามา “ท่านประธาน ตอนที่ผมทำความสะอาดคฤหาสน์ไชยรัตน์ ได้พบสิ่งหนึ่งเข้าครับ”

น้ำเสียงในคำพูดของมารุตสั่นเล็กน้อยทั้งยังดูตกใจไม่นิ่งสงบ เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เขาพบ ไม่ใช่เรื่องอะไรที่มันเล็กน้อย

นัทธีสีหน้าจริงจังขึ้นมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

วารุณีและลูกๆ ต่างมองเขา “สามี มีอะไรเหรอ”

“วันนี้มารุตพาคนไปเก็บกวาดคฤหาสน์ไชยรัตน์ จัดการกับสิ่งของของครอบครัวขงเบ้งที่อยู่ในคฤหาสน์ไชยรัตน์ ตอนนี้มารุตโทรมา บอกว่าพบเรื่องใหญ่ที่คฤหาสน์ไชยรัตน์” นัทธีลดสายตาลง ตอบกลับไปง่ายๆ

วารุณีพยักหน้า บ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว

ที่ปลายสาย มารุตมองสิ่งที่อยู่ภายในห้อง กลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ภายใต้ความกดดันจากอาการช็อก พยายามทำจิตใจให้กลับไปสงบเช่นเดิม “เป็นของที่เกี่ยวข้องกับนิรุตติ์ครับ แต่ถ้าให้ระบุเฉพาะเจาะจง ผมไม่สามารถพูดได้มากนัก คุณคงต้องเข้ามาดูด้วยตัวเอง”

“ได้ เดี๋ยวผมเข้าไป” เห็นว่ามารุตพูดอย่างจริงจัง นัทธีนึกแปลกใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงพยักหน้าตกลง

วางสายไป วารุณีมองเขายืนขึ้น “คุณต้องไปที่นั่นเหรอ”

“มารุตบอกว่าเป็นของที่เกี่ยวกับนิรุตติ์ ดังนั้นผมต้องเข้าไปดูหน่อย” นัทธีเม้มริมฝีปากก่อนจะตอบกลับ

วารุณีวางปริศนาในมือแล้วยืนขึ้นด้วย “งั้นฉันจะไปกับคุณ”

นัทธีส่งเสียงอืมตอบตกลง

“ปะป๊าหม่ามี๊ พวกเราก็จะไปด้วย” อารัณเห็นดังนั้นจึงรีบพูด

ไอริณแม้จะไม่ได้พูด แต่ศีรษะเล็กก็ผงกอย่างเอาเป็นเอาตาย

วารุณีลูกศีรษะของพวกเขา “ไม่ได้ พวกลูกต้องเป็นเด็กดีอยู่บ้าน ปะป๊ากับหม่ามี๊มีธุระ อีกเดี๋ยวก็กลับมา”

“แต่……” อารัณยังอยากพูดอะไร

นัทธีก็เอ่ยปากด้วย “เชื่อฟังนะ แล้วครั้งหน้าจะพาพวกลูกออกไปเที่ยวเล่น”

“ก็ได้ครับ” ปะป๋ากับหม่ามี๊ไม่ยอมพาพวกเขาออกไป อารัณจึงได้แต่มุ่ยปากเล็ก

จากนั้น วารุณีกับนัทธีก็ออกจากบ้านไป ขับรถมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ไชยรัตน์

ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงคฤหาสน์ไชยรัตน์

มารุตรอพวกเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นพวกเขามาแล้ว จึงรีบลุกขึ้นต้อนรับ “ท่านประธาน คุณหญิง”

วารุณียิ้มให้เขาเล็กน้อยเป็นการตอบรับ

นัทธีคิ้วขมวดแน่น “เรื่องอะไรกันแน่”

“เชิญตามผมมา” มารุตถอนหายใจ และผายมือเชื้อเชิญ

นัทธีเห็นเขารู้สึกหนักใจเช่นนี้ เข้าใจเดี๋ยวนั้นว่าเรื่องที่กำลังจะรู้ แน่นอนว่าต้องแย่กว่าที่เขาคิด สายตาหนัก จูงวารุณีเดินตามไป

มาถึงหน้าประตูห้องหนึ่ง

นัทธีหรี่ตามอง “นี่คือห้องหนังสือของนิรุตติ์”

“ใช่ครับ เดิมทีห้องนี้ล็อคเอาไว้ ผมให้คนมาปลดล็อค คิดไม่ถึงว่าสิ่งของข้างใน……ท่านประธาน เดี๋ยวถ้าคุณได้เห็นแล้ว อย่าโมโหหนักไปนะครับ” มารุตมองนัทธี พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

วารุณีกัดริมฝีปาก

ข้างในเป็นอะไรกันแน่ ถึงทำให้มารุตมีข้อห้ามอย่างนี้

กำลังคิดอยู่ดีๆ ก็ได้ยินนัทธีพูดขึ้น “เปิดประตู”

“ครับ” มารุตส่งเสียงตอบ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก แล้วเปิดประตู

ไฟข้างในเปิดอยู่

ทันทีที่วารุณีเข้าไป ก็พลันตกใจกับภาพที่เห็น ขนหัวลุกไปหมด

ห้องหนังสือนี้มีขนาดใหญ่มาก แน่นอนว่ากว้างมากกว่าหกสิบตารางเมตร แต่ผนังที่กว้างมากกว่าหกสิบตารางเมตร เต็มไปด้วยรูปโปสเตอร์ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีหุ่นขี้ผึ้งกระจัดกระจายอยู่โดยทั่ว

หุ่นขี้ผึ้งพวกนี้ กับรูปโปสเตอร์บนผนังทั้งหมดเป็นหน้าตาแบบเดียวกัน ซึ่งก็คือแม่แท้ๆ ของนัทธี