ตอนที่ 566 ขอแสดงความเสียใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 566 ขอแสดงความเสียใจ

“ข้างกายของเหลียงอ๋องมี่ปรึกษาอยู่หนึ่งคนนามว่าตู้จือเวย คนผู้นี้คือมันสมองของเหลียงอ๋อง ทว่า เขาเสียชีวิตไปแล้ว เมื่อก่อนข้าคิดว่าเหลียงอ๋องที่ขาดตู้จือเวยไปจะไม่เป็นพิษเป็นภัยอีก นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เขาจะดึงเสียนอ๋องไปเป็นพวกเพราะหนานตูจวิ้นจู่ได้เจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับต่งชิงเยว่

“บัดนี้เหลียงอ๋องคิดอยากแย่งชิงบัลลังก์ ซิ่นอ๋องโอรสซึ่งเกิดจากฮองเฮาที่ถูกถอดยศเป็นเพียงสามัญชนเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว ฮองเฮาก็กำลังตังครรภ์บุตรที่เกิดภรรยาเอกอีกหนึ่งคน ดูเหมือนทางวังหลวงกำลังจะมีเรื่องสนุกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวในจดหมายว่าเมื่อซิ่นอ๋องกลับมาถึงเมืองหลวง เขาสงบเสงี่ยมเจียมตัวดี นอกจากเข้าวังไปเยี่ยมฮองเฮาแล้ว พอออกจากวังก็จะตรงกลับไปขอพรให้ฮองเฮาและเด็กในครรภ์ที่จวนของตัวเอง ไม่ต้อนรับแขกและไม่ออกไปพบหน้าผู้ใดทั้งสิ้น

จวนซิ่นอ๋องมีองครักษ์ลับของฮ่องเต้คอยคุ้มกันอยู่ คนของไป๋จิ่นซิ่วจึงเข้าไปไม่ได้ ทว่า บัดนี้จวนของซิ่นอ๋องใกล้จะกลายเป็นวัดเข้าไปทุกทีแล้ว ทั่วทั้งจวนเต็มไปด้วยกลิ่นควันธูป ฮ่องเต้ชมว่าซิ่นอ๋องรู้ความขึ้นกว่าเดิมมาก

แม้ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้เขียนบอกในจดหมายว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเมืองหลวงเช่นไรบ้าง ทว่า คนในเมืองหลวงล้วนเอนเอียงไปตามทิศทางของอำนาจ ตอนนี้ตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงคงเริ่มปรุงยาวิเศษกันมากกว่าเดิมแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนคาดเดาได้ถูกต้อง บัดนี้ไม่เพียงแต่ตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเท่านั้นที่เริ่มเชิญอาจารย์มาปรุงยาวิเศษที่จวนของตัวเอง การกระทำนี้ค่อยๆ ขยายออกไปเป็นบริเวณกว้าง ชาวบ้านธรรมดาซึ่งพอมีฐาน ทว่า ไม่สามารถเชิญอาจารย์มาปรุงยาที่จวนได้ ต่างก็ไปขอยาวิเศษจากวัด ถนนทุกสายที่ตรงไปวัดต่างเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แม้แต่ธูปและเทียนก็ยังขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว

แม้แต่คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋แห่งซั่วหยางก็เริ่มทำตามเช่นเดียวกัน พวกเขาเดินทางไปขอยาวิเศษจากวัด ประมุขไป๋ไป๋ฉีเหอสั่งลงโทษคนในตระกูลบรรพบุรุษจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปขอยาวิเศษ

“ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้เขียนบอกผลสรุปเรื่องที่ฮ่องเต้สั่งให้สืบสาเหตุการตายของกวางศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียด แสดงว่าเหลียงอ๋องคงยังสืบหาสาเหตุไม่ได้ ทว่า ฮ่องเต้ก็ไม่ได้สั่งลงโทษเหลียงอ๋อง ดูเหมือนฮ่องเต้จะให้ความสำคัญกับเหลียงอ๋องมากขึ้นทุกวัน”

ไป๋ชิงเหยียนเดาว่าเหลียงอ๋องอาจได้คนมีความสามารถคนใหม่มารับใช้ข้างกาย แม้หลี่หมิงรุ่ยบุตรชายของหลี่เม่าจะเป็นคนมีความสามารถ ใจเด็ดและอำมหิต ทว่า เรื่องจดหมายลายมือของหลี่เม่าคราวที่แล้วทำให้หลี่หมิงรุ่ยเริ่มหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋องแล้ว ดังนั้นผู้ที่วางแผนให้เหลียงอ๋องคงไม่ใช่หลี่หมิงรุ่ยแน่

“เจ้าระวังเหลียงอ๋องให้มากหน่อยก็พอ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาจับตาดูเขาตลอดเวลา เหลียงอ๋องเป็นที่โปรดปราน ซิ่นอ๋องเดินทางกลับเมืองหลวง รัชทายาทคงปวดศีรษะกับเรื่องพวกนี้ไม่น้อยเลยกระมัง”

สิ้นเสียงของต่งชิงเยว่ บ่าวรับใช้เข้ามารายงานว่ารัชทายาทนำเสบียงอาหารเดินทางมาใกล้ถึงเมืองเติงโจวแล้ว

จวนต่งกำลังจัดพิธีศพจึงไม่สะดวกต้อนรับรัชทายาทมาพักที่จวน เขาจึงจัดให้รัชทายาทพักที่จวนของขุนนางคนอื่นแทน ทว่า รัชทายาส่งคนมาบอกว่าต้องการพักที่จวนต่ง อีกทั้งสั่งให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเดินทางไปต้อนรับเขาที่นอกเมืองทันที

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินคำสั่งจึงรีบกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย จากนั้นเตรียมพาองครักษ์ไป๋ออกไปนอกเมือง เมื่อเดินออกจากประตูจวนก็บังเอิญพบกับเซียวหรงเหยี่ยนที่มาทำความเคารพศพพอดี

เซียวหรงเหยี่ยนจับมือเยว่สือเดินลงมาจากรถม้า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนจึงจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วโค้งกายทำความเคารพหญิงสาว “คุณหนูใหญ่ไป๋…”

ดวงตาทั้งสองข้างของเซียวหรงเหยี่ยนแดงฉานท่ามกลางแสงจ้าของดวงอาทิตย์ราวกับคนพักผ่อนไม่เต็มที่ ใบหน้าของชายหนุ่มดูอ่อนเพลียมาก

“เซียวเซียนเซิง!” ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลัง ก้มศีรษะให้ชายหนุ่มเล็กน้อย

“คุณหนูใหญ่ไป๋จะออกไปด้านนอกหรือขอรับ” ขณะเอ่ยถาม สายตาของเซียวหรงเหยี่ยนเหลือบไปเห็นใบหูของไป๋ชิงเหยียน ใบหน้าของเขาตึงเครียดทันที “ท่านได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ!”

“บาดแผลเล็กนิดเดียวเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้น้อยๆ “องค์รัชทายาทเสด็จมาถึงเติงโจวแล้ว ทรงเรียกข้าออกไปพบ เชิญเซียวเซียนเซิงตามสบายเจ้าค่ะ…”

“คุณหนูใหญ่ไป๋โปรดรอสักครู่ได้หรือไม่ขอรับ ข้าขอไปทำความเคารพศพของสหายฉางหลานสักครู่ เดี๋ยวข้าจะไปพบองค์รัชทายาทกับคุณหนูใหญ่ไป๋ด้วยขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง “เหยี่ยนมีเรื่องอยากสนทนากับคุณหนูใหญ่ไป๋ระหว่างทางด้วยขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนนึกว่ารัชทายาททราบว่าเซียวหรงเหยี่ยนอยู่ที่เติงโจวจึงเรียกชายหนุ่มไปพบเช่นเดียวกัน หญิงสาวจึงพยักหน้า “ไม่ต้องรีบเจ้าค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนเดินเข้าไปทำความเคารพศพของต่งฉางหลานในจวนต่ง กล่าวทักทายต่งชิงเยว่สองสามประโยค จากนั้นเดินออกมาจากจวน

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นไปบนหลังม้า เซียวหรงเหยี่ยนจึงสั่งให้เยว่สือจงม้ามาให้ตน ปล่อยรถม้าไว้ที่หน้าจวนต่ง จากนั้นขี่ม้าไปพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน ทั้งสองขี่ไปนอกเมืองอย่างไม่รีบร้อน

“บาดแผลที่หูของเจ้าหนักหรือไม่”

“องค์หญิงหมิงเฉิงเป็นเช่นไรบ้าง”

ไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน

เมื่อวานก่อนที่ชาวบ้านจะเดินทางกลับมายังเติงโจว ใต้เท้าเผยแห่งต้าเยี่ยนพาตัวองค์หญิงหมิงเฉิงและหมอของต้าจิ้นเดินทางกลับไปยังต้าเยี่ยน ไม่ได้กลับเข้ามาในเมืองเติงโจวอีก

“ข้าไม่เป็นอันใดมาก บาดแผลเล็กนิดเดียว องค์หญิงหมิงเฉิงเป็นเช่นไรบ้าง” ไป๋ชิงเหยียนถาม

เซียวหรงเหยี่ยนกำบังเหียนม้าแน่น เอ่ยเสียงแหบพร่า “องค์หญิงเสียชีวิตลงเมื่อวาน เซี่ยสวินขี่ม้าเร็วไปทันพบหน้าองค์หญิงหมิงเฉิงครั้งสุดท้าย ได้ยินว่าตอนเซี่ยสวินไปถึง องค์หญิงฟื้นขึ้นมาครู่หนึ่ง ตรัสให้เซี่ยสวินลืมนางเสีย”

คนของเซียวหรงเหยี่ยนกลับมารายงานว่าองค์หญิงหมิงเฉิงบอกเซี่ยสวินว่าต้าเยี่ยนมีสตรีอีกนางหนึ่งที่รักเซี่ยสวินไม่แพ้นาง ก่อนนางเดินทางมาแต่งงานเชื่อมไมตรี นางได้ฝากฝังเซี่ยสวินไว้กับสตรีผู้นั้นแล้ว นางหวังว่าเซี่ยสวินและสตรีผู้นั้นจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

องค์หญิงหมิงเฉิงกล่าวจบก็สิ้นใจไปในอ้อมกอดของเซี่ยสวิน เซี่ยสวินเพิ่งหายจากไข้ เขาแทบทรุดไปตามกัน

ไป๋ชิงเหยียนเงียบงันไปครู่ใหญ่ องค์หญิงหมิงเฉิงเสียสละเดินทางไปแต่งงานเชื่อมไมตรี ไป๋ชิงเหยียนอยากช่วยชีวิตของสตรีเช่นนี้

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหรงเหยี่ยน “ขอแสดงความเสียใจด้วยเจ้าค่ะ…”

“ข้าก็ขอแสดงความเสียใจกับคุณหนูใหญ่เรื่องสหายฉางหลานด้วยขอรับ…” เซียวหรงเหยี่ยนพอเดาเรื่องของต่งฉางหลานได้ ทว่า ในเมื่อตระกูลต่งจัดการศพให้เขา เรื่องบางเรื่องจึงเก็บไว้ในใจก็พอ ไม่จำเป็นต้องกล่าวออกมา

ทั้งสองคนเงียบกันไปตลอดทาง พวกเขาไปพบรัชทายาทที่เฝินผิงก่อนตะวันตกดิน

เมื่อรัชทายาทได้ยินว่าเซียวหรงเหยี่ยนมาพร้อมกับไป๋ชิงเหยียนก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ รับถ้วยชามาจากนางกำนัลแล้วสั่งให้เฉวียนอวี๋ไปเชิญทั้งสองคนเข้ามา

เฉวียนอวี๋เดินออกไปต้อนรับไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ เมื่อเห็นผ้าพันแผลที่หูของไป๋ชิงเหยียนก็ตกใจ “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบาดเจ็บหรือพ่ะย่ะค่ะ!”

“มิเป็นอันใดมาก แผลเล็กนิดเดียว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

เฉวียนอวี๋จึงพยักหน้าอย่างโล่งใจ จากนั้นเบี่ยงกายหลบให้ทั้งคู่เดินไปด้านใน “เชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเซียวเซียนเซิงขอรับ องค์รัชทายาททรงประทับรออยู่ที่ห้องด้านในขอรับ”

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเดินเข้าไปด้านใน รัชทายาทกำลังนั่งให้นางกำนัลนวดบ่าอยู่บนเก้าอี้

เห็นได้ชัดว่ารัชทายาทเห็นไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยนเป็นคนกันเอง เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาด้านใน รัชทายาทไม่ได้วางน้ำชาลงและไม่ได้ไล่นางกำนัลออกไปด้านนอก เขาดื่มชาพลางโบกมือให้ทั้งสองคนนั่งลง จากนั้นกล่าวขึ้น “หนทางมาที่นี่ทำเอาเราเกือบตาย ลำบากกว่าตอนเดินทางไปหนานเจียงเสียอีก”

หนทางขรุขระจนรัชทายาทอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง

เพียงแค่สิบกว่าวัน ชายหนุ่มผอมลงอย่างเห็นได้ชัด

ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงพร้อมกับเซียวหรงเหยี่ยน เฉวียนอวี๋สั่งให้คนนำชามาให้ ชาของไป๋ชิงเหยียนคือชาพุทราผสมเม็ดเก๋ากี้สำหรับบำรุงเลือด