ตอนที่ 452 ไพ่ไม้ตายลับ (2)

ในด้านของการเป็นหมากที่โดดเด่นของจอมปราชญ์เทพ… แล้วข้าจะกระโดดออกมาจากหมากกระดานนี้ได้เมื่อใดกัน?

ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเดินหมาก การซ่อนตัวอยู่ให้ห่างไกลๆ ย่อมจะดีกว่า

ในขณะที่พลังส่วนใหญ่ของเพลิงสมาธิแท้ในเตาหลอมโอสถลดลง เม็ดโอสถล้ำค่าสองสามเม็ดที่อยู่ข้างในนั้น ใกล้จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว จู่ๆ ก็มีร่างบางร่างบินมาจากยอดเขาพิชิตสวรรค์

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขายังคงมุ่งเน้นไปที่การหลอมโอสถ และปิดค่ายกลใหญ่ด้านนอกหอโอสถ

เม็ดโอสถล้ำค่าเหล่านั้นคือ “โอสถเสริมวิญญาณ” ที่หลอมขึ้นมาเพื่อสงหลิงลี่ พวกมันถูกใช้เพื่อชดเชยข้อบกพร่องของปราณวิญญาณเซียนเทียนแห่งเผ่ามนุษย์เวทเพื่อให้ความแข็งแกร่งนางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ หัวหน้ากลุ่มรักษาความปลอดภัยแห่งยอดเขาหยกน้อย ได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสาม นับจากท้ายสุด ซึ่งไม่สมเหตุสมผลนัก

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นอันดับท้ายสุด แน่นอนว่า ย่อมเป็น…

จิ๋วอวี่ซือ

อาจารย์ของเขาจะไม่มีวันยอมเป็นอันดับสุดท้ายอย่างแน่นอน!

ในขณะนี้ ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งขี่เมฆมาโดยมีเจียงหลินเอ๋อร์ขี่เมฆตามเขามาด้วยในขณะที่มีจิ่วอูอยู่ข้างหลัง พวกเขามาถึงหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อยด้วยกัน

เจียงหลินเอ๋อร์ร้องตะโกนว่า “ฉางโซ่ว เจ้ากำลังหลอมโอสถอยู่หรือไม่?”

“ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ปรมาจารย์ลุงใหญ่ อาจารย์ลุง โปรดเข้ามารอสักครู่ ข้าจะหลอมโอสถชุดนี้เสร็จในไม่ช้านี้แล้วขอรับ”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่น ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งยิ้มและพยักหน้า เขารู้สึกประทับใจเล็กน้อยที่หลี่ฉางโซ่วไม่ได้เลือกที่จะละทิ้งการหลอมโอสถเพื่อมาต้อนรับพวกเขา

แม้เขาจะเป็นเซียนจินของสำนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

ไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ดึงเปลวเพลิงกลับคืนมา และค่อยๆ เปิดช่องบนฝาเตาหลอมสีดำสนิทออกมา มันส่งกลิ่นหอมของโอสถโชยออกมา แล้วปิดฝาเตาลงอีกครั้งเพื่อปล่อยให้เม็ดโอสถตกตะกอนและคงตัวก่อน

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หันกลับมาและทำการคารวะเต๋าให้พวกเขา

“ศิษย์ขออภัยที่เสียมารยาทแล้วขอรับ”

“ไม่เป็นไร” ฟู่กุ้ย[1]ผู้สูงส่งโบกมือในขณะที่จิ่วอูได้นำเก้าอี้สองตัวมาให้อาจารย์และอาจารย์หญิงของเขานั่งลงแล้ว

เจียงหลินเอ๋อร์กระแอมไอให้คอโล่งและยิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวฉางโซ่ว ข้ามาที่นี่เพื่อคุยกับเจ้าถึงเรื่องการฝึกบำเพ็ญของหลิงเอ๋อร์ เขาเรียกให้ข้ามาที่นี่โดยเฉพาะเพื่อให้เจ้ารู้สึกสบายใจ เจ้าห้ามปดข้านะ”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ท่านกล่าวจริงจังเกินไปแล้ว ศิษย์จะโป้ปดท่านด้วยเหตุใดขอรับ?”

อย่างมากที่สุด เขาก็จะเตรียมการบางอย่าง

ในขณะนั้น จิ่วอูหัวเราะคิกคัก และดูเหมือนว่า เขากำลังเฝ้าชมการแสดอยู่ง

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งถามว่า “เมื่อหลิงเอ๋อร์ข้ามผ่านความทุกข์ยากนั้น ข้ากำลังเข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ ข้าจึงไม่ได้พบนาง และได้ยินจากหลินเอ๋อร์ว่า นางข้าวผ่านเก้าทัณฑ์สวรรค์หรือ?

“ขอรับ”

“แล้วเจ้าเล่า?”

ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งถามอย่างสงบพร้อมเผยแววตาข่มขู่จนหลี่ฉางโซ่วรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขากล่าวเบาๆ ว่า “ดูเหมือนว่า คุณสมบัติของศิษย์จะด้อยกว่าศิษย์น้องหญิงขอรับ”

“จริงๆ หรือ?” เจียงหลินเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิพลางยิ้มและกล่าวว่า “ข้าไม่เชื่อเจ้า”

ดูจากท่าทีแล้ว ในวันนี้ ปรมาจารย์ใหญ่เจียงหลินเอ๋อร์กำลังจะถามเรื่องเกี่ยวกับเขา

กลอุบายเช่นนี้ แก้ได้ไม่ยากหรอก

หากพวกเขามีเหตุผล เขาก็จะเป็นคนก่อกวนอารมณ์ของพวกเขา หากพวกเขาเป็นฝ่ายมีอารมณ์ขึ้นมา เขาก็จะให้เหตุผลกับพวกเขา

“ท่านปรมาจารย์ใหญ่ ปรมาจารย์ลุงใหญ่” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ศิษย์ได้รับการดูแลจากท่านอาจารย์มาและจดจ่ออยู่กับการฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอดขอรับ

หากศิษย์ประสบความสำเร็จในตอนนี้ ย่อมไม่กล้าลืมความเมตตาของท่านอาจารย์ ท่านปรมาจารย์ใหญ่ก็น่าจะรับรู้ได้ ตั้งแต่ที่ท่านกลับมายังสำนัก ศิษย์ได้ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายสำนักหรือไม่? เหตุผลที่ฐานเต๋าของหลิงเอ๋อร์นั้นลึกซึ้งมาก นั่นเป็นเพราะศิษย์ได้พร่ำสอนนางอย่างเต็มกำลัง นางยังได้ใช้โอสถล้ำค่าและหามาได้อย่างยากลำบากอีกด้วย! ศิษย์ไม่ต้องการอะไรจริงๆ เพียงอยากให้ยอดเขาหยกน้อยสงบสุขตลอดไปเท่านั้น และศิษย์เพียงแค่ปรารถนาจะให้ญาติสนิทมิตรสหายของศิษย์ได้ก้าวไปบนวิถีเซียนอย่างปลอดภัยเท่านั้นขอรับ!”

ในขณะนี้ เม็ดโอสถทองคำเก้าแปรเปลี่ยนยังคงอยู่กับหลิงเอ๋อร์ ซึ่งนางไม่เคยได้พบศิษย์พี่ของนางอีกเลยหลังจากที่นางข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์แล้ว

คำพูดของเขาจริงใจจนทำให้เจียงหลินเอ๋อร์รู้สึกผิด และทำให้หว่างฉิงผู้สูงส่งรู้สึกสะเทือนอารมณ์ในขณะที่จิ่วอู นักพรตเต๋าร่างเตี้ย เงยหน้าขึ้นมองและถอนหายใจ ดวงตาของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย

“ฉางโซ่ว อย่าพูดอีกเลย” เจียงหลินเอ๋อร์กล่าวอย่างอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงยอดเขาหยกน้อย เจ้ายังห่วงใยอาจารย์ และศิษย์น้องหญิงของเจ้า แต่…”

ในขณะนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์และกล่าวว่า “วันนี้ เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อถามเจ้าถึงเรื่องระดับการฝึกบำเพ็ญของเจ้า ผู้กล้าย่อมไม่ลอบทำอะไรในเงามืด[2]! เจ้าเห็นเซียนจินข้างๆ ข้าหรือไม่? ข้ามาที่นี่เพื่อทำตามคำสัญญาที่จะมัดเจ้าและโยนเจ้าเข้าไปในห้องของหลิงเอ๋อร์!”

ขณะที่กล่าว เจียงหลินเอ๋อร์ก็ผายอกและเชิดศีรษะขึ้น แล้วยังตบหน้าอกของนางดังลั่นอีกด้วย “ข้า เจียงหลินเอ๋อร์ หมายความตามที่พูด ในเมื่อข้าพูดเช่นนี้ ข้าย่อมต้องทำ!”

หวางฉิงผู้สูงส่งก็พยักหน้าช้าๆ และกล่าวว่า “ข้าก็จะช่วยฮูหยินให้ทำตามสิ่งที่กล่าวด้วย”

จู่ๆ จิ่วอูก็หยิบเชือกอมตะออกมาแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉางโซ่ว ดูเอาเถิด…ข้าเองก็ไม่อยากทำ ทว่าในท้ายที่สุด มันก็เป็นคำสั่งของอาจารย์”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงันฉับพลัน

เคลื่อนไหวได้ดีอะไรเช่นนี้! มาจับเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว!

แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วและร้องอุทานออกมาในทันทีว่า “ท่านเจ้าสำนัก เหตุใดถึงมาที่นี่ขอรับ?”

ทันใดนั้น หวางฉิงผู้สูงส่ง เจียงหลินเอ๋อร์ และจิ่วอูต่างหันไปมามองพร้อมๆ กัน

ชั่วเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วก็เคาะเท้าของเขาเบาๆ แล้วกลายเป็นควันสีเขียว เขาใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกายและล่าถอยไปในค่ายกลใหญ่ด้านนอกทันที

จากนั้นจิ่วอูก็ได้ยินข้อความเสียง

“ท่านอาจารย์ลุง หากท่านจริงใจต่อข้า ก็ให้ท่านเป็นผู้เริ่มไล่ตามข้า!”

หวางฉิงผู้สูงส่งหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ศิษย์น้อยผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก”

“ท่านอาจารย์! ข้าจะไล่ตามไปเองขอรับ!” จิ่วอูตะโกน และโดยไม่รอให้อาจารย์และอาจารย์หญิงพยักหน้าตกลง เขาก็คว้าเชือกอมตะแล้วรีบวิ่งออกไปทันที

เพียงขณะที่หวางฉิงผู้สูงส่งกำลังจะก้าวออกไปข้างหน้า เขาก็เห็นถุงผ้าปักคำว่า ‘ความสุข’ อยู่บนพื้น จึงเอื้อมมือไปหยิบถุงผ้าและพบว่า มีเม็ดโอสถอยู่ข้างใน หลี่ฉางโซ่วจะต้องรีบร้อนและบังเอิญทำมันหล่นอย่างแน่นอน

“หลินเอ๋อร์ ไปกันเถิด…”

“สามี!”

เจียงหลินเอ๋อร์ก็ร้องตะโกนเบาๆ อยู่ข้างๆ นางคว้าแขนของหวางฉิงผู้สูงส่งเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนเล็กน้อยขณะกล่าวเบาๆ ว่า“เช่นนั้น พวกเรากลับกันไปก่อน ปล่อยเขาไปชั่วคราว…”

“หลินเอ๋อร์ มีอันใดผิดไปหรือ?”

“รีบใช้เวทหลบหนีของเจ้าพาข้ากลับไปเร็วเข้า”

หวางฉิงผู้สูงส่งรู้สึกสับสน ทว่าเขาก็ทำตามที่นางบอก แล้วทั้งสองก็กลายเป็นลำแสง และพุ่งกลับไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ในชั่วพริบตา

ในค่ายกลใหญ่ด้านนอกหอโอสถ เวลานี้ หลี่ฉางโซ่วและจิ่วอูต่างจ้องมองกัน…

จิ่วอูถามด้วยความสงสัย “นั่นโอสถอะไรหรือ?”

“มันเป็นโอสถวิญญาณสัมผัสเซียน เรียกว่า โอสถเพลิงหัวใจขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างสงบใจ “หากคนที่ท่านรักถือมันไว้ ท่านจะไม่อาจต้านทานได้เลย”

จิ่วอูอดจะอ้าปากค้างไม่ได้ “เป็นโอสถวิญญาณที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!”

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบโอสถสองขวดออกมา

มันเป็นโอสถวิญญาณระดับสามที่แข็งแกร่งซึ่งมีฤทธิ์แรงกว่าเป็นสามเท่าของสุรามังกรพิษ สิ่งสำคัญที่สุดคือ สามารถปล่อยคุณสมบัติทางยาออกมาได้อย่างต่อเนื่อง

“มันเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เอาไปใช้ให้ดีและเก็บเป็นความลับด้วยนะขอรับ”

“เข้าใจแล้ว!”

จิ่วอูดีดนิ้วแล้วคว้าโอสถมาพร้อมกับหัวเราะดังลั่นทันที

คราวนี้เขามากับอาจารย์และอาจารย์หญิง และก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้จริงๆ อาจารย์หญิง และอาจารย์ของเขาถูกส่งตัวออกไปอย่างง่ายดาย และศิษย์หลานฉางโซ่วย่อมจะขอบคุณเขาด้วยของขวัญ

น่าทึ่ง น่าทึ่งจริงๆ!

“ฉางโซ่ว…”

“ท่านลุง โปรดรอสักครู่ขอรับ” หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย จู่ๆเขาก็มีแรงกระตุ้นขึ้นมา

เขาทำมุทราหยั่งรู้และคำนวณ แล้วเจตจำนงวิญญาณของเขาก็เข้าไปในวิหารเทพทะเลแห่งเมือง อันสุ่ยแล้วอดจะประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดขาวที่คุ้นเคย

………………………………………………………………..

[1] นามจริงของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง หวังฟู่กุ้ย

[2] ผู้เที่ยงธรรม คนจริง ผู้รู้ หรือผู้ประพฤติดีย่อมเปิดเผย จะไม่ลอบทำเรื่องที่ผิดศีลธรรม หรือไม่ลอบทำเรื่องลับๆ