บทที่ 633 ส่งสาวงาม

ณ กองอาวุธปืน

หลังจากฮ่องเต้โจวเสด็จพระราชดำเนินกลับไปแล้ว เหลือแต่เพียงจ้าวชูและเหยียนโจวที่อยู่ในห้องโถงเท่านั้น จ้าวชูมองเหยียนโจวแล้วเอ่ยว่า

“นายท่านเหยียน ท่านคงต้องเหนื่อยมากสักหน่อยในช่วงสิบวันที่จะถึงนี้ ข้าเองก็อยากรู้ถึงแสนยานุภาพของปืนใหญ่เช่นกัน หวังว่าท่านคงจะเร่งมือให้เร็วขึ้นนะ” เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเหยียนโจวได้แต่กัดฟันและพยักหน้ารับปากเท่านั้น

หลังจากจ้าวชูกลับไป เหยียนโจวเอนตัวลงกับพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรง เขาหลับตาคิด..ในหัวของเขายุ่งเหยิง จนต้องใช้เวลาสักพักเพื่อจัดระเบียบความคิดใหม่ จดหมายมีตราประทับของท่านประมุขนั่น..

บิดาบุญธรรมคงตื่นขึ้นมาแล้วสินะ ส่วนท่านอา…เกรงว่าจะหาข่าวดีไม่ได้ คงไม่มีใครปกป้องเขาอีกแล้ว ตอนนี้เขาได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศ มีวิธีเดียวเท่านั้นคือต้องสร้างปืนใหญ่ให้สำเร็จเพื่อที่จะรับพรและอยู่ในต้าโจวต่อไป ต้าโจวจะไม่สร้างศัตรูกับสกุลเหยียนเพราะเขา แต่ถ้าเขามีคุณค่าขึ้นมา ต้าโจวจะเก็บเขาเอาไว้ ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ จากนั้นเขาจะได้รับเกียรติและความมั่งคั่งไม่รู้จบจากต้าโจว

สำหรับปืนใหญ่ แม้ว่าเขาจะไม่รู้วิธีที่จะสร้างมันขึ้นมาก็ตามที แต่เขามีแบบร่างของมัน เขาเป็นคนในสกุลเหยียนที่มีพรสวรรค์ เขาย่อมสร้างได้อย่างแน่นอน!

เหยียนโจวโน้มน้าวใจปลุกขวัญให้กำลังใจตนเอง จากนั้นจึงได้ลุกเดินไปยังสถานที่สร้างปืนใหญ่

เมื่อเขาเข้ามาช่างฝีมือหลายคนได้เข้ามารุมล้อมรอบตัวเขา

“นายท่านเหยียน ท่านมาแล้ว ข้ามีคำถามสองสามข้อจะถามท่านขอรับ”

“นายท่านเหยียน พวกเราทำตามแบบที่เขียนเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดการยิงกระสุนถึงได้ล้มเหลว? ท่านรู้หรือไม่ว่าเป็นปัญหาที่ตรงไหน?”

“แล้วนี่ยังมีการจุดไฟแล้วไม่ติด..ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด?”

“ท่านดูตรงนี้…” คำถามมากมายถาโถมเข้าหาเหยียนโจว ทำให้เขาแทบกุมขมับ เขาคิดหาข้อแก้ตัวสองสามข้อจนหลอกทุกคนได้สำเร็จ จากนั้นจึงได้ขอตัวไปพักผ่อน ชีวิตแบบนี้ช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เปรียบไม่ได้กับก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว เขามีเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นดีให้สวมใส่ อาหารเลิศรส แล้วไหนจะสาวงามแนบกายอีก

เขาหวนคิดถึงความสุขในวันวานแล้วพาลเกลียดการอยู่ในกองอาวุธปืนเสียเหลือเกิน แต่เมื่อนึกถึงข้อกำหนดสิบวันที่ว่า เขาก็ได้แต่กัดฟันแล้วศึกษาหาวิธีกับช่าง จ้าวชูกลับไปยังจวน เขาตระหนักได้ว่านายท่านเหยียนน่าจะเป็นคนทรยศของสกุลเหยียน ในเมื่อเขารู้ เสด็จพ่อย่อมรู้เช่นกัน สาเหตุที่ให้เวลาสิบวันก็เพื่อหยิบยื่นโอกาสให้กับนายท่านเหยียนนั่นเอง

ตามกฎของบรรพบุรุษของสกุลเหยียนแล้ว ดินปืนไม่อาจจะนำมาผลิตเป็นอาวุธได้ แต่ตราบใดที่นายท่านเหยียนผู้ได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศ สร้างอาวุธได้ นั่นย่อมเป็นประโยชน์ต่อต้าโจว…

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว จ้าวชูก็เอาจริงเอาจังมากขึ้น เขาเคยถามช่างที่ทำมาก่อนหน้า เห็นแค่เพียงว่าเหลือแต่ปัญหาจุกจิกเล็กน้อยเท่านั้น เวลาสิบวันน่าจะพอดี เขารู้สึกว่าทุกอย่างยังควบคุมได้อยู่ แต่ท้ายสุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นถึงนายน้อยสกุลเหยียน เขาจะขึ้นเป็นประมุขของสกุลเหยียนในภายหน้า ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่จะประจบประแจงเอาใจเขาให้ดี

“มานี่!” จ้าวชูเรียกองครักษ์ของเขา

“ไปสืบดูว่านายน้อยเหยียนและคุณชายสี่สกุลเหยียน มีความชอบและโปรดปรานในสิ่งใดบ้าง?”

องครักษ์รับคำสั่งแล้วจากไป

วันต่อมา

เขาได้ข่าวที่น่าเหลือเชื่อจากองครักษ์ จากนั้นเขาจึงได้คิดที่จะเลิกประจบนายน้อยเหยียนอย่างสิ้นเชิง

นายน้อยเหยียนชื่อเหยียนเสี่ยวต้วน เมื่อตอนที่เขามีปัญหาหนีออกจากบ้าน ถังหลี่ได้เป็นคนอ้าแขนรับเขาเอาไว้เลี้ยงดู แม้จะบอกว่าเขาเป็นบ่าวรับใช้ก็ตาม แต่ความจริงแล้วเขาอยู่ในจวนอู่โหวราวกับเป็นนายน้อยผู้หนึ่งเลยทีเดียว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับถังหลี่นั้นดีมาก

แต่จ้าวชูกับถังหลี่เป็นศัตรูกัน อย่างไรเสียเหยียนเสี่ยวต้วนย่อมยืนอยู่ข้างถังหลี่อย่างแน่นอน

จ้าวชูเสียใจอีกเป็นครั้งที่ร้อยแปด เหตุใดเขาถึงไม่แต่งงานกับถังหลี่นะ! ไม่เช่นนั้นเขาคงจะได้รับความช่วยเหลือจากถังหลี่ ป่านนี้เขาคงได้ครองบัลลังก์ไปนานแล้ว

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคอยจับตาดูคุณชายสี่ที่เป็นท่านอาของเขาแทนเถอะ ไปสืบดูว่าเขาชอบหรือโปรดปรานอะไร?” จ้าวชูกำชับองครักษ์อีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรก็สมควรคว้าเอาไว้สักคนเพื่อเป็นกำลังสนับสนุนของตน

ผ่านไปห้าวันชั่วพริบตา..เป็นห้าวันที่เหยียนโจวทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน เดิมทีเขาคิดว่าการสร้างปืนใหญ่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่หลังจากผ่านไปห้าวันก็ไม่มีความคืบหน้าเลย เขาจึงตระหนักว่าตนเองไม่มีความสามารถที่จะสร้างปืนใหญ่ได้เลย เขาอยู่ในต้าโจวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นต้าโจวจะไม่ปกป้องเขา และสกุลเหยียนก็คงไม่ปล่อยเขาไป! มีอยู่ทางเดียวคือหนี!

วันนั้นเหยียนโจวกลับไปที่คฤหาสน์ของเขาเนื่องจากเหนื่อยเกินไป คฤหาสน์หลังนี้สร้างขึ้นจากความชอบส่วนตัวของเขา มีทั้งหินประดับและน้ำตก ราวบันไดแกะสลัก อาคารก่ออิฐทาสีงดงาม เหยียนโจวลังเลที่จะแยกจากความหรูหราเช่นนี้ เขามองดูด้วยความโลภ นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ใช้เวลาเพลิดเพลินกับคฤหาสน์หลังนี้ เขาสั่งให้สาวใช้ไปเติมน้ำ จากนั้นจึงได้อาบน้ำท่ามกลางสาวงาม ร่วมถึงใช้ค่ำคืนวสันต์กับหญิงสาวคนโปรด

ก่อนรุ่งสางเหยียนโจวลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบๆ เขาปลอมตัวและเก็บข้าวของมีค่าใส่ห่อ

เขามองภาพวาดล้ำค่า งานเขียนอักษรประดิษฐ์และแจกันภายในห้องอย่างอาลัยอาวรณ์ ข้าวของทุกชิ้นล้วนมีราคา เขาอยากขนออกไปให้หมด ทว่าน่าเสียดายที่ไม่ปัญญาจะหอบหิ้วออกไปได้ เขาจึงได้แต่หยิบของชิ้นเล็กๆ ออกไปเท่านั้น

หลังจากเหยียนโจวเก็บของเสร็จแล้ว เขาเดินไปยังประตูหลังอย่างเงียบๆ เปิดประตูก้าวเท้าออกไป..

ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนรอเขาอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นจ้าวชู!..

ใบหน้าเขาถอดสี จบแล้ว!

“นายท่านเหยียน ท่านจะไปไหนหรือ?” จ้าวชูถามด้วยรอยยิ้ม

เหยียนโจวปาดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก “ข้า..ข้า..จะออกไปเดินเล่น..”

“นายท่านเหยียน ท่านแบกสัมภาระไปเดินเล่นด้วยกระนั้นหรือ?”

เหยียนโจวตกตะลึงไป เอ่ยตอบไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว

จ้าวชูเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“ดูเหมือนว่าวันนี้ฝนจะตก เหลือเวลาอีกแค่สี่วันเท่านั้นก่อนจะถึงกำหนดที่ปืนใหญ่จะเสร็จ นายท่านเหยียนได้โปรดระงับการเดินเล่นเอาไว้ก่อน ท่านควรจะไปเร่งมือทำงานในกองอาวุธปืนให้เสร็จโดยเร็ว!”

หลังจากจ้าวชูพูดจบ ผู้คุ้มกันร่างใหญ่สองคนเดินมาจับตัวเหยียนโจวกระชากลากถูไปทันที