ตอนที่ 455 พี่อวี่ เส้นทางของท่านถูกปิดกั้นแล้ว (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 455 พี่อวี่ เส้นทางของท่านถูกปิดกั้นแล้ว (1)

เกิดอันใดขึ้น?

นักพรตเต๋าลู่หยาถึงยังไม่ปรากฏตัว แต่จั๊กจั่นสีทองอีกตัวกลับกระโดดออกมาแทน เดิมทีการร่วมกับองค์เง็กเซียนเพื่อปราบปรามแนวชายฝั่งนั้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ซึ่งอยู่นอกแผนของหลี่ฉางโซ่วอยู่แล้ว

เขาคิดว่าเขาไม่อาจระงับอารมณ์ขององค์เง็กเซียนได้ นอกจากนี้ ก็ไม่มีใครในสามอาณาจักรกล้าจะล่วงเกินองค์เง็กเซียน เขาจึงตัดสินใจออกมาดู

ทว่าวันนี้ เหตุใดมันจึงเป็นไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ราบรื่นนัก

ผู้คนจากสำนักบำเพ็ญประจิมกำลังซ่อนตัวอยู่ในการรวมตัวขององค์ชายมังกร… มันต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่!

หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้และตัดสินใจอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งข้อความเสียงไปหาองค์เง็กเซียนในห้องโดยสาร

“ฝ่าบาท คนผู้นี้เป็นปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม มีนามว่า จินฉานจื่อ เขาได้ต่อสู้กับเทพน้อยมาสองสามครั้งในช่วงยี่สิบสามสิบปีที่ผ่านมา วันนี้ การรวมตัวขององค์ชายมังกรน่าจะเป็นแผนของเขา แล้วเราบังเอิญไปพบเขาเข้า เทพน้อยไม่รู้ว่า เขากำลังวางแผนอะไร แต่มันต้องเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรแน่นอน”

องค์เง็กเซียนส่งข้อความเสียงตอบกลับมาอย่างสงบว่า “ขุนนางของข้า จงแสร้งทำเป็นว่าข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำ จัดการทุกอย่างตามที่เจ้าเห็นควร”

ถึงกับตะลึงงันจนพูดไม่ออก

ฝ่าบาท เมื่อฝ่าบาท ไม่อยู่ สหายผู้นี้มาก่อกวน และสร้างปัญหาที่วิหารเทพทะเล ทั้งยังโวยวาย เขาไม่เห็นเทพน้อยอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

ทว่าเมื่อเห็นความกระตือรือร้นในสายตาขององค์เง็กเซียน หลี่ฉางโซ่วก็พูดออกไปตรงๆ ไม่ได้

ลองคิดดูว่า เพียงฝ่าบาทมีพระประสงค์จะเข้าร่วมงานใหญ่เช่นนี้ในศาลสวรรค์เท่านั้น…

“เทพน้อยน้อมรับบัญชาฝ่าบาท!”

หลี่ฉางโซ่วรับบัญชาแล้วส่งข้อความเสียงไปหาแม่ทัพตงมู่

หากมีความขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นในภายหลัง เขาต้องเข้าอารักขาองค์เง็กเซียนทันที ความแข็งแกร่งของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขามีจำกัด แม้เขาจะเข้ารวมพลังกับแม่ทัพตงมู่ เขาก็ยังไม่ใช้คู่ต่อสู้ของจินฉานจื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกองทหารมังกรเซียนวารีจำนวนมากอยู่ที่นั่น บัดนี้ ยังไม่รู้ตำแหน่งของเผ่ามังกรที่แน่นอน…

หากหลังจากนี้ พวกเขาเกิดต่อสู้กันจริงๆ เป็นไปได้มากกว่าแปดส่วนที่องค์เง็กเซียนจะปกป้องเสนาบดีทั้งสองของศาลสวรรค์ องค์เง็กเซียน รู้ว่า พวกเขาแข็งแกร่งเพียงพอหรือไม่ แต่พวกเขาก็ต้องมีความคิดและท่าทาง การกระทำที่ถูกต้องด้วย

หลี่ฉางโซวทำท่าให้นักร่ายรำไปพักสักครู่ และบอกให้นักดนตรีหยุดบรรเลงเพลงแล้วออกจากห้องโดยสารไปพร้อมด้วยแส้หางม้าของเขา

แม่ทัพตงมู่โค้งคำนับให้เล็กน้อยและผายมือด้วยท่าทางเชิญชวน องค์เง็กเซียนลอบมองเขาอยู่ลับๆ แม่ทัพตงมู่รีบยืดหลังและยิ้มให้องค์เง็กเซียน เช่นนั้นแล้ว พวกเขาสามคนจึงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ

ในขณะนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ของหลี่ฉางโซ่วไม่เสถียรและสั่นคลอนขณะที่เขายังเร่งขับเคลื่อนไป

องค์เง็กเซียนแย้มยิ้มพลางส่งข้อความเสียงถามว่า “ขุนนางฉางเกิง ปกติแล้ว เจ้าจัดการกับศัตรูเช่นนี้อย่างไรหรือ”

“ร่างจำแลงของเทพน้อยมีพลังจำกัด และไม่ได้เก่งกาจในการต่อสู้เท่าใดนัก แต่พวกเขาส่วนใหญ่จะมีความคิดบางอย่าง”

หลี่ฉางโซวไม่ได้หันกลับมา เขาแอบส่งข้อความเสียงออกไปว่า “จินฉานจื่อผู้นี้โหดเหี้ยมนัก ร่างหลักของเขาคือ สัตว์ร้ายบรรพกาล ตอนนี้ เขากำลังได้รับการสนับสนุนจากจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม ซึ่งดูเหมือนจะอยากรับเขาเป็นศิษย์ เมื่อไม่นานมานี้ สำนักบำเพ็ญประจิมได้วางแผนทำร้ายเผ่ามังกร และเขาคือคนบงการอยู่เบื้องหลัง คงจะดีกว่านี้ หากเราจัดการเขาที่นี่ในวันนี้ได้”

“ดี!”

ดวงตาขององค์เง็กเซียนเปล่งประกายเจิดจ้า “วันนี้ ให้ข้าได้ประจักษ์ว่า ขุนนางของข้าจะต่อสู้กับผู้ทรงพลังแข็งแกร่งของสำนักบำเพ็ญประจิมได้อย่างไร!”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน บัดนี้ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน

ที่เขาพูดมาก เป็นเพียงเพราะอยากจะบอกว่า สำนักบำเพ็ญประจิมจะรู้สึกกดดันจนย่ำแย่อย่างแน่นอนหากเขาสังหารจินฉานจื่อผู้นี้

แม้ว่าจักจั่นสีทองจะไม่คู่ควรให้องค์เง็กเซียนต้องลงมือด้วยตัวเอง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถในการฆ่าคู่ต่อสู้ของเขาได้ทันที ทว่าเขาต้องซ่อนอยู่ข้างหลังเพื่อเฝ้าดูเหตุการณ์

นั่นมัน…ไม่มั่นคงเล็กน้อย

ช่างเถิด อย่างไรเสีย นี่ก็คือ องค์เง็กเซียน ข้าเป็นแค่เทพขั้นสี่ผู้มีหลายอย่างที่ต้องทำและไม่มีบุญมากนัก หากผู้อื่นหยุดพัก ข้าก็จะทำงานล่วงเวลา ข้าทำได้เพียงอาศัยทหารถั่วเซียนเป็นกองกำลังของข้าเท่านั้น แล้วเขาจะต่อสู้ด้วยปัญญาของเขาได้อย่างไร?

เขาจะใช้ปัญญามาต่อสู้ด้วยได้อย่างไรอีก…

หลี่ฉางโซ่วเริ่มแอบขอความช่วยเหลืออย่างลับๆ

อย่างแรก เขาส่งเจตจำนงวิญญาณของเขาไปที่วิหารเทพทะเลแล้วเชื่อมโยงกับรูปปั้นหยกที่อยู่ถัดไป และในไม่ช้า เขาก็ได้ติดต่อกับอ๋าวอี่ และขอให้เขานำปรมาจารย์เผ่ามังกรเท่าที่เขาพอจะหาได้ แล้วรีบรุดไปที่ทะเลประจิมให้เร็วที่สุด

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตัดเจตจำนงวิญญาณของเขาหลังจากที่อ๋าวอี่ตกลงแล้ว และจากนั้นไม่นาน เขาก็ส่งตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่ดูเหมือนเด็กสาวให้ออกจากเมืองอันสุ่ยไปยังชายทะเลทักษิณ และให้นางเป่าขลุ่ยสั้นที่ทะเล

อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตา ก็มีปลาตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในน้ำทะเล แล้วหลี่ฉางโซ่วก็ส่งข้อความเสียงไปยังปลาตัวนั้น

ปลาตัวนั้นเป็นหุ่นเชิดของผู้บำเพ็ญเหวินจิง

หลี่ฉางโซ่วเพียงบอกผู้บำเพ็ญเหวินจิงว่า หากเป็นไปได้ก็ให้มาที่ทะเลประจิม นางไม่อาจเปิดเผยตัวเองได้ และต้องแอบไปพบเขาก่อน

หลังจากทำเช่นนั้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็เริ่มคิดว่าเขาจะถ่วงเวลาได้อย่างไร เขาต้องพิจารณาถึงเกียรติยศศักดิ์ศรีและพลังอำนาจของศาลสวรรค์ ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ต้องทำให้องค์เง็กเซียนรู้สึกว่า… การต่อสู้นี้น่าสนใจทีเดียว

เรื่องดังกล่าวล้วนแต่มีเหตุผลและคาดไม่ถึง

ดูเหมือนว่า เขาจะต้องใช้ตัวตนที่เย่อหยิ่งและโง่เขลาของจินฉานจื่อ …

“เหอะ!”

ในขณะนั้น หลี่ฉางโช่วก็แค่นเสียงเย็นชาจากที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ สีหน้าของเขาเย็นชาขณะที่สะบัดแส้หางม้า

เมื่อเห็นสิ่งนั้น จินฉานจื่อก็ยิ้มและหรี่ตา เขามีทีท่าค่อนข้างพอใจ

ในขณะนั้น องค์ชายมังกรสองสามคนก็ลุกขึ้นยืนบนเรือเปลือกหอยอมตะ สีหน้าท่าทีของพวกเขาทั้งหมดล้วนแตกต่างกัน

องค์ชายแห่งทะเลประจิมและวังมังกรทักษิณยิ้มสงบและยังคงนิ่งเฉย องค์ชายใหญ่แห่งวังมังกรทะเลอุดรรู้สึกงงงวย แต่เขาก็ยังวางท่าปกติ องค์ชายรัชทายาทแห่งวังมังกรทะเลบูรพา อ๋าวเจี่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

เขาขมวดคิ้วและมองไปที่จินฉานจื่อซึ่งลุกขึ้นยืนในทันที ดวงตาของเขาฉายรอยสับสนว่า ‘คนผู้นี้มาจากที่ใด? อ๋าวเจี่ยมีรูปร่างสูงเพรียวและมีใบหน้าหล่อเหลา ทว่าเขาเสพสุขมาตลอดทั้งปีทำให้เขาดูผอมลง เมื่อยืนอยู่บนเรือ เขาดูเหมือนสวมเสื้อคลุมผ้าไหมปักเนื้อละเอียด เขาบนหัวก็ดูไม่ชัดเจนเช่นกัน

ในขณะนั้น อ๋าวเจี่ยเห็นว่า เทพแห่งท้องทะเลมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร จากนั้น ก็มีปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้นและร้องตะโกนว่า “เทพแห่งท้องทะเล เจ้ายินดีจะคุยกับข้าอีกหรือไม่?”

เมื่อคิดดูถี่ถ้วนแล้ว อ๋าวเจี่ยก็พอเข้าใจอะไรบางอย่าง

เขาถูกหลอกแล้ว!

แม้อ๋าวเจี่ยมักจะใช้ชีวิตอย่างอิสระไร้กังวล แต่ก็หาได้โง่เขลาไม่ เขารู้ว่าพระบิดาของเขาเลือก เส้นทางใด ในขณะนั้น เขาจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

“พี่ชายเทพทะเล!”

ทันใดนั้น อ๋าวเจี่ยก็ร้องตะโกนด้วยท่าทีดูกังวล เขายังกระทั่งผ่านจินฉานจื่อและมุ่งหน้าไปทางหลี่ฉางโซ่วซึ่งอยู่ห่างออกไปพันลี้

เมื่อเห็นเช่นนั้น จินฉานจื่อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไพล่มือไว้ที่ด้านหลัง แล้วใบมีดรูปใบหลิวที่บางพอๆ กับปีกจักจั่นก็ปรากฏขึ้นในระหว่างนิ้วของเขาทันที ชั่วขณะนั้น ดวงตาของเขาฉายแววเหี้ยมโหด

หลี่ฉางโซ่วจับการกระทำของจินฉานจื่อได้อย่างแหลมคมที่สุด เขาหรี่ตาและกล่าวอย่างสงบ “เจ้ากล้าหรือ?”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของจินฉานจื่อ และเพียงในขณะที่นิ้วทางด้านหลังของเขากำลังจะสะบัดออกไปเบาๆ เขาก็หยุดลงกะทันหัน

เจตนาสังหารแรงกล้าอะไรเช่นนี้!

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงมังกรคำรามสองสามครั้ง แล้วจู่ๆ ก็มีร่างสามร่างพุ่งออกมาจากน้ำทะเล แต่พวกเขาไม่ได้ก่อให้เกิดระลอกคลื่นใดๆ ในขณะที่เข้าล้อมกรอบจินฉานจื่อในลักษณะเป็นกรอบรูปสามเหลี่ยม

พวกเขาเป็นชายชราสามคนที่มีหัวมังกร กลิ่นอายลมปราณของพวกเขามั่นคงและสง่างาม เกล็ดบนใบหน้าของพวกเขามีสีแดงเลือดบางๆ และร่างของพวกเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นของกรรมร้ายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

มังกรศึกโบราณ!

ในขณะนั้น จินฉานจื่อมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เทพแห่งท้องทะเลมาถึงกะทันหัน…

เผ่ามังกรได้ซุ่มโจมตีปรมาจารย์เช่นนั้น…

ดูเหมือนว่า แผนของข้าในวันนี้จะถูกเทพแห่งท้องทะเลและเผ่ามังกรมองออกแล้ว!

เหตุใดกัน?

………………………………………………………………..