บทที่ 619 กองทหารจากเมืองหลวง
บทที่ 619 กองทหารจากเมืองหลวง
บทสนทนาของทั้งสองไม่เล็ดลอดไปจากหูของฉู่จงเทียน เขารู้ดีว่าภรรยาของเขาเกลียดชังซูอันมากแค่ไหนก่อนที่เขาจะถูกจองจำ แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับดูสนิทสนมกันมาก เป็นไปได้ไหมว่าทั้งคู่ได้ร่วมกันทำเรื่องน่าละอายขึ้นจริง ๆ?
—
ท่านยั่วยุฉู่จงเทียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 110…110…110…
—
ซูอันไม่กล้าละเลยคะแนนความโกรธแค้นเหล่านี้ มีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน
สมองของเขาประมวลผลอย่างรวดเร็ว คะแนนความโกรธแค้นที่ท่วมท้นนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อฉินหว่านหรูขยับเข้าใกล้เขา ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และส่งข้อความถึงฉินหว่านหรูผ่านการส่งสัญญาณพลังชี่อย่างรวดเร็ว
ฉินหว่านหรูหน้าแดงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเขา นี่คือสิ่งที่สามีของนางกังวล ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะทำท่าทางแปลก ๆ
นางรีบหยุดพิธีต้อนรับและดึงแขนฉู่จงเทียนเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
“อืม ดูเหมือนว่าความคิดเห็นของเจ้าเกี่ยวกับซูอันจะเปลี่ยนไปมากนะ” ฉู่จงเทียนกล่าวอย่างไม่พอใจ
ฉินหว่านหรูพ่นลมหายใจ “ข้าจะทำอะไรกับเขา? ท่านเป็นบ้าอะไรถึงคิดแบบนี้กับข้า!? ข้าพาท่านมาที่นี่เพื่อบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด!”
จากนั้นนางก็บอกสามีของตัวเองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นโดยละเอียดในทันที ฉู่จงเทียนเป็นคนจิตใจดีเสมอ และเมื่อรวมกับความรักอันลึกซึ้งที่แบ่งปันกับภรรยาของเขาเป็นเวลาหลายปี ความคิดแคลงใจที่เขามีอยู่ทั้งหมดจึงถูกปัดเป่าออกไปได้อย่างง่ายดายจนหมดสิ้น
เมื่อทั้งสองออกจากห้องอีกครั้ง ฉู่จงเทียนบอกซูอันทันที “อาซู เราต้องขอบคุณมากสำหรับช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้”
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ข้ามีความสุขมากตราบใดที่ท่านพ่อตาไม่เกลียดข้า”
หน้าของฉู่จงเทียนแดงก่ำ “เป็นความเข้าใจผิดของข้าเอง คิดย้อนกลับไป มันอาจจะเป็นเพียงอีกแผนหนึ่งของซ่างหง คนคนนั้นฉลาดแกมโกงและเลวทรามจริง ๆ ข้าตกหลุมพรางของเขาจนได้”
ฉู่ฮวนเจาสับสน “ท่านพ่อกำลังพูดถึงอะไร?”
“ไม่มีอะไร!” ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูพูดพร้อมกัน
“พวกท่านทำตัวแปลก ๆ อีกแล้ว” ฉู่ฮวนเจาพึมพำ ความสนใจของนางเปลี่ยนไปที่อื่นอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ! เราได้เตรียมงานฉลองครั้งใหญ่นี้ไว้ให้ท่านแล้ว มานี่สิ!”
ตระกูลฉู่กลับมาเต็มไปด้วยความสงบสุขอีกครั้ง
โชคไม่ดีที่ความสุขนี้อยู่ได้ไม่นาน เช้าวันหนึ่ง กองทหารม้าหุ้มเกราะสีเหลืองสดใสพุ่งตรงเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลฉู่
“ผู้แทนพระองค์มาถึงแล้ว!”
ทุกคนในเมืองต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของกองทหารม้าเกราะสีเหลืองมันน่าตกใจเกินไป
สีเหลืองในโลกนี้เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ
นี่เป็นเหตุผลว่า แม้จะไม่มีใครในเมืองจันทร์กระจ่างเคยเห็นกองทหารหุ้มเกราะสีเหลืองมาก่อน แต่พวกเขาก็ยังรู้ทันทีว่าทหารเหล่านี้ทำหน้าที่ภายใต้คำสั่งขององค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน!
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทหารราชองค์รักษ์ถึงมาที่เมืองจันทร์กระจ่าง?”
“มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉู่”
“อ๋องฉู่ช่างน่าสงสาร วัน ๆ มีแต่เรื่องราวประดังประเดเข้าหาไม่หยุดหย่อน คราวนี้อะไรอีกล่ะเนี่ย?”
ในขณะที่ผู้คนบนท้องถนนกำลังคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูก็ยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก การมาถึงของผู้แทนพระองค์ทำให้พวกเขาตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้าแสดงความประมาท จึงรีบออกมาต้อนรับในทันที
ทหารสองแถวในชุดเกราะสีเหลืองสดใสยืนอยู่อย่างเรียบร้อยภายในลานของคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ชายวัยกลางคนยืนนิ่งอยู่ตรงกลาง คนรับใช้ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ได้เตรียมเก้าอี้ โต๊ะ และผลไม้ไว้ให้ผู้มาเยือนแล้ว
ผู้แทนพระองค์นั่งสบายขณะที่เคี้ยวองุ่นอย่างเพลิดเพลิน ผู้คนของคฤหาสน์ตระกูลฉู่นั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง พวกเขาทั้งหมดประหม่าจนไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมา
การปรากฏตัวของกองทหารราชองครักษ์นี้น่ากลัวเกินไป
ฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูตกตะลึงกับฉากตรงหน้าเช่นกัน สามีและภรรยามองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างรู้สึกถึงลางไม่ดี
ฉู่จงเทียนกระแอมไอและทักทายพวกเขา “ท่านแม่ทัพหลิว ข้าขอถามว่าท่านมาที่นี่ด้วยธุระอันใด?”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือหลิวเหย่า แม่ทัพแห่งกองทหารราชองครักษ์ ซึ่งประจำการอยู่ในเมืองหลวงและเป็นผู้บ่มเพาะจุดสูงสุดระดับเก้า รวมทั้งยังเป็นที่เคารพนับถือด้วยเหตุผลอื่นเช่นกัน เขาเป็นอาของจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน!
แม้ว่าเขาจะดูเหมือนอยู่ในวัยกลางคน แต่จริง ๆ แล้วเขาแก่กว่านั้นมาก
หลิวเหย่ากลืนองุ่นที่เคี้ยวอยู่ช้า ๆ เมื่อได้ยินคำทักทายของฉู่จงเทียน เขายังคงนิ่งเงียบ จากนั้นถ่มผิวองุ่นลงที่เท้าของฉู่จงเทียน
ฉินหว่านหรูโกรธมาก ชายผู้นี้ล้ำเส้นเกินไปแล้ว!
ฉู่จงเทียนรีบคว้ามือนางไว้เป็นการเตือนว่าอย่าหุนหันพลันแล่น
หลิวเหย่าพูดขึ้น “ข้าไม่คิดว่าอ๋องฉู่จะยังจำข้าได้ แม้จะพบข้าเพียงครั้งเดียวในเมืองหลวงก็ตาม”
ฉู่จงเทียนยิ้ม “แม่ทัพหลิวเป็นผู้กล้าหาญ ใคร ๆ ก็จำท่านได้เพียงแค่มองครั้งเดียว”
หลิวเหย่าหัวเราะเสียงดังลั่น “มีข่าวลือว่าอ๋องฉู่เป็นคนซื่อสัตย์และมีน้ำใจ แต่ข้าคิดว่าเจ้าค่อนข้างเป็นคนเจ้าเล่ห์”
เขามองประเมินร่างกายของฉินหว่านหรู ข่าวลือเป็นความจริง ภรรยาของอ๋องฉู่มีรูปร่างโค้งมนและสวยงามอย่างไร้ที่ติ
ฉินหว่านหรูขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองที่หยาบคายของเขา นางรู้สึกขุ่นเคือง แต่ทหารราชองครักษ์กับตัวตนของชายผู้นี้ ทำให้นางทำได้เพียงอดทนและพูดว่า “เหตุใดท่านหลิวถึงมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่พร้อมทหารจำนวนมากในวันนี้?”
“ขอบคุณมากสำหรับการเตือนความจำ! ข้าคงจะลืมไปหากเจ้าไม่ได้ทัก!” หลิวเหย่าตบหน้าผากของตัวเองแล้วหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว “มีคนรายงานต่อราชสำนักว่ากรรมาธิการค้าเกลือมณฑลหลินชวนได้ก่อหนี้ก้อนโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลฉู่ของท่านถูกกล่าวหาว่าติดสินบนเจ้าหน้าที่!”
ทั้งฉู่จงเทียนและฉินหว่านหรูตกตะลึง ร่างกายของพวกเขาเย็นเฉียบในทันที ความลับที่พวกเขาปกปิดมานานหลายปีถูกเปิดเผยในที่สุด
แน่นอนว่าข้อกล่าวหานี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสารภาพผิด นอกจากนี้ ตระกูลฉู่ก็ไม่เคยโลภในเงินจำนวนนี้เช่นกัน
ฉู่จงเทียนกล่าวว่า “ตระกูลฉู่ของเราดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาเสมอ เราจะไม่ทำอะไรแบบนั้น ท่านหลิวไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน?”
หลิวเหย่าหัวเราะ “อ๋องฉู่…จักรพรรดิจะไม่มีวันส่งข้ามาที่นี่หากไม่มีหลักฐานเพียงพอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะปฏิเสธได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ”
ฉินหว่านหรูก็พูดขึ้นเช่นกัน “ข้าขอถามแม่ทัพหลิว ท่านบอกว่ามีคนแจ้งความต่อราชสำนัก มันคือใคร? บางทีอาจเป็นข้อมูลเท็จก็ได้”
“ฮูหยินฉู่คิดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างนั้นรึ? หรือต้องการจะบอกว่าจักรพรรดิจงใจใส่ร้ายท่าน?” หลิวเหย่าเย้ยหยัน
ฉินหว่านหรูกล่าวด้วยเสียงต่ำ “แน่นอนว่าข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ตระกูลฉู่ได้ก่อตั้งตัวเองในเมืองจันทร์กระจ่างมาหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้นเราอาจทำให้คนบางคนขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัว อาจเป็นคนที่พยายามใส่ร้ายเรา!”
“ช่างเถอะ ต่อให้บอกไปก็ไม่เสียหายอะไร” หลิวเหย่าจะไม่สนใจถ้าเป็น ฉู่จงเทียนที่พูดกับเขา แต่เนื่องจากเป็นคนสวยที่ถามเขาเรื่องนี้ จึงยอมตามใจตัวเองด้วยการพูดคุยกับนางต่อไป
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ใครบางคนที่อยู่ข้างนอก “เข้ามา!”