ตอนที่ 570 บุตรอนุปกป้องบุตรภรรยาเอก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 570 บุตรอนุปกป้องบุตรภรรยาเอก

ทว่า หากมองถึงสถานการณ์โดยรวม…ไป๋ชิงเหยียนมองเหตุการณ์ได้กว้างไกลกว่าฟางเหล่ามาก

ไป๋ชิงเหยียนนำทัพออกรบได้ วางแผนออกอุบายให้เขาได้ เขาต้องใช้คนเช่นนี้ อีกทั้งซื้อใจนางให้ได้!

ทว่า…ต้องป้องกันเอาไว้ด้วย

รัชทายาทคิดถึงตรงนี้แล้วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ โชคดีที่ไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงสตรี มิเช่นนั้นเขาคงไม่ไว้ใจใช้ไป๋ชิงเหยียนเช่นนี้

“เฉวียนอวี๋ เจ้านำยารักษาแผลชั้นดีของเราไปมอบให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วที กล่าวว่าแม้เราจะเมาก็ยังจำได้ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้รับบาดเจ็บที่ใบหูจึงสั่งให้เจ้านำยาไปให้นาง จากนั้นส่งคนไปดูแลองค์หญิงเจิ้นกั๋วให้ดีด้วย เข้าใจหรือไม่” รัชทายาทหันไปมองเฉวียนอวี๋ที่กำลังนวดบ่าให้เขาอยู่

เมื่อเฉวียนอวี๋ได้ยินว่ารัชทายาทสั่งให้เขาไปหาไป๋ชิงเหยียนจึงรับคำอย่างยินดี เขาเดินไปเลือกยารักษาบาดแผลชั้นดี จากนั้นนึกขึ้นได้ว่าไป๋ชิงเหยียนทานอาหารไปเพียงนิดเดียว เขาจึงไปนำของว่างจากโรงครัวเพิ่งทำเสร็จไปให้ไป๋ชิงเหยียนด้วย

ผู้ใดจะคิดว่าเฉวียนอวี๋ยังไม่ได้เข้าใกล้ที่พักก็ถูกหลูผิงขวางไว้เสียก่อน

หลูผิงทำความเคารพเฉวียนอวี๋ยิ้มๆ เฉวียนอวี๋กงกง องค์รัชทายาททรงเรียกคุณหนูใหญ่ไปพบอย่างนั้นหรือ คุณหนูใหญ่พักผ่อนแล้ว…”

“คุณหนูใหญ่พักผ่อนแล้วอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเฉวียนอวี๋ไม่รบกวนแล้วขอรับ” เฉวียนอวี๋ยื่นกล่องอาหารสีดำในมือให้หลูผิงยิ้มๆ “ในนี้มียารักษาแผลชั้นดีที่องค์ชายสั่งให้บ่าวนำมาให้องค์หญิงเจิ้นกั๋ว แล้วก็มีของว่างอีกสองสามอย่าง เมื่อครู่บ่าวเห็นว่าองค์หญิงเสวยอาหารไปเพียงนิดเดียว เกรงว่าอาหารคงไม่ถูกปาก ของว่างล้วนทำมาจากมังสวิรัตทั้งนั้นขอรับ”

หลูผิงรับกล่องมาพลางโค้งกายทำความเคารพเฉวียนอวี๋ “ลำบากเฉวียนอวี๋กงกงแล้ว”

“เป็นเรื่องสมควรแล้ว!” เฉวียนอวี๋กล่าวจบไม่ได้รีบร้อนจากไป เขาชี้ไปที่ใบหูของตัวเองด้วยท่าทีลังเล จากนั้นเอ่ยถามต่อ “บาดแผลขององค์หญิงเจิ้นกั๋วหนักมากหรือไม่ขอรับ”

ใบหน้าของเฉวียนอวี๋เต็มไปด้วยความกังวล หลูผิงนิ่งอึ้ง ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบก็ได้ยินเฉวียนอวี๋กล่าวต่อ “องค์ชายทรงเป็นห่วงองค์หญิงเจิ้นกั๋วมากขอรับ”

หลูผิงพยักหน้า “เฉวียนอวี๋กงกงโปรดทูลให้องค์ชายทรงไม่ต้องกังวล เป็นแค่บาดแผลเฉียดเล็กน้อยเท่านั้น”

“เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ! ดีแล้ว!” เฉวียนอวี๋ทำความเคารพหลูผิง

“เฉวียนอวี๋เดินกลับระวังด้วยขอรับ” หลูผิงโค้งกายให้เฉวียนอวี๋

มองส่งเฉวียนอวี๋พานางกำนัลและขันทีเดินจากไป หลูผิงจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

บัดนี้คุณหนูใหญ่กำลังสนทนาอยู่กับฉินซ่างจื้อ คุณหนูใหญ่ให้เขาไปตามฉินซ่างจื้อมาพบ หลูผิงเดาว่าคุณหนูใหญ่เห็นฉินซ่างจื้อผอมซูบในเวลาไม่นานเช่นนี้จึงอยากดึงฉินซ่างจื้อมาเป็นพวก

หลูผิงคิดว่าคุณหนูใหญ่คงทำไม่สำเร็จ เขารู้จักฉินซ่างจื้อดี คนผู้นี้ไม่เลือกเจ้านายง่ายๆ หากเลือกแล้วจะคนผู้นั้นเป็นนายตลอดชีวิต

ตอนที่หลูผิงเข้าร่วมกองทัพไป๋ เขาเคยชวนฉินซ่างจื้อมาอยู่กับไป๋ฉีซาน ทว่า ฉินซ่างจื้อกล่าวว่าตระกูลไป๋มีความดีความชอบมากเกินไป มีความซื่อตรงและตรงไปตรงมาเกินไป ไป๋เวยถิงแต่งงานกับองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน ไว้ใจในตัวของฮ่องเต้มาก วันหนึ่งต้องจบชีวิตลงเพราะราชวงศ์ หากเขาเลือกเจ้านายแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนใจ เขาไม่อยากล่มไปกับเรือลำเดียวกันกับตระกูลไป๋

ตอนนั้นหลูผิงไม่ได้ใส่ใจคำกล่าวของฉินซ่างจื้อ จนเมื่อบุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงที่หนานเจียง คุณหนูใหญ่ตีกลองร้องทุกข์ขอให้ฮ่องเต้คืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋ หลูผิงจึงนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ฉินซ่างจื้อเคยกล่าวไว้ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด

ฉินซ่างจื้อเป็นคนหัวรั้น หนทางที่เขาเลือกแล้ว ต่อให้เป็นทางที่อับแสงก็จะดึงดันเดินไปจนสุดท้าย เมื่อตัดสินใจทำสิ่งใดไปแล้ว เขาไม่มีทางกลับหลังหันแน่นอน

หลูผิงไม่อยากให้คุณหนูใหญ่เสียเวลากับคนผู้นี้ เขาจึงกล่าวโน้มน้าวหญิงสาว ทว่า คุณหนูใหญ่กลับกล่าวว่าฉินซ่างจื้อจะตอบรับหรือไม่เป็นเรื่องของเขา พวกเรามีหน้าที่เปิดโอกาสให้เขาเท่านั้น

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้หลูผิงเริ่มคล้อยตาม เขาจึงแอบไปตามฉินซ่างจื้อมาพบคุณหนูใหญ่

ฉินซ่างจื้อที่ร่างซูบผอมนั่งอยู่หน้าโต๊ะสี่เหลี่ยม เขามองไปทางไป๋ชิงเหยียนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผ่านแสงไฟจากตะเกียงที่ตั้งอยู่ตรงกลาง

เพราะบอกกับคนภายนอกว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วนอนหลับพักผ่อนแล้วจึงจุดตะเกียงในห้องได้เพียงตะเกียงเดียว ไฟสีเหลืองอ่อนส่องกระทบใบหน้าสมบูรณ์แบบของไป๋ชิงเหยียน ดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาวลึกล้ำและนิ่งขรึม ทว่า ไม่รู้เพราะเหตุใดดวงตาที่นิ่งขรึมคู่นี้ถึงทำให้ฉินซ่างจื้อรู้สึกหวั่นๆ

หากก่อนที่หลูผิงจะตามฉินซ่างจื้อมาพบไป๋ชิงเหยียน ฉินซ่างจื้อจะพอเดาจุดประสงค์ของไป๋ชิงเหยียนได้ ทว่า บัดนี้ทุกอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่าไป๋ชิงเหยียนมีใจคิดกบฏจริงๆ

ที่ไป๋ชิงเหยียนยอมกลายเป็นพวกของรัชทายาทไม่ใช่เพราะนางสวามิภักดิ์ต่อรัชทายาท ทว่า เป็นเพราะนางคือทายาทตระกูลไป๋ ก้นบึ้งของหัวใจนางมีความเมตตาและคุณธรรม นางไม่อาจทนเห็นรัชทายาทใช้วิธีชั่วร้ายในการรักษาตำแหน่งรัชทายาทได้ อีกทั้งนางต้องการหลอกใช้รัชทายาทด้วย

แล้ววันข้างหน้าเล่า หากไป๋ชิงเหยียนสยายปีกได้เต็มที่ หญิงสาวจะต่อสู้กับรัชทายาทเพื่อพิสูจน์ว่าดาบของผู้ใดรวดเร็วกว่า ผู้นั้นจะได้ครอบครองบัลลังก์นั่นอย่างนั้นหรือ

เขาประมาทเอง เขาคิดว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง เขาลืมคิดไปว่าปณิธานของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้หยุดอยู่ที่เรือนหลังดั่งสตรีทั่วๆ ไป คำกล่าวที่ว่าจะปกป้องคุ้มครองแผ่นดินและชาวบ้านต้าจิ้นที่นางกล่าวกับเขาตอนออกไปส่งเขาที่นอกเมืองทำให้เลือดกายของเขาพุ่งพล่าน!

เขาไม่ควรใช้มุมมองของสตรีตัดสินสตรีอย่างไป๋ชิงเหยียน เขาควรจะรู้ว่าผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงมักจะมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่

ฉินซ่างจื้อลุกขึ้นยืนคำนับไป๋ชิงเหยียน “ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่ไป๋ที่ให้ความสำคัญกับข้า ข้ามีความสามารถและสติปัญญาอย่างจำกัด คงรับความหวังดีของคุณหนูใหญ่ไป๋ไว้ไม่ได้ขอรับ”

“ในเมื่อฉินเซียนเซิงเรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่ไป๋ แสดงว่าท่านไม่ได้ขีดเส้นจำกัดฐานะที่แตกต่างระหว่างเรา อีกทั้งเป็นคนเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า” ไป๋ชิงเหยียนสาดน้ำชาที่เย็นเฉียบแล้วของฉินซ่างจื้อทิ้ง เทชาร้อนถ้วยใหม่ให้ จากนั้นดันถ้วยชาไปตรงหน้าฉินซ่างจื้อ สื่อให้ฉินซ่างจื้อนั่งลง

“ที่ข้าให้ลุงผิงไปเรียกฉินเซียนเซิงมาพบในวันนี้เพราะข้าเสียดายความสามารถของท่านและคิดถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่า! ฉินเซียนเซิงอยู่ข้างกายรัชทายาทมานานเช่นนี้ ฉินเซียนเซิงยังดูไม่ออกอีกหรือเจ้าคะ ฉินเซียนเซิงเป็นวิญญูชน หากไม่เรียนรู้หนทางที่คดเคี้ยว ไม่รู้จักการประนีประนอม ฉินเซียนเซิงไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้หรอก”

ฉินซ่างจื้อกำหมัดที่แนบข้างลำตัวแน่น ขบกรามแน่นพลางนั่งลง

“เซียนเซิงไม่ยอมจากไปกับข้า ข้าอยากถามเซียนเซิงสักคำว่าเหตุใดจึงจงรักภักดีต่อรัชทายาทเจ้าคะ เพราะสายเลือดสีเงิน หรือเพราะราชวงศ์หลินคือเจ้าของแคว้นต้าจิ้นเจ้าคะ ในสายตาของเซียนเซิง บุตรภรรยาเอก บุตรอนุ ความสูงส่ง ความต่ำศักดิ์ ถูกกำหนดมาแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”

แสงไฟที่ริบหรี่ส่องกระทบไปยังดวงตาของไป๋ชิงเหยียน ทว่า ไม่ได้ทำให้ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้น

“คุณหนูใหญ่ไป๋ ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนมีกฎเกณฑ์ของมัน ยกตัวอย่างเช่นคุณหนูใหญ่ไป๋…คุณหนูเกิดมาเป็นหลานสาวคนโตของจวนเจิ้นกั๋วกง แม้เป็นเพียงสตรี ทว่า ได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยง ส่วนคุณหนูคนอื่นๆ ในจวนไป๋กลับไม่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยง เหตุใดเจิ้นกั๋วอ๋องถึงอบรมเลี้ยงดูคุณหนูใหญ่มากับมือด้วยตัวเอง เหตุใดเขาจึงไม่อบรมเลี้ยงดูบรรดาบุตรอนุในจวนไป๋ขอรับ หากบนโลกนี้ไม่มีความแตกต่างระหว่างบุตรอนุและบุตรภรรยาเอก เหตุใดจึงมีกฎของตระกูลไป๋ที่ว่าบุตรอนุต้องปกป้องบุตรภรรยาเอกขอรับ”