ตอนที่ 1165 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (6) / ตอนที่ 1166 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (7)
ตอนที่ 1165 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (6)
ทันทีที่จวินอู๋เสียกระโจนลงด้านล่าง เจ้าแมวดำตัวน้อยที่อยู่บนไหล่นางก็ขยายร่างกลางอากาศและกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายสีดำที่ดุร้ายและสง่างาม
มันพุ่งเข้าใส่พวกทหารราวกับเสือที่ดุร้ายและหิวโซที่เพิ่งลงมาจากภูเขา
จวินอู๋เสียปรากฏตัวขึ้นกลางกองทัพฝ่ายข้าศึกที่กำลังตื่นตระหนก พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินของนางเปล่งแสงเจิดจ้า ดวงตาเย็นชาคมกริบราวกับใบมีด นางพุ่งเข้าสังหารทหารฝ่ายข้าศึกพร้อมกับสัตว์ร้ายสีดำที่ดุร้ายตัวนั้น!
ร่างที่เปล่งแสงสีน้ำเงินตัดผ่านพวกทหารหลายพันคนราวกับเคียวสีน้ำเงิน นางสังหารพวกคนที่มือเปื้อนโลหิตของทหารกองทัพรุ่ยหลินอย่างบ้าคลั่ง
จวินอู๋เย่าลอยอยู่กลางอากาศ เขาเอื้อมมือไปเปิดถุงผ้าขนาดใหญ่ที่ห้อยอยู่ที่สะโพกของเขา
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับกระต่ายโลหิตโผล่หัวออกมาจากถุงผ้านั้นอย่างอยากรู้อยากเห็น
“แบ๊ะ” ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมองไปที่กลุ่มคนด้านล่าง ในวันที่จวินเสีย ‘แต่งงาน’ กับชวีหลิงเย่ว์ ชวีเหวินเฮ่าถูกทำให้กลับมามีสติชั่วคราว เขาได้ถอนการควบคุมของขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณที่ควบคุมใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเอาไว้ออกในวันนั้น
“ปู้” กระต่ายโลหิตดึงหูใหญ่ๆ ทั้งสองข้างของมันและมองดูจวินอู๋เสียพุ่งเข้าสังหารคนกลุ่มใหญ่ ขนของมันกลายเป็นสีแดงโลหิตทันที และดวงตาสีโลหิตของมันก็ทอแววกระหายเลือด!
“ไป” จวินอู๋เย่าดึงสัตว์วิญญาณโง่ทั้งสองออกจากถุง ตอนที่จวินอู๋เสียประกาศว่าพวกเขาจะล่วงหน้ามาก่อน เขาก็ตัดสินใจเองเลยว่าจะพาเจ้าสองตัวนี้มาด้วย
ให้กองทัพพันธมิตรทั้งสามรัฐได้ลิ้มรสชาติความน่าสะพรึงกลัวและความหายนะที่สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติพวกนี้สามารถทำได้!
ทันทีที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับกระต่ายโลหิตถูกโยนลงมา แสงสว่างจ้าสองดวงก็ระเบิดขึ้นกลางอากาศ!
ลูกบอลแสงเล็กๆ ขยายตัวออกราวกับพระอาทิตย์เล็กๆ สองดวงที่ตกลงมาจากสวรรค์ สว่างจ้าจนทำให้ทุกคนมองอะไรไม่เห็น!
วินาทีต่อมา!
สัตว์วิญญาณขนาดยักษ์สองตัวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกทหาร สัตว์วิญญาณสีขาวขนาดยักษ์ที่เป็นร่างแปลงของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะหล่นลงพื้นและบดขยี้ทหารฝ่ายข้าศึกไปนับไม่ถ้วนในทันที กระต่ายโลหิตตัวเล็กกว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะมาก แต่ความเร็วของมันนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง มันเหมือนสายฟ้าสีแดงที่พุ่งผ่านกลุ่มทหารและทิ้งรอยโลหิตเอาไว้เป็นทางยาว
พอสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติสองตัวเข้าร่วมวง ทั้งสนามรบก็วุ่นวายโกลาหลราวกับเกิดกลียุคขึ้นอย่างรวดเร็ว!
แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วนั่งอยู่บนหลังม้าที่แนวหลัง เขามองความวุ่นวายในสนามรบอย่างอึ้งๆ
เขาไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองเลยจริงๆ ความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้ของเขาเป็นเพราะอำนาจทางการทหารของรัฐเหยียนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้ทั้งๆ ที่ไม่เห็นกองทัพของรัฐเหยียนเลยแม้แต่เงา มีเพียงฮ่องเต้ของรัฐเหยียนเพียงคนเดียวกับสัตว์วิญญาณอีกสองตัวก็ทำให้ทั้งสนามรบเกิดกลียุคขนาดนี้ได้! และยังพายุหมุนที่ซ้อนทับกันอยู่หน้าเมืองหลวงนั่นอีก พวกเขาจะเข้าไปโจมตีเมืองได้อย่างไร
ส่วนไอ้ ‘นายท่านหลินเซียว’ สุดจองหองที่มองทุกคนด้วยสายตาดูถูกนั่นก็หายหัวไปแล้วหลังจากถูกชายหนุ่มหน้าตางดงามสมบูรณ์แบบคนนั้นโจมตีเข้าไปแค่ครั้งเดียว ความหวาดกลัวคืบคลานเข้ามาในหัวใจของเขาและแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง!
แค่คนสองคนเท่านั้น!
แค่สองคนเท่านั้นเอง!
แต่พวกเขาก็ปกป้องรัฐชีได้ราวกับเป็นกำแพงเหล็กหนาที่ไม่สามารถผ่านไปได้
ต่อหน้าพลังที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ ใครจะสามารถต่อต้านพวกเขาได้กัน!
ทหารเกือบสามล้านคนของกองทัพฝ่ายศัตรูและการบุกโจมตีของพวกเขาถูกหยุดลงด้วยจวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่าเท่านั้น ตลอดการต่อสู้จวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่าไม่มีรอยขีดข่วนเลยสักนิด ฝ่ายที่มีคนเจ็บคนตายมากมายกลับเป็นทางกองทัพพันธมิตรทั้งสามรัฐแทน!
มือที่จับสายบังเหียนของแม่ทัพใหญ่รัฐจิ้วเริ่มสั่นระริก
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินที่อายุสิบห้าปี! กับชายหนุ่มที่แข็งแกร่งขนาดจัดการผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้ในพริบตา! และสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติอีกสองตัว จะคาดหวังให้พวกเขาสู้ต่อในสงครามครั้งนี้ได้อย่างไร!
ตอนที่ 1166 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (7)
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่แม่ทัพใหญ่รัฐจิ้วจะได้สติจากความตกใจ แสงสว่างก็วาบขึ้นที่นิ้วของจวินอู๋เสีย!
ร่างสีขาวอีกร่างปรากฏตัวขึ้นกลางกลุ่มทหารและก่อพายุนองเลือดขึ้นอีกลูก!
จวินอู๋เสียเรียกบัวหิมะมัวเมาออกมา และการฆ่าก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น!
ในเมืองหลวงของรัฐชี ทหารทุกคนที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองยืนตะลึงงันเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ทำไมจู่ๆ ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนถึงมาช่วยพวกเขา
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากขึ้นก็คือฮ่องเต้ที่ดูเด็กมากคนนั้นสามารถดุร้ายได้ถึงขนาดนั้นทันทีที่เขาลงมือโจมตี
พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงิน!
นั่นคือพลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงิน!
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินที่อายุสิบห้าปี! เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไปสำหรับพวกเขาทุกคน!
ภาพที่น่าตกใจที่สุดก็คือสัตว์วิญญาณขนาดยักษ์ทั้งสอง!
ไม่ว่าจะดูจากพลังโจมตีหรือขนาดตัวอันใหญ่ยักษ์ของพวกมัน ก็เดาได้ง่ายๆ ว่าพวกมันคือสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติอย่างแน่นอน
สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติหนึ่งตัวก็หายากมากอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงตัวที่คอยอยู่เคียงข้างมนุษย์เลย มีไม่กี่คนเท่านั้นแหละที่ได้เห็น! แต่ฮ่องเต้น้อยแห่งรัฐเหยียนพระองค์นี้กลับมีสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติถึงสองตัวซึ่งมันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขา
แม้แต่เมืองพันอสูรที่มีชื่อเสียงด้านการฝึกสัตว์วิญญาณก็ทำได้แค่ใช้สมบัติในตำนานของเมือง ‘ขลุ่ยกระดูกควบคุมวิญญาณ’ มาฝึกสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติหนึ่งตัวเท่านั้น การที่สามารถทำให้สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติสองตัวทำตามคำสั่งได้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเกินไปและไม่เคยได้ยินมาก่อน!
ทหารของรัฐชีตกใจและประหลาดใจมาก ประชาชนในเมืองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสวรรค์จะมอบแสงแห่งความหวังให้แก่พวกเขาในช่วงเวลาสุดท้ายเช่นนี้
มีเพียงกองทัพรุ่ยหลินเท่านั้น…
มีแค่ทหารของกองทัพรุ่ยหลินเท่านั้นที่มองผ่านประตูที่แตกหักออกไป ผ่านกำแพงสายลมนั้น จับจ้องไปยังร่างเล็กๆ ที่อยู่บนหลังของสัตว์ร้ายสีดำ
ตอนนั้นเองบุรุษที่มีจิตใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวทั้งกลุ่มก็พบว่าดวงตาของตัวเองกำลังแดงก่ำ
คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าฮ่องเต้น้อยแห่งรัฐเหยียนเป็นใคร แต่คนของกองทัพรุ่ยหลินรู้จักคนผู้นั้นดีกว่าใคร!
สัตว์ร้ายสีดำตัวใหญ่ที่มีเส้นสีทองคาดที่หน้าอกเป็นตัวเดียวกับสัตว์วิญญาณของคุณหนูใหญ่ของพวกเขาไม่ใช่หรือ!
ในโลกนี้คนที่ขี่บนหลังสัตว์ร้ายสีดำแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้นคือคุณหนูใหญ่แห่งกองทัพรุ่ยหลิน!
จวินอู๋เสีย!
คุณหนูใหญ่ของพวกเขากลับมาแล้ว!
ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขากลับมาแล้ว!
เมื่อรู้เช่นนั้นก็ทำให้ทหารกองทัพรุ่ยหลินทุกคนที่เตรียมตัวสู้ตายในการรบครั้งสุดท้ายของพวกเขารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง!
“ทุกคน ตามข้ามา! เราจะยืนดูอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนสู้ในสนามรบของพวกเราเองไม่ได้!” หลงฉีเป็นคนแรกที่ได้สติ เขาพุ่งออกไปนอกประตูเมืองทันทีพร้อมกับชูหมัดขึ้นตะโกนเรียกพวกพ้อง!
เขารู้ จวินอู๋เสียไม่มีวันทิ้งกองทัพรุ่ยหลิน ไม่มีวันทิ้งรัฐชี ถึงนางจะกลายเป็นฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน นางก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเขา!
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” ดวงตาของทหารกองทัพรุ่ยหลินทุกคนมีแววสังหาร พวกเขาพร้อมที่จะออกไปต่อสู้เคียงข้างจวินอู๋เสีย
แต่จวินอู๋เย่าที่ลอยอยู่เหนือกำแพงเมืองหันหน้ามามองทหารกองทัพรุ่ยหลินสองหมื่นกว่าคนที่รวมตัวอยู่ใกล้ๆ ประตูทันที เขายิ้มบางๆ ให้แล้วพูดว่า “โทษที ข้าปล่อยให้พวกเจ้าออกไปไม่ได้หรอก”
“คุณชายอู๋เย่า! โปรดเปิดทางให้พวกเราด้วยเถอะขอรับ! ให้พวกเราออกไปช่วยเถอะ!” หลงฉีอ้อนวอนขณะที่มองจวินอู๋เย่า พวกเขาจะปล่อยให้จวินอู๋เสียสู้คนเดียวไม่ได้
จวินอู๋เย่าตอบพร้อมกับยิ้มว่า “ไม่”
“ทำไมเล่าขอรับ” หลงฉีถามอย่างจนปัญญา
“ข้าไม่อยากให้เสี่ยวเสียเอ๋อร์เจ็บปวดมากไปกว่านี้ กองทัพรุ่ยหลินเหลืออยู่ไม่มากแล้ว หากสูญเสียมากไปกว่านี้นางคงร้องไห้” จวินอู๋เย่าพูดและหันกลับไปมองจวินอู๋เสียที่ยังคงไล่ฆ่าไม่หยุด