บทที่ 585 อายุแปดหมื่นปี เขาเทพปู้โจว

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 585 อายุแปดหมื่นปี เขาเทพปู้โจว

“เรื่องจัดการเผ่าปีศาจ เผ่าสวรรค์ยินดีลงแรงมากแค่ไหน” หวงจุนเทียนถาม

สำหรับเผ่ามาร หวงจุนเทียนรู้สึกขัดตามาโดยตลอด รู้สึกว่าเผ่าปีศาจชั่วช้าเกินไป ไม่ควรได้เชิดหน้าชูตา

ศิษย์นิกายเจี๋ยตอบว่า “เผ่าสวรรค์ยินดีส่งจักรพรรดิเซียนห้าร้อยคนไปโจมตีเผ่าปีศาจหลังจากที่นิกายเจี๋ยเปิดศึกกับเผ่าปีศาจขอรับ”

จักรพรรดิเซียนห้าร้อยคน…

หวงจุนเทียนขมวดคิ้ว ในใจเขาผิดหวังอยู่บ้าง จักรพรรดิเซียนห้าร้อยคนอาจสร้างปัญหาให้ระดับเทพได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับต้าหลัว ก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาเลย

แต่เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ยิ่งเผ่าสวรรค์ออกแรงน้อยเท่าไร ยามถึงเวลาแบ่งปันผลประโยชน์ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น

“อืม เจ้าลงไปก่อนเถอะ”

“ขอรับ!”

หลังจากศิษย์นิกายเจี๋ยจากไป หวงจุนเทียนก็ทอดสายตามองภาพการเทศนาธรรมที่อยู่ไกลๆ ต่อไป

เรื่องทำศึกกับเผ่าปีศาจไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เขาจำเป็นต้องวางแผนให้ดี ไม่มีทางปล่อยให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นเดียวกับโลกมนุษย์เมื่อหลายหมื่นปีก่อนขึ้นอีก

แต่หากว่ากันในอีกมุมหนึ่ง เขาได้พบพานอริยะแล้ว

มิเช่นนั้นอาจจะพ่ายแพ้ไปแล้วจริงๆ

หวงจุนเทียนก็เหมือนคนอื่นๆ คิดว่าเดิมทีหานเจวี๋ยก็เป็นอริยะอยู่แล้ว เพียงกลับชาติมาเกิดเพื่อหาประสบการณ์เท่านั้น

หวงจุนเทียนหันหลังกลับเข้าไปในอารามเต๋า เขาเผยรอยยิ้มเชื่อมั่นและคาดหวังออกมา

ตอนนี้ สิ่งที่เขาอยากไขว่คว้ามีไม่มากแล้ว

สิ่งที่สามารถทำให้เขายอมทุ่มเททุกสิ่งได้เหลือแค่ตำแหน่งอริยะเท่านั้น!

….

วันเวลาล่วงเลยไป

เวลาผ่านมากว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีแล้ว

[ตรวจสอบพบว่าท่านอายุครบแปดหมื่นปีบริบูรณ์ ชีวิตก้าวหน้าไปอีกขั้น ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง เผยตัวทันที มุ่งสู่แดนเทพหวนปัจฉิม แสวงหามหามรรค จะได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ ไม่ออกนอกขอบเขตมรรคาสวรรค์ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สบถด่าว่าเจ้าระบบสุนัข

คิดจะล่อลวงข้าให้ออกไปอีกแล้ว!

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที

เขาไม่มีทางออกนอกมรรคาสวรรค์แน่นอน

มรรควิถีที่หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญคือการขยายขอบเขตพื้นที่ของตนออกไปอย่างต่อเนื่อง มิใช่การออกไปร่อนเร่ในต่างดินแดน

[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ของล้ำค่าฟ้าดินแบบสุ่มหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วยท่านได้รับเขาเทพปู้โจว]

[เขาเทพปู้โจว: ก่อกำเนิดขึ้นจากกระดูกสันหลังของเทพยักษาผานกู่ ผลิตปราณฟ้าประทานได้ สามารถเพิ่มพูนดวงชะตามรรคาสวรรค์ได้ ขอเพียงโยนมันลงบนพื้น จะเกิดการวิวัฒนาการขึ้นด้วยตัวเอง]

หานเจวี๋ยตะลึงงัน

ระบบผลิตเขาเทพปู้โจวได้ด้วยหรือ

ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เขาเทพปู้โจวถูกบรรพชนจอมเวททำลายล้าง หลังจากนั้น สรรพสิ่งก็ไม่ได้เห็นเขาเทพปู้โจวอันเกรียงไกรอีกเลย

หานเจวี๋ยนำมันออกมา เขาลูกน้อยลอยอยู่ในมือ ไม่รู้สึกถึงความหนักอึ้งเลยแม้แต่น้อย

ของเล่นชิ้นนี้จะมีประโยชน์อันใด

ตอนนี้หานเจวี๋ยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาของล้ำค่าฟ้าดินเพื่อเสริมพลังวิญญาณให้อาณาเขตเต๋าแล้ว ตัวอาณาเขตเต๋าก็ผลิตพลังวิญญาณได้มากมายเช่นกัน

ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นว่าของเล่นชิ้นนี้สามารถเพิ่มพูนดวงชะตามรรคาสวรรค์ได้

เขาเกิดความคิดขึ้นมาทันที

เขาเข้าฝันหลี่เต้าคง เรียกตัวอีกฝ่ายกลับมา

ครึ่งวันผ่านไป หลี่เต้าคงมาถึงด้านนอกเขตเซียนร้อยคีรี จากนั้นก็ถูกหานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายเข้ามาในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยนำเขาเทพปู้โจวออกมา เอ่ยว่า “สิ่งนี้คือเขาเทพปู้โจว เจ้าจงนำมันไป เลือกสถานที่กว้างขวางสักแห่งวางมันลงไป จะทำให้เจ้าได้รับดวงชะตามรรคาสวรรค์ ครอบครองมันไว้ให้ดี นี่คือก้าวแรกสู่การสำเร็จอริยะของเจ้า”

หลี่เต้าคงตะลึงงัน ตำนานเกี่ยวกับเขาเทพปู้โจวเขาก็เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน

เจ้าสำนักไปได้เขาเทพปู้โจวมากจากที่ใดกัน

หลี่เต้าคงตกตะลึง ยื่นมือไปรับเขาเทพปู้โจวมาตามสัญชาตญาณ

“นับจากนี้ไป เจ้าคือเจ้าของเขาเทพปู้โจว เจ้าจะทำอะไรกับมันก็ได้” หานเจวี๋ยเอ่ยกลั้วหัวเราะ

หลี่เต้าคงถาม “ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด”

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “หากมีสิ่งมีชีวิตมุ่งหน้าไปขอกราบเจ้าเข้าสู่เขาเทพปู้โจว เจ้าจะรับไว้ก็ได้ เสริมสร้างดวงชะตาของตน หากไร้ผลกุศล ก็ยากจะพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะได้ แน่นอน หากว่าเจ้าอยากอาศัยพลังพิสูจน์มรรค ก็ย่อมได้ แต่ต้องใช้เวลานานแค่ไหนข้าก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อริยะทุกรายล้วนอาศัยปราณม่วงมรรคาสวรรค์เพื่อสำเร็จเป็นอริยะ ผู้บำเพ็ญที่อาศัยพลังพิสูจน์มรรคมีน้อยนิดเหลือเกิน”

หลี่เต้าคงไม่มีระบบ และมิใช่เทพมารอนธการ หานเจวี๋ยไม่มั่นใจเลยจริงๆ ว่าเขาจะสามารถอาศัยพลังพิสูจน์มรรคได้

ต่อให้เขามีคุณสมบัติระดับนี้ เขาก็สลัดบ่วงกรรมมรรคาสวรรค์ไม่พ้น

สาเหตุที่หานเจวี๋ยสามารถทำได้ นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยพึ่งพามรรคาสวรรค์เลย ฝึกบำเพ็ญอยู่ในอาณาเขตเต๋าของระบบมาโดยตลอด มรรคาสวรรค์ไม่อาจผูกมัดเขาได้

“ข้าทราบแล้วขอรับ”

หลี่เต้าคงเอ่ยเสียงขรึม ในใจเต็มไปด้วยความตื้นตัน

หานเจวี๋ยต้องการเกื้อหนุนให้เขาสำเร็จเป็นอริยะจริงๆ

หานเจวี๋ยโบกแขนเสื้อ เคลื่อนย้ายหลี่เต้าคงออกไป

ปูเส้นทางเรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับหลี่เต้าคงแล้ว

หานเจวี๋ยหวังว่าหลี่เต้าคงจะสามารถครอบครองมรรคาสวรรค์แต่เพียงผู้เดียวได้ เช่นนั้นเขาก็สามารถควบคุมมรรคาสวรรค์ได้ ไม่ถูกมรรคาสวรรค์ถ่วงรั้งมือเท้า

….

เจ็ดสิบสี่ปีต่อมา

“ข้าหลี่เต้าคงผู้พิทักษ์หลักแห่งสำนักซ่อนเร้น บัดนี้ได้ฟื้นฟูเขาเทพปู้โจวขึ้นอีกครั้ง เสริมสร้างดวงชะตามรรคาสวรรค์ ผู้ฝึกกระบี่ทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกาต่างสามารถมาแสวงหามรรคกระบี่ที่เขาเทพปู้โจวได้!”

เสียงของหลี่เต้าคงพลันแว่วดังไปทั่วปวงสวรรค์หมื่นโลกา

ในขณะเดียวกัน ผู้บำเพ็ญทรงพลังตั้งแต่ระดับเทพขึ้นไปต่างก็สามารถสัมผัสได้ว่ามีดวงชะตาอันท่วมท้นพุ่งทะยานขึ้นมาจากทิศบูรพา

ในเวลานี้ แม้กระทั่งเหล่าอริยชนในชั้นฟ้าที่สามสิบสามต่างตกตะลึงถ้วนหน้าเช่นกัน

พวกเขารวมตัวกันในอาณาเขตเต๋าของจอมอริยะเสวียนตู

“ใช่เขาเทพปู้โจวจริงๆ น่ะหรือ”

“ใช่จริงๆ ข้าเคยเห็นเขาเทพปู้โจวมาก่อน กลิ่นอายเช่นนี้มิผิดแน่”

“หานเจวี๋ยเอาเขาเทพปู้โจวมาได้อย่างไร”

“ไม่ทราบแน่ชัด เขาอาจจะใช้พลังวิเศษบางอย่างเนรมิตขึ้นมา”

“หมากก้าวนี้ ทำให้ตำแหน่งอริยะของหลี่เต้าคงมั่นคงแล้ว”

เหล่าอริยชนสะท้อนใจอย่างยิ่ง แม้แต่จอมอริยะเสวียนตูก็เช่นกัน

ในบรรดาอริยะ ฝูซีเทียนและจอมอริยะเสวียนตูล้วนเคยเห็นเขาเทพปู้โจวมาก่อน ถึงขั้นที่เคยพำนักอยู่ระยะหนึ่งด้วย เมื่อเห็นเส้นชีพจรดวงชะตาอันยิ่งใหญ่พลุ่งพล่านเส้นนั้นผุดขึ้นมา พวกเขารู้สึกราวกับฝัน หวนคืนสู่ดินแดนยุคฟ้าบุพกาล

หลังจากวางเขาเทพปู้โจวลงไป แรงกุศลมรรคาสวรรค์มหาศาลพลันร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ตกลงบนร่างหลี่เต้าคง

เขาเทพปู้โจวกว้างใหญ่ไพศาล สามารถก่อเกิดปราณฟ้าประทานอันไร้ที่สิ้นสุดได้ เพียงพอจะหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน แรงกุศลอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ เพียงพอจะทำให้ตบะของหลี่เต้าคงก้าวหน้าไปอีกขั้น

หากในอนาคตสิ่งมีชีวิตของยอดเขาปู้โจวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงชะตามรรคาสวรรค์ที่จะตอบแทนกลับมาหาหลี่เต้าคงนั้น คงเกินกว่าที่จะจินตนาการได้

ด้วยเหตุนี้ หลี่เต้าคงจึงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วปวงสวรรค์ทันที!

ส่งผลให้สำนักซ่อนเร้นเลื่องชื่อขึ้นมาอีกครั้ง

แค่ผู้พิทักษ์คนหนึ่งยังร้ายกาจถึงเพียงนี้ เช่นนั้นอริยะสวรรค์เกรียงไกรเปี่ยมกุศลผู้เป็นเจ้าสำนักซ่อนเร้นจะแข็งแกร่งมากขนาดไหนกันเล่า

ณ หุบเขาแห่งหนึ่งในแดนเซียน

หานอวี้ลุกขึ้นมา มองไปทางทิศตะวันออก เอ่ยพึมพำ ”เขาเทพปู้โจว…ฝึกฝนกระบี่…”

นับตั้งแต่โบยบินขึ้นมา เขาเลื่อนลอยไร้หลักแหล่ง ยามนี้ปรากฏโอกาสวาสนาเช่นนี้ขึ้น เขาคิดว่านี่คือโอกาสของตน

เขาไม่ลังเลเลย เหาะมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มีกลิ่นอายแผ่ล้นออกมา

ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสได้กราบผู้ทรงพลังหลี่เต้าคงท่านนั้นเป็นอาจารย์ก็ได้!

มิใช่แค่หานอวี้เท่านั้น สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนในปวงสวรรค์หมื่นโลกาต่างก็มีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมา

ณ ชั้นฟ้าที่สิบสาม

จี้เซียนเสินยืนอยู่ในลานแห่งหนึ่ง ทอดสายตามองทะเลเมฆา

‘กลยุทธ์ยอดเยี่ยม สมกับเป็นท่านอาจารย์’

จี้เซียนเสินตกตะลึงอยู่ในใจ ดวงชะตาของเขาเทพปู้โจวน่าหวาดหวั่นจริงๆ เพิ่งลงสู่พื้นก็แผ่ไพศาลยิ่งกว่าเผ่าสวรรค์ของเขาทั้งเผ่าแล้ว กลยุทธ์เช่นนี้ต้องเป็นฝีมือของหานเจวี๋ยแน่ เขาต้องการเกื้อหนุนหลี่เต้าคง

เขาย้อนนึกถึงตำนานเขาเทพปู้โจว พลันกระจ่างแจ้งขึ้นมา

ตำนานเขาเทพปู้โจวกล่าวไว้ว่าแปรสภาพมาจากกระดูกสันหลังของเทพยักษาผานกู่ผู้เบิกฟ้าแยกปฐพี ส่วนมรรคาสวรรค์คือเจตจำนงของเทพยักษาผานกู่ เมื่อเขาเทพปู้โจวปรากฏขึ้น มรรคาสวรรค์จะไม่ขานรับได้อย่างไร

จี้เซียนเสินขมวดคิ้ว

ช้าก่อน!

หลี่เต้าคงมีเขาเทพปู้โจวแล้ว ยังจะนั่งประจำการในเผ่าสวรรค์อยู่อีกหรือ

เกรงว่าจักรพรรดิเซียนแห่งสำนักซ่อนเร้นในเผ่าสวรรค์ก็อาจจะเบือนหน้าจากไปเช่นกัน

………………………………………………………………