ตอนที่ 638 พ่อไป๋ผิดหวังสุดขีด
ตอนนี้เมื่อความจริงถูกเปิดเผย พ่อไป๋ก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังในตัวไป๋ซวง
เด็กคนนี้มีนิสัยแย่ยิ่งนัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนพยายามกีดกันไม่ให้พวกเขาได้พบกับหลินม่าย
โชคดีที่ตอนนี้หลินม่ายมีชีวิตที่ดี
หากเธอยังคงทนทุกข์อยู่ในบ้านของตระกูลหลิน หากไป๋ซวงปกปิดข่าวของเธออีกหนึ่งวัน เธอก็คงต้องทนทุกข์ทรมานอีกหนึ่งวัน ในขณะที่ไป๋ซวงจะยังคงมีความสุขในบ้านตระกูลไป๋ของพวกเขาต่อไป!
ยิ่งพ่อไป๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งโมโห ทันทีที่เขากลับถึงบ้าน เขาก็ชี้หน้าไป๋ซวงและพูดกับแม่ไป๋ด้วยใบหน้าเย็นชา “ส่งหล่อนกลับตระกูลหลินเดี๋ยวนี้!”
พ่อไป๋รู้สึกว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างพ่อกับลูกสาวเป็นเวลาสิบเก้าปี ล้วนถูกลบล้างด้วยความชั่วร้ายของไป๋ซวงหมดสิ้น
หลังส่งไป๋ซวงกลับไปบ้านพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เขาก็ไม่ได้คิดสนใจหรือห่วงใยหล่อนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
ไป๋ซวงคุกเข่าลงกับพื้นและพูดทั้งน้ำตา“พ่อคะ หนูรู้แล้วว่าหนูผิด อย่าไล่หนูไปจากที่นี่ได้ไหมคะ? อีกอย่าง เรื่องราวไม่ดีทั้งหมดที่หนูได้เคยทำไว้ หนูเองก็ได้รับผลของการกระทำนั้นและไม่ใช่เหรอคะ? ฮือๆๆ”
แม้ว่าหล่อนจะร้องไห้กับพ่อไป๋ แต่ก็หันมองแม่ไป๋ด้วยแววตาน่าสงสารเพื่อขอความช่วยเหลือ
แม่ไป๋เผยท่าทางที่เย็นชาที่สุดซึ่งไม่เคยแสดงออกต่อไป๋ซวงเลย
อันที่จริงนี่เป็นแผนการของไป๋ซวง หล่อนต้องการทดสอบปฏิกิริยาของครอบครัวเพื่อดูว่าพวกเขายังคงรักหล่อนมากแค่ไหน
นอกจากแม่ไป๋แล้ว คนอื่น ๆ ก็ต่างเมินเฉยต่อหล่อนและไม่คิดแม้จะแสดงความสงสารหรือเห็นใจ
แม้ว่าแม่ไป๋จะไม่ได้ช่วยพยุงหล่อนขึ้น แต่แววตาของหล่อนในตอนนี้กลับดูทุกข์ตรม
ไป๋ช่วงรู้ว่าพ่อไป๋ตัดขาดความสัมพันธ์แบบพ่อและลูกสาวกับหล่อนแล้ว แต่แม่ไป๋ยังคงรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้
หากขอความช่วยเหลือจากแม่ไป๋ หล่อนอาจได้รับความช่วยเหลือและอยู่ในบ้านตระกูลไป๋ต่อไป
เป็นตามที่ไป๋ซวงคาดเดา พ่อไป๋ยังใจแข็งและยืนกรานที่จะส่งหล่อนกลับไป
แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนคาดคะเนผิดก็คือ เมื่อแม่ไป๋มองเห็นแววตาอ้อนวอนนั้น หล่อนกลับไม่ได้หยุดพ่อไป๋อย่างที่ไป๋ซวงคาดไว้
ไป๋ซวงกระเถิบมาหาแม่ไป๋ คุกเข่าลงและเอื้อมมือกอดขาของหล่อน คร่ำครวญว่าตนสุขภาพไม่ดีตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียนประถม พ่อไป๋และแม่ไป๋ก็รักเธอมากจนนำตัวส่งโรงพยาบาลและพยายามรักษาถูกทาง
ครั้งหนึ่งฝนตกและหล่อนเป็นไข้กลางดึก พ่อไป๋และแม่ไป๋เป็นคนพาหล่อนไปยังห้องฉุกเฉินท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย
อีกทั้งเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แม่ไป๋ก็ดูแลหล่อนเป็นอย่างดี
แม้จะถูกไป๋เซี่ยขัดขวางหลายครั้ง แต่ไป๋ซวงก็ยังคงคร่ำครวญว่าแม่ไป๋ปฏิบัติต่ออย่างไรเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง
หล่อนเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากพลางสะอื้น “พ่อต้องการส่งหนูกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดจริง ๆ เหรอคะ? หนูเติบโตมาอย่างดีในอ้อมแขนของพ่อแม่ และพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของหนูก็ร้ายกาจขนาดนั้น หนูคงมีชีวิตรอดได้อีกไม่นาน แม่คะ หากชาติหน้ามีจริง หนูจะตอบแทนบุญคุณทุกอย่างที่แม่เคยมีให้”
จากนั้นก็ก้มหัวคำนับให้กับแม่ไป๋ไม่หยุด ขอบคุณสำหรับการเลี้ยงดูของหล่อน
ไป๋เซี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันชักสีหน้า “ไม่จำเป็นต้องตอบแทนในชาติหน้าหรอก แค่เธอตัดขาดตัวเองออกจากตระกูลของเราไปก็เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้ว”
เมื่อแม่ไป๋ได้ยินไป๋ซวงพูดถึงอดีตและเห็นว่าสองสามีภรรยาใจดีกับไป๋ซวงเพียงใด หล่อนก็จำทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
หล่อนคิดในใจว่าอยากจะให้โอกาสเด็กคนนี้ แต่ไป๋ซวงก็ทำผิดมากจนเกินไป หล่อนไม่สมควรได้อยู่ร่วมกับตระกูลไป๋อีกแล้ว
ไป๋เซี่ยเยาะเย้ยไป๋ซวง ซึ่งทำให้หล่อนรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
ไป๋ซวงมาถึงจุดนี้แล้ว แต่ไป๋เซี่ยกลับยังคงปฏิเสธที่จะให้อภัย
เมื่อเห็นว่าไป๋ซวงกำลังจะหมดสติจากการร้องไห้ แม่ไป๋ก็ทนไม่ได้และพูดกับสามีของตนทันที “ปล่อยให้ซวงเอ๋อร์อยู่ครอบครัวของเราต่อเถอะค่ะ หากบ้านเราจะมีชามมีตะเกียบเพิ่มมาอีกคู่ก็คงไม่เป็นอะไร”
พ่อไป๋โมโหเป็นอย่างมากที่แม่ไป๋ยังคงโง่เขลา
เขาหายใจหอบอยู่พักหนึ่งก่อนจะควบคุมอารมณ์ได้ และพูดอย่างเฉียบขาด “คิดว่านี่เป็นแค่เรื่องการเพิ่มชามและตะเกียบคู่หนึ่งเหรอ? คุณเต็มใจจะให้คนที่ค่อยแว้งกัดเราร่วมรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกับเราเหรอ? การให้ทานแก่ผู้ยากไร้ถือเป็นการดี แต่จะมีประโยชน์อะไรกับการให้อาหารงูพิษอย่างไป๋ซวง?”
แม่ของไป๋กอดคอไป๋ซวงแล้วพูดกล่าว “ซวงเอ๋อร์บอกแล้วว่าหล่อนสำนึกผิดและจะแก้ไข ทำไมถึงไม่ให้อภัยหล่อนคะ!”
พ่อไป๋หัวเราะอย่างโกรธเคือง “คุณเชื่อสิ่งที่งูพิษตัวนี้พูดจริง ๆ เหรอ?! คุณเคยคิดไหมว่าหากม่ายจื่อยังคงทุกข์ทรมานอยู่ในตระกูลหลินและไป๋ซวงกีดกันม่ายจื่อไม่ให้รู้จักเรา ม่ายจื่ออาจถูกครอบครัวหลินทรมานจนตาย เมื่อลองคิดดูแล้ว คุณยังอยากจะชุบเลี้ยงไป๋ซวงไหม?!”
แม่ไป๋พึมพำ “ม่ายจื่อยังคงมีชีวิตและเติบโตเป็นอย่างดี ข้อสันนิษฐานของคุณเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น”
ไม่ใช่เพียงพ่อไป๋ แต่สองพี่น้องไป๋ก็โกรธจนแทบระเบิดออกมา
พ่อไป๋เอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ “คุณกำลังจะบอกว่า คุณอยากเห็นลูกสาวแท้ ๆ ถูกฆ่าโดยลูกสาวบุญธรรมด้วยความเต็มใจสินะ?”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น อย่าเข้าใจผิด”
แม่ไป๋ขอร้องอย่างขมขื่น “คุณไม่เห็นด้วยที่จะให้อภัยซวงเอ๋อร์ คุณเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว แต่คุณคิดว่าการทำแบบนี้จะเป็นทางออกที่ดีจริงเหรอ?”
เมื่อมองไปยังพ่อแม่ที่ทะเลาะกัน ไป๋ลู่ก็รู้สึกปวดหัว หล่อนเข้าไปในห้องนอนและโทรหาหลินม่ายทันที
หล่อนเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่บ้านให้หลินม่ายฟังและพูดอย่างเป็นทุกข์ “แม่ไม่ยอมตาสว่างสักที ฉันควรทำอย่างไรดี?”
หลินม่ายกล่าว “เนื่องจากคุณไป๋ยืนยันที่จะให้โอกาสไป๋ซวง ฉันว่าการให้โอกาสหล่อนอีกสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”
ไป๋ลู่ถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมต้องให้โอกาสหล่อนด้วย?”
หลินม่ายกล่าวอย่างมั่นใจ “เพราะฉันมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรไป๋ซวงก็ไม่มีวันเป็นคนที่ดีขึ้นได้”
หลินม่ายมั่นใจมากเพราะตอนนี้หลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาพยายามเข้าหาหล่อน
พวกเขาร้ายกาจกว่าคนอื่น ทั้งยังพยายามถามถึงที่อยู่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอในเมืองหลวงด้วย
ต่อให้ไม่ต้องใช้สมอง หลินม่ายก็สามารถเดาได้ว่าหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาต้องการที่อยู่ของตระกูลไป๋ ไม่ใช่เพื่อพบกับตระกูลไป๋ แต่เพื่อพบกับไป๋ซวง
ไป๋ซวงไม่เคยรู้จักหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขา
จะเกิดอะไรขึ้นหากหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาได้พบกับไป๋ซวง พวกเขาต้องบังคับให้ไป๋ซวงหาเงินมาสนับสนุนพวกเขาแน่
ไป๋ซวงไม่มีเงิน ดังนั้นจึงทำได้เพียงขโมยทรัพย์สินจากบ้านตระกูลไป๋ หากการคาดเดาของเธอเป็นความจริงแล้วไป๋ซวงผิดพลาดในเรื่องนี้ ก็มาดูกันว่าแม่ไป๋ยังจะหาเหตุผลที่จะเก็บไป๋ซวงไว้ได้อย่างไร!
หลังจากที่ทั้งสองพูดจบ ไป๋ลู่ก็วิ่งไปยังห้องนั่งเล่น ตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมให้พ่อไป๋ให้โอกาสไป๋ช่วง
ทันใดนั้นหล่อนก็ได้ยินไป๋เซี่ยพูดกับพ่อไป๋ “พ่อ ทำไมไม่ถามไป๋ซวงล่ะว่าหล่อนเอาเงินสามพันหยวนสำหรับการทำศัลยกรรมพลาสติกของหลินเพ่ยมาจากไหน?”
แม่ไป๋จ้องไป๋เซี่ยอย่างโกรธเคือง “ลูกไม่ใช่เพียงคนเดียวที่หาเงินได้นะ!”
พ่อไป๋เอือมระอากับพฤติกรรมไร้ยางอายของไป๋ซวงจนลืมสนใจรายละเอียดเรื่องนี้ไป
เมื่อลูกชายของเขาพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงเรื่องความผิดปกตินั้น
เขาต่อว่าภรรยาด้วยความโกรธ “ผมลืมคิดเรื่องที่ลูกชายพูดไปได้ยังไง? ซวงเอ๋อร์ ลูกสาวสุดที่รักของคุณมีเงินก้อนโตอยู่ในมือ คุณไม่อยากรู้หรือว่าเงินพวกนั้นมาจากไหน?”
แน่นอนว่าแม่ไป๋อยากรู้ แต่เรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ มันจะเป็นอันตรายต่อไป๋ซวง หล่อนแค่ต้องการสอบถามลูกสาวอย่างลับ ๆ
แต่ลูกชายของเธอไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เขาพยายามทุกอย่างเพื่อให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต
แม่ไป๋ไม่สามารถตอบคำถามของสามีได้ หล่อนจึงมองไป๋เซี่ยด้วยความโกรธ
พ่อไป๋หันไปถามไป๋ซวง “เงินสามพันหยวนในมือเธอมาจากไหน?”
ไป๋ช่วงพูดตะกุกตะกัก “มันเป็นเงินที่หนูเก็บออมไว้”
ไป๋ลู่ถาม “คนอย่างเธอเหรอจะเก็บเงินอยู่?”
ในฐานะน้องสาว ไป๋ลู่รู้จักไป๋ซวงเป็นอย่างดี ไป๋ซวงเป็นคนที่ใช้จ่ายเงินทุกหยวนราวกับเบี้ย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะมีเงินเก็บ
แต่ไป๋ซวงยืนยันว่าเงินก้อนนั้นคือเงินเก็บของหล่อน
ไป๋เซี่ยจึงสะสางบัญชีกับหล่อน
แม้ว่าเงินบำนาญของปู่ย่าตายายจะสูงมาก แต่พวกเขาก็มีลูกหลานมากมายจึงต้องแบ่งจ่ายอย่างเท่าเทียม
ไป๋ซวงได้รับเงินนำมากมายทุกปี แต่ไม่ว่าหล่อนจะสะสมเท่าไหร่ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีมากถึง 3,000 หยวน!
ไป๋ซวงยอมจำนนต่อหลักฐานและพูดไม่ออก
ไป๋เซี่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา“เธอขโมยเครื่องประดับทองคำของแม่เพื่อนำไปขายและนำเงินมาให้หลินเพ่ยใช้ทำศัลยกรรมพลาสติก วันที่เธอมอบเงินให้หลินเพ่ย 3,000 หยวน เป็นวันเดียวกับที่ชุดเครื่องทองของแม่หาย”
เขาหันไปมองแม่ไป๋และพูดประชดประชัน “ไป๋ซวงขโมยเครื่องประดับทองทั้งหมดของแม่ เป็นแบบนี้แล้วยังคิดจะปกป้องหล่อนอีกเหรอครับ?”
แม่ไป๋ถามไป๋ซวง “ลูกขโมยเครื่องประดับทองของแม่ไปจริงๆ ใช่ไหม”
อันที่จริงหล่อนมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่อยากได้ยินคำตอบว่า ‘ฉันไม่ได้ทำ’ จากปากของไป๋ซวงเท่านั้น
ไป๋ซวงกัดริมฝีปากและนิ่งเงียบ
พ่อไป๋โบกมืออย่างกระวนกระวาย “ในเมื่อหล่อนไม่ต้องการบอกก็อย่าถามเลย ผมจะเรียกตำรวจมาสอบสวนว่าหล่อนขโมยไปจริงหรือเปล่า”
เขาว่าแล้วก็แจ้งตำรวจทันที
ไป๋ซวงใช้กลอุบายเดิมซ้ำอีกครั้ง คุกเข่าลงกับพื้น เริ่มร้องไห้ และสารภาพ
หล่อนไม่ต้องการให้ตำรวจมาสอบสวน เพราะหากตำรวจระบุว่าหล่อนเป็นบุคคลต้องสงสัย พวกเขาก็จะต้องสืบจนเดินทางไปยังโรงรับจำนำในเมืองหลวง แล้วไม่นานพวกเขาก็จะพบกับเครื่องประดับทองคำของแม่ไป๋
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีโรงรับจำนำเพียงไม่กี่แห่งที่เปิดในปักกิ่ง ดังนั้นจึงง่ายต่อการตรวจสอบ
พ่อไป๋หงุดหงิดมาก “เอาล่ะ หยุดทำตัวเหลวไหลได้แล้ว เก็บข้าวของ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอกลับไปหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ”
。
ไป๋ซวงลุกขึ้นยืน ร้องไห้อย่างเงียบงันและเดินไปยังห้องของหล่อน
เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของหล่อน แม่ไป๋จึงตะโกนใส่พ่อไป๋ “ต้องให้ซวงเอ๋อร์ไปก่อนใช่ไหมคะคุณถึงจะมีความสุข?”
พ่อไป๋เหลือบมองไปยังไป๋ซวงและเห็นว่าหล่อนดูเหมือนศพเดินได้ น่ากลัวยิ่งนัก
แต่เขาก็ไม่ได้ใจอ่อนลงเลย “เราจำเป็นต้องยอมหล่อนทุกอย่างเพียงเพราะหล่อนขู่ว่าจะฆ่าตัวตายในบ้านของเราอย่างนั้นเหรอ? ส่งตัวหล่อนให้ตำรวจซะ หล่อนจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา! “
เมื่อเห็นพ่อไป๋เป็นแบบนี้ ไป๋ซวงก็รู้สึกหนาวเหน็บในใจ
ไป๋ลู่กล่าว “พ่อคะ ให้โอกาสไป๋ซวงเถอะนะคะ ถ้าพ่อไม่ให้โอกาสไป๋ซวง แม่จะต้องทิ้งพวกเราไปอย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็ขยิบตาให้พ่อไป๋
เมื่อเห็นเช่นนี้ พ่อไป๋ก็รู้ว่าหล่อนมีจุดประสงค์ที่ขอให้เขาทำเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วยโดยแสร้งทำเป็นครุ่นคิด
แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า หากไป๋ซวงทำผิดอีกครั้งและแม่ไป๋ยังคงปกป้องหล่อน พ่อไป๋และแม่ไป๋จะต้องหย่าร้างกัน
แม่ไป๋รักไป๋ซวงเป็นอย่างมาก แต่ในขณะที่อยู่อาศัยในบ้านไป๋ แม่ไป๋กลับมีทรัพย์สมบัติเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สมบัติทั้งครอบครัวเท่านั้น
พ่อไป๋ไม่เพียงทำข้อตกลงด้วยวาจาเท่านั้น แต่ยังขอให้แม่ไป๋ลงนามในข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
แม่ไป๋รู้สึกอับอายขายหน้ามาก โดยกล่าวหาว่าพ่อไป๋ไม่ไว้ใจหล่อน ถึงขั้นให้หล่อนเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
พ่อไป๋ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่ไว้ใจหล่อนเลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากแม่ไป๋พยายามอย่างมากเพื่อปกป้องไป๋ซวงในทุกด้าน หล่อนจึงดูเหมือนคนปัญญาอ่อนและวิกลจริต
หลังจากได้ยินที่พ่อไป๋พูด แม่ไป๋ก็โกรธจนน้ำตาไหล
แต่ทั้งพ่อไป๋และพี่น้องไป๋ลู่ก็ไม่ได้มาปลอบโยนหล่อน
มีเพียงไป๋ซวงที่คอยอยู่เคียงข้างและปลอบโยนหล่อน
สิ่งนี้ทำให้แม่ไป๋คิดในใจว่า แม้ไป๋ซวงจะทำผิดพลาดบ่อยครั้ง แต่หล่อนก็ยังมีจิตใจดี
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โง่มากนักก็แยกไปอยู่กับยัยไป๋ซวงสุดที่รักเลยค่ะคุณแม่ ทีนี้ก็รักลูกให้พอ ไม่มีใครมาขัดแล้ว ใช้เงินเดือนตัวเองนี่แหละเลี้ยง อย่าใช้เงินของครอบครัวนะ
ไหหม่า(海馬)