บทที่ 582 พวกเขาไล่ตามมาแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 582 พวกเขาไล่ตามมาแล้ว

บทที่ 582 พวกเขาไล่ตามมาแล้ว

ครั้นกู้เสี่ยวหวานกำลังจะนั่งลง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

แย่แล้ว!

มีคนตามหลังมา

กู้เสี่ยวหวานกระซิบเสียงแผ่ว “กุ้ยตงเหมยวิ่ง!”

กุ้ยตงเหมยเองคล้ายจะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดดังขึ้นและมาพร้อมเสียงฝีเท้า ยามนี้นางตกใจจนใบหน้าเปลี่ยนสี นางกระวีกระวาดลุกขึ้นแล้ววิ่งตามกู้เสี่ยวหวานไป พวกนางวิ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับเสียงฝีเท้านั้น

ในคืนที่เงียบสงัด ไม่ว่าเสียงกระซิบจะเบาเพียงใด แต่มันก็ได้ยินอย่างชัดเจน

แน่นอนว่านางได้ยินเสียงของหัวหน้าสยงตะโกนอย่างชัดเจน “เวรเอ๊ย พวกนางอยู่ที่นั่น! ตรงนั้น…”

กู้เสี่ยวหวานตกใจ เหตุใดพวกเขาถึงตามมาได้เร็วเช่นนี้?

กู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาคิดแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงวิ่งหนี เมื่อวิ่งมาใกล้ถึงตีนเขา กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงสถานที่ที่นางกับฉินเย่จือเคยหลบฝน บางทีที่เชิงเขาแห่งนี้อาจจะมีที่หลบซ่อน

กู้เสี่ยวหวานมุ่งหน้าไปทางตีนเขาอย่างใจคิด และกับพบถ้ำเล็ก ๆ หลังกอหญ้าแน่นขนัด

ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังจะเดินไป พลันพบว่าขาของกุ้ยตงเหมยไม่ขยับเขยื้อน

“มันจะไม่มีงูใช่หรือไม่” กุ้ยตงเหมยไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า

นี่มันยามใดแล้ว ทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีงูหรือไม่

กู้เสี่ยวหวานรีบเดินไปจับมือกุ้ยตงเหมย จูงนางเดินไปยังปากทางเข้าถ้ำที่มีหญ้ารกชัฏ กู้เสี่ยวหวานพยุงกุ้ยตงเหมยเดินเข้าไป

ถ้ำนี้มีขนาดเล็ก แต่ก็ใหญ่พอสำหรับคนสองคน

ทั้งสองหลบเข้าไปซ่อนตัว กู้เสี่ยวหวานก็รีบจัดการหญ้าตรงทางเข้าเพื่อไม่ให้ใครมองเห็นด้านใน

หลังจากซ่อนตัวแล้ว เสียงฝีเท้าและคำสาปแช่งด่าทอก็ดังมาจากข้างนอก “บ้าฉิบ ข้าเพิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าชัด ๆ คนไปอยู่ที่ไหนแล้ว!”

เอ้อร์สยงหอบหายใจ “พี่ใหญ่ เหตุใดพวกเราไม่เลิกหากันเสียล่ะ!”

วิ่งมาตลอดจนแทบจะหายใจไม่ทัน ทั้งการจู่โจมของกู้เสี่ยวหวานและกุ้ยตงเหมยเมื่อครู่ก็ทำให้เขาตายไปครึ่งชีวิต

ภัยนี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่เขาออกมาจากภูเขา เอ้อร์สยงร้องไห้ฟูมฟาย หากแต่ไม่มีน้ำตา

“เจ้าบ้า! เจ้ามันโง่เองที่ปล่อยคนหนีไป!”

เอ้อร์สยงคร่ำครวญ “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จะโกหกข้า ไม่ใช่ว่าข้ากังวลว่าคนจะตายหรือ?”

“ถุ้ย! ข้าใช้แรงไปมากในการหาตัวเด็กสาวพวกนี้ แล้วจะปล่อยคนไปได้ง่าย ๆ อย่างไร! เวรเอ๊ย เด็กผู้หญิงพวกนี้แรงดีจริง ๆ ข้าไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่แรงดีขนาดนี้มาก่อน หากจับตัวนางได้ ข้าต้องให้นางได้ลิ้มรสพลังของข้าบ้าง ข้ากระวนกระวายจะตายแล้ว”

หลังจากที่หัวหน้าสยงพูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและยืนอยู่ที่ทางเข้าถ้ำ

กู้เสี่ยวหวานสามารถมองเห็นขาของสองพี่น้องสยงยืนอยู่ตรงหน้านางได้อย่างชัดเจน กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเพียงว่าขนทั่วร่างกายของนางลุกชัน

จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงที่ดูเหมือนจะปลดกางเกงออก สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานก็เคร่งเครียดขึ้น

ทันใดนั้นก็มีกระแสน้ำไหลลงมายังทางเข้าถ้ำ

ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นฉุน

ผู้ชายคนนี้ปัสสาวะต่อหน้าพวกนาง!

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเบิกกว้าง ก่อนจะพบว่ากุ้ยตงเหมยข้าง ๆ นางกำลังหวาดกลัว ซึ่งอีกฝ่ายเปิดปากเตรียมจะส่งเสียงร้อง

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดมาก นางก้าวไปข้างหน้าและใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเพื่อปิดปากของอีกฝ่ายทันที

ดวงตาของกุ้ยตงเหมยเบิกกว้าง มองดูน้ำปัสสาวะที่พุ่งมาเฉียดหัวนางไปไม่ไกล และดูเหมือนว่ามีบางส่วนสาดกระเซ็นลงใบหน้าของนาง

กู้เสี่ยวหวานปิดปากของกุ้ยตงเหมยแน่นจนนางไม่สามารถส่งเสียงได้

ชายคนนั้นคงกลั้นปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน หลังจากปัสสาวะเสร็จจึงส่งเสียงครางออกมาอย่างมีความสุข

หลังจากการปัสสาวะสิ้นสุดก็ได้ยินหัวหน้าสยงถกกางเกงของเขาขึ้นและพูดขณะเดินว่า “อย่าให้ข้าจับพวกมันได้นะ ข้าจะดูว่าพวกมันจะแรงดีแค่ไหนภายใต้ร่างของข้า!”

ร่างกายของกุ้ยตงเหมยแข็งค้าง ร่างกายเกร็งกระตุก ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าที่จะเชื่องช้าแม้แต่น้อยและปิดปากกุ้ยตงเหมยไว้แน่นสนิท หากเสียงเล็ก ๆ นี้เล็ดลอดออกไป ครั้งนี้พวกนางคงตายโดยไม่มีที่ฝังแน่

เสียงฝีเท้าและการดุด่าก็ดังห่างออกไปเรื่อย ๆ คาดว่าพวกเขาเดินออกไปไกลแล้ว

จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็ปล่อยมือที่ปิดปากของกุ้ยตงเหมยออก และถูมือกับร่างกายของนางสองครั้งด้วยความรังเกียจ

เมื่ออีกฝ่ายปัสสาวะ น้ำปัสสาวะบางส่วนก็ได้กระเด็นใส่มือของนางโดยไม่ได้ตั้งใจ

กุ้ยตงเหมยกำลังจะล้มลงและพร่ำบ่นกับตัวเอง “ไม่ ข้าอยากออกไป ข้าอยากออกไป!”

นางไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ปัสสาวะก็กระเด็นใส่หน้านาง ไม่สิ นางต้องล้างหน้าทันที นางจะล้างหน้าทันที!

มันเหม็น เหม็นมากจริง ๆ

กุ้ยตงเหมยกำลังจะคลานออกไป แต่กู้เสี่ยวหวานรีบคว้าตัวนางไว้และพูดว่า “กุ้ยตงเหมย เจ้าจะทำอะไร เจ้าอยากตายหรือ?”

“ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ที่นี่มันเหม็นเกินไป” กุ้ยตงเหมยสะบัดมือของกู้เสี่ยวหวาน และพูดอย่างชั่วร้าย “ตราบใดที่ข้าอยู่กับเจ้า ข้าก็จะโชคร้าย ข้าไม่ต้องการไปกับเจ้าอีกต่อไป”

ที่นี่มีกลิ่นเหม็นและเต็มไปด้วยอันตราย ถ้าสองคนเมื่อครู่กลับมาเจอล่ะ? นางจะตายอยู่ที่นี่ไม่ได้ นางอยากกลับไป นางอยากกลับไป!

เจ้า?

กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะกลอกตาหลายครั้งเมื่อนางได้ยินคำพูดที่ไร้ความรับผิดชอบของกุ้ยตงเหมย

“กุ้ยตงเหมย เจ้าเป็นคนทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้!” กู้เสี่ยวหวานกระซิบเบา ๆ จ้องไปที่กุ้ยตงเหมยหวังให้อีกฝ่ายสำนึกผิด

แต่กุ้ยตงเหมยไม่คิดจะสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย และนางยังบอกอีกว่าเป็นเพราะกู้เสี่ยวหวานที่ทำให้นางโชคร้ายเช่นนี้

ลืมตาพูดจาเหลวไหล ไร้ยางอายสิ้นดี

“กู้เสี่ยวหวาน ข้าขี้เกียจจะสนใจเจ้าแล้ว” กุ้ยตงเหมยปีนออกจากถ้ำแล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “ถ้าเจ้าอยากอยู่ก็อยู่ไป ข้าไม่อยากอยู่ในสถานที่ผีสางเช่นนี้”

หลังจากพูดจบ นางก็ไม่สนใจกู้เสี่ยวหวานอีกเลย นางถกชายกระโปรงขึ้นและก้าวเท้าวิ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับสองพี่น้องนั่น

กู้เสี่ยวหวานมองกุ้ยตงเหมยจากไป ซึ่งในไม่ช้า อีกฝ่ายก็หายตัวไปในความมืดมิดอันกว้างใหญ่

กุ้ยตงเหมยนั้นเป็นคนไร้สมองจริง ๆ!

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย คาดว่านางคงวิ่งมากเกินไปและอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ ทั้งยังต้องลมกลางคืนอีก นางรู้สึกแต่เพียงอาการปวดหัวเท่านั้น นางเหลือบมองไปในค่ำคืนที่มืดมิดและรู้สึกว่าตนเองฝืนถ่างตาต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงค่อย ๆ หลับตาลง