บทที่ 622 ใช้กำลังขู่เข็ญและถ่วงเวลา
บทที่ 622 ใช้กำลังขู่เข็ญและถ่วงเวลา
กระจกเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว และฉู่ชูเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้น หน้าตาของนางงดงามเหมือนเดิม แต่คราวนี้นางดูค่อนข้างใจร้อนเล็กน้อย “อาซู ข้าไม่มีหินพลังชี่มากพอที่จะคุยเรื่องไร้สาระกับเจ้า! กลับไปข้าจะลงโทษเจ้าคอยดูเถอะ!”
หัวใจของซูอันสั่นไหวเมื่อเห็นนาง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีบางอย่างที่สำคัญกว่านั้นมาก เขาจึงรีบกล่าวว่า “คราวนี้มีเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ ตระกูลฉู่เกิดเรื่องอีกแล้ว…”
เขารีบบอกนางเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลฉู่
สีหน้าของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนไปหลายครั้ง “แม่ทัพของกองทหารราชองครักษ์ หลิวเหย่า…เขาเป็นส่วนหนึ่งในกำลังหลักของจักรพรรดินี ดูเหมือนว่าจักรพรรดินีวางแผนที่จะจัดการเราแล้ว”
“แล้วตอนนี้เราควรจะทำยังไง? คฤหาสน์ตระกูลฉู่ถูกปิดล้อม ข้าให้ฮวนเจาซ่อนตัวอยู่ในสถาบันจันทร์กระจ่างในตอนนี้ แต่เรื่องอื่นข้าไม่มีความคิดดี ๆ เลยที่จะแก้ไข” ซูอันรู้สึกปวดหัวอย่างมาก เขาสามารถกำจัดผู้เฒ่ามี่และเว่ยต้านได้เพียงเพราะโชคดีเท่านั้น
พูดจริง ๆ จัง ๆ เขาไม่ได้เป็นคนที่จะกำจัดสองคนนั้น เว่ยต้านถูกผู้เฒ่ามี่ฆ่า ส่วนผู้เฒ่ามี่ก็ตายไปเพราะดวงซวยอีกต่างหาก หากการครอบครองร่างของผู้เฒ่ามี่ไม่ล้มเหลว คงเป็นตัวชายหนุ่มเองที่จากโลกนี้ไปแล้ว
เขาไม่ใช่พระเจ้าและไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดของระดับเก้าและกองทัพของจักรพรรดิ…
“อย่าห่วงไปเลย ตระกูลฉู่ยืนหยัดมาหลายร้อยปีแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะโค่นล้มพวกเรา” ฉู่ชูเหยียนกล่าว
ซูอันเงียบนิ่งไม่ตอบอะไร เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะแสร้งทำเป็นมองโลกในแง่ดี
จากนั้นฉู่ชูเหยียนก็พูดขึ้นทันทีว่า “หลิวเหย่าพาคนมาด้วยกี่คน?”
“ข้าไม่รู้จำนวนที่แน่นอน แต่น่าจะมีไม่กี่ร้อย” ซูอันตอบ
“ก็ดี” ฉู่ชูเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ซูอันไม่เข้าใจปฏิกิริยาของนาง
แม่ทัพขั้นสูงสุดของระดับที่ 9 และทหารองครักษ์อีกสองสามร้อยนาย ทำไมนางไม่สะทกสะท้านอะไรเลย?
“ว่าแต่เยว่ซานอยู่ที่ไหน?” ฉู่ชูเหยียนถาม
“ข้าได้ยินมาว่าเยว่ซานเองก็ถูกจับด้วย” ซูอันตอบ เยว่ซานอยู่ในระดับที่ 5 เท่านั้น ต่อให้ไม่ถูกจับไปด้วยก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากอยู่ดี
ฉู่ชูเหยียนกล่าวว่า “ข้าต้องการให้เจ้าไปที่ตระกูลฉู่ และหาทางติดต่อกับท่านแม่ ขอตราคำสั่งจากนาง และเรียกกองทัพผ้าคลุมสีชาดจากนอกเมืองเข้ามา!”
ฉู่จงเทียนได้มอบตราคำสั่งให้ฉินหว่านหรู ก่อนที่จะถูกจับกุม
ซูอันรู้ดีว่าต้องมีตราคำสั่งในการเคลื่อนพลกองทหาร แต่ความกังวลของเขามาจากเรื่องที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง “ภรรยาของข้า เจ้ากำลังพยายามจะทำอะไร เจ้าจะเริ่มก่อกบฏงั้นเหรอ?”
ในฐานะที่เป็นคนจากโลกสมัยใหม่ มีตัวอย่างทางประวัติศาสตร์มากมายที่ตัวเองเคยอ่าน พวกตระกูลที่เริ่มก่อกบฏเป็นพวกแรก ๆ ในช่วงเวลาที่ยังไม่เหมาะสมต่อราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่นั้นแทบจะเรียกได้ว่ารนหาที่ตาย
และยิ่งไปกว่านั้น นี่คือโลกที่บุคคลสามารถบ่มเพาะจนแข็งแกร่งได้ไม่ต่างกับเทพ และคนที่แข็งแกร่งที่สุดคือจักรพรรดิแห่งราชวงศ์โจว ส่วนบรรดาขุนนางที่รับใช้ใกล้ชิดต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา กลับกันผู้บ่มเพาะระดับสูงสุดในตระกูลฉู่อยู่ระดับที่ 8 เท่านั้น!
ฉู่ชูเหยียนยิ้ม “ตระกูลฉู่ของเราดำรงอยู่มาก่อนราชวงศ์โจวซะอีก เราควบคุมการค้าเกลือและแร่เหล็กที่สำคัญ เรารุ่งเรืองมาเป็นเวลาพันปี! เจ้าคิดว่าสิ่งนี้เป็นไปได้แค่เพียงเพราะความแข็งแกร่งของบุคคลเท่านั้นเหรอ?”
“แล้วจะมีอะไรอีก?” ซูอันกะพริบตา เขาค่อนข้างสงสัยจริง ๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มเข้ามาในตระกูลฉู่ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตระกูลฉู่เป็นเหมือนก้อนแป้งที่ขั้วอำนาจอื่น ๆ สามารถมาทุบตีให้น่วมได้ตลอดเวลา
“แน่นอนว่ามันเป็นเพราะกองทัพผ้าคลุมสีชาดของเรา ซึ่งนับได้ว่าเป็นรากฐานความมั่นคงที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น!” ร่องรอยของความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่ชูเหยียน “ตราบใดที่กองทัพผ้าคลุมสีชาดยังคงอยู่ ตระกูลฉู่ของเราก็จะยังคงอยู่! ดูเหมือนว่าตระกูลฉู่ของเราจะซ่อนความแข็งแกร่งของเราไว้นานเกินไปจนทุกคนมองว่าเราเป็นผู้อ่อนแอ!”
“ไม่ว่ากองทัพผ้าคลุมสีชาดจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จำนวนของพวกเขายังมีจำกัด” ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูด “ไม่เพียงเท่านั้น มันจะเป็นการเปิดศึกอย่างเปิดเผยต่อราชสำนัก หากเราใช้กำลังแบบนี้ ข้ายังมองไม่เห็นอนาคตของตระกูลฉู่เลย!”
ฉู่ชูเหยียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยหยอกล้อ “เพิ่งจะรู้ คนอย่างเจ้าก็มองโลกในแง่ร้ายเหมือนคนอื่นเป็นด้วย”
ซูอันพ่นลมหายใจ “ถ้าเจ้าอยากจะก่อกบฏจริง ๆ ข้าก็จะร่วมด้วย! คนอื่น ๆ ยังเคยล้มล้างจักรพรรดิได้ด้วยการเริ่มต้นที่แย่กว่านี้ ข้าไม่เชื่อว่าเราจะทำแบบเดียวกันไม่ได้ ถ้าเรามีพลังมากพอ ในอนาคต ข้าจะเป็นจักรพรรดิ และเจ้าจะเป็นจักรพรรดินี!”
ฉู่ชูเหยียนตกใจ “เจ้าอย่าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า! จะมีปัญหาใหญ่หากเจ้าหน้าที่ทางการได้ยินเข้า ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ารวบรวมกองทัพผ้าคลุมสีชาดเพื่อสังหารทหารราชองครักษ์ เราจะแค่จะขู่ให้หลิวเหย่ากลัวจนไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่านี้ต่างหาก!”
“ขู่?” ซูอันสับสน
“แน่นอน” ฉู่ชูเหยียนอธิบาย “จักรพรรดิจะต้องมีเหตุผลอันสมควรไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบ ไม่เช่นนั้น พิจารณาจากความแข็งแกร่งของเขา เขาคงจะล้มล้างตระกูลฉู่ของเราไปนานแล้ว อย่างไรก็ตาม การทำลายเราโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรจะทำให้รากฐานของสิทธิในการปกครองสั่นคลอน ท้ายที่สุดถ้าเขาทำอย่างนั้นกับเรา คนอื่นอาจเริ่มกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเอง ที่นั่งของเขาในฐานะจักรพรรดิจะไม่มั่นคงอีกต่อไป”
ซูอันเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่จักรพรรดิต้องส่ง ซ่างหง ซึ่งใช้ตระกูลหยวนชิงสิทธิ์ในตลาดอาวุธและตระกูลเจิ้งกดดันธุรกิจค้าเกลือของตระกูลฉู่ ใช้ประเด็นเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือกักตัวฉู่จงเทียน แล้วยุยงหงจงและฉู่เทียนเซิงให้ทรยศ ทุกเรื่องจักรพรรดิไม่ได้ออกหน้าโดยตรง แต่สามารถโยงไปถึงอย่างเห็นได้ชัด
ซูอันรู้สึกเห็นอกเห็นใจจักรพรรดิเล็กน้อย เขาแข็งแกร่งที่สุดแต่ต้องมาใช้วิธีอ้อม ๆ กำจัดคนที่ตัวเองไม่พอใจ
“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเคลื่อนพลกองทัพผ้าคลุมสีชาดให้เข้ามาแทรกแซง เราจำเป็นต้องเตือนใจให้พวกเขาเล่นตามกฎและไม่ให้ล้ำเส้นจนเกินไป เช่น ใช้วิธีการทรมานเพื่อให้คนของเรารับสารภาพ หรือทำบางสิ่งไม่ที่ไม่สุภาพกับพ่อแม่ของข้า”
ซูอันทำหน้าบึ้งเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ “จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นความผิดพลาดที่ได้เจ้ามาเป็นภรรยา”
ฉู่ชูเหยียนหน้าซีด “ทำไม?”
“ภรรยาของข้าฉลาดเกินไป!” ซูอันตอบ “อนาคตข้าคงไม่ง่ายอย่างที่คิด!”
ฉู่ชูเหยียนจ้องเขม็งไปที่เขา
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
“ข้าล้อเล่น ๆ!” ซูอันเปลี่ยนเรื่องอย่างรู้สึกผิดทันที “ยังมีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ แม้ว่ากองทัพผ้าคลุมสีชาดจะข่มขู่พวกเขาได้ แต่หลิวเหย่าก็น่าจะยังคงสามารถค้นพบข้อมูลบางส่วนผ่านการสืบสวน ตราบใดที่เขายังคงจะเอาผิดเราให้ได้ เพราะถึงอย่างไรรายได้ที่ขาดหายไปของกรรมาธิการค้าเกลือก็ยังคงมีอยู่”
“ไม่เป็นไร เราแค่ต้องถ่วงเวลา” ฉู่ชูเหยียนตอบ
“ถ่วงเวลา?” ซูอันตกตะลึง
ฉู่ชูเหยียนยิ้มอย่างลึกลับ “เจ้าจะเข้าใจในไม่ช้า”