บทที่ 623 ซวยไม่ต่างจากในละคร

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 623 ซวยไม่ต่างจากในละคร

บทที่ 623 ซวยไม่ต่างจากในละคร

ซูอันยังคงงุนงงอย่างมากหลังจากที่ตัดการเชื่อมต่อ แต่เขารู้ว่าฉู่ชูเหยียนจะไม่ทำอะไรโดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้ละทิ้งความสงสัยและมุ่งหน้าไปหาฉินหว่านหรู

เมื่อเขากลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ ก็พบว่าบริเวณโดยรอบถูกปิดกั้นไว้แล้วโดยเหล่าทหารจากเมืองหลวง ซึ่งแน่นอนว่าทหารเหล่านี้ไม่มีความสามารถพอจะตรวจจับเขาได้

ซูอันคุ้นเคยกับคฤหาสน์ตระกูลฉู่เป็นอย่างดีแล้ว นอกจากนี้ ระดับการบ่มเพาะของเขายังพัฒนาอยู่ในระดับที่ 5 และยังมีทักษะวิชาบังบดเร้นซ่อนอีกด้วย การฝ่าวงล้อมของกองทหารราชองค์รักษ์เหล่านี้ไม่ได้ยากจนเกินไป

ทุกอย่างย่อมราบรื่น ตราบใดที่เขาไม่โชคร้ายไปเจอเข้ากับแม่ทัพผู้บ่มเพาะระดับเก้าคนนั้น

เขาแอบเข้าไปบริเวณรอบนอกและหยุดใกล้ศาลาในสวนด้านหลัง ซึ่งเฉียวเสวี่ยอิงเคยผลักเขาลงไปในสระน้ำ

หลังจากเผลอใจลอยคิดไปถึงเฉียวเสวี่ยอิง ชายหนุ่มใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อสังเกตว่ามีคนสองคนกำลังคุยกันอยู่ในศาลา

หนึ่งในนั้นบังเอิญเงยหน้าขึ้น และได้เห็นซูอันจากระยะไกล

ทั้งสองคนตกตะลึงชั่วครู่ จากนั้นหนึ่งในนั้นก็ตะโกนออกมา “ซูอัน! นั่นซูอัน!”

“ให้ตายเถอะ หงซิงอิง!” ซูอันสบถ

ร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากศาลาด้วยความเร็วสูงกว่าคนปกติหลายเท่า

คนเดียวที่มีความเร็วเช่นนี้ในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ คือแม่ทัพระดับ 9 คนนั้น

ซูอันอยากจะตบหน้าตัวเอง เขาเคยดูหนังมาหลายเรื่องในโลกที่แล้ว ทำไมยังทำพลาดเรื่องง่าย ๆ อย่างนี้?

เขาอยากได้ขาอีกสองขามาช่วยกันวิ่ง แต่มันก็สายเกินไปแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งเร็วเกินไปและปิดระยะห่างได้ในชั่วพริบตา

ก่อนหน้านี้ หลิวเหย่าเคยหัวเสียที่ไม่สามารถจับซูอันหรือคุณหนูรองตระกูลฉู่ได้ ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ซูอันเล็ดลอดไปได้อีก เขาโคจรพลังตนเอง ควบแน่นพลังวิญญาณเป็นรูปทรงมือขนาดใหญ่ และตั้งใจจะคว้าเหยื่อที่กำลังหนีอย่างหัวซุกหัวซุน!

ขณะที่ฝ่ามือยักษ์ปรากฏขึ้น ซูอันพบว่าหายใจลำบาก แม้แต่อากาศรอบตัวเขาก็ยังถูกบีบอัด

“นรก! เจ้าเป็นพระยูไลหรือไง?!” เขาไม่ต้องการที่จะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับซุนหงอคง ราชาวานร

เขาไม่กล้าลังเลและใช้จ้าววายุพุ่งหนีขึ้นไปบนอากาศทันที

ไม่มีช่องทางหนีอื่น ๆ นี่เป็นทางเดียวที่เขาสามารถหลุดไปได้

และขณะที่ร่างกายของเขากำลังจะหล่นลงมาจากฟ้า ซูอันก็ใช้จ้าววายุ อีกครั้ง ดันตัวเองให้สูงขึ้นหลายเท่าตัว

หลิวเหย่าเบิกตากว้าง ตามความคิดของเขา ระดับการบ่มเพาะของซูอันน่าจะอยู่ในระดับที่ 4 พูดตามตรง…เขาไม่สนหรอกว่าเด็กคนนี้จะอยู่ที่ระดับสาม สี่ หรือห้า ท้ายที่สุด มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลยสำหรับคนอย่างเขา

แต่การที่เด็กคนนี้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้มันเหนือความคาดหมายเกินไป!

อีกฝ่ายเป็นผู้บ่มเพาะระดับที่ 9 งั้นเหรอ?

แม้ว่าจะฟังดูไร้สาระอย่างยิ่ง แต่นี่คือสิ่งที่เขาเห็น!

จากนั้นเขาก็รีบพุ่งขึ้นไปในอากาศเพื่อไล่ตามซูอันในทันที

หลังจากนั้นไม่นาน ซูอันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงสู่พื้น เขาไม่สามารถใช้จ้าววายุได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

หลิวเหย่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเห็นซูอันกลับสู่พื้นดิน ดังนั้นเด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่ 9 แน่นอน

ในเวลาเดียวกัน เขาก็อดขำขันตัวเองไม่ได้ จะไปมีผู้บ่มเพาะระดับ 9 อายุเยาว์ขนาดนี้ในโลกได้อย่างไร?

หลังจากไล่ตามไปอีกระยะจนสามารถเข้าใกล้ได้ หลิวเหย่าก็ซัดฝ่ามือใส่ซูอันทันที ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ซูอันก็เป็นเพียงลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน ไม่ใช่บุคคลสำคัญในตระกูลฉู่ การทำร้ายหรือทำให้พิการย่อมไม่แตกต่าง

ซูอันตื่นตระหนกจนหนังหัวชาเมื่อได้ยินเสียงหวีดแหลมดังมาจากข้างหลัง เขารีบหลบไปด้านข้างด้วยความตื่นตระหนก แต่ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้

เขารู้สึกราวกับว่าถูกรถบรรทุกพุ่งชนจนกระอักเลือด กระทบกระเทือนอวัยวะภายในทั้งหมด และชีวิตกำลังจะแตกสลาย

การมองเห็นของเขามืดลง อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มรู้ตัวเองว่าจะหมดสติไปไม่ได้จึงกัดลิ้นตัวเองอย่างแรงเพื่อให้ตื่นตัว และใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันแยกร่างออกเป็นสาม วิ่งไปในทิศทางที่ต่างกัน

หลิวเหย่าอึ้งอีกครั้ง การโจมตีเมื่อครู่รุนแรงพอที่จะล้มแม้กระทั่งผู้บ่มเพาะระดับ 6 ทำไมเด็กคนนี้ถึงยังวิ่งต่อไปได้?

นี่มันเด็กประหลาดแบบไหนกัน?

อีกฝ่ายแยกร่างออกเป็นสาม ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะตามไปทางไหนดี ซูอันจึงได้หายตัวไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว

หลิวเหย่าหน้าบึ้งทันที เขาออกคำสั่ง “หาตัวชายหนุ่มชุดขาวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มันคงไปได้ไม่ไกล ทางนั้น ทางนั้น และทางนั้น ค้นหาทั้งสามทิศทาง!”

ในขณะเดียวกัน ซูอันก็ไม่ได้หนีอีกต่อไป แต่กลับเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉู่แทน สถานที่ที่อันตรายที่สุดตอนนี้กลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ทหารทั้งหมดได้ออกไปข้างนอกเพื่อค้นหาเขา ดังนั้นมันจึงปลอดภัยกว่าที่จะอยู่ด้านใน

เขาได้ยินสิ่งที่หลิวเหย่าพูดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบถอดเสื้อผ้าและเปลี่ยนเป็นชุดสีเขียวแทน

เมื่อกังวลว่าจะมีใครบางคนจำเขาได้ ชายหนุ่มจึงสวมหน้ากาก ไม่เพียงเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองเท่านั้น คราบเลือดบนใบหน้าและความซีดเซียวของผิวก็หายไปด้วย

หลังจากนั้น ซูอันก็ได้ตรวจสอบสภาพของตัวเอง มีกระดูกหักบ้างนิดหน่อยและอวัยวะภายในได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะวิชาปฐมบทแรกเริ่มได้ขัดเกลาร่างกายของเขาไปสองครั้งทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าของคนธรรมดา ก็อาจจะพิการไปแล้วก็ได้

“ตาเฒ่านั่นทรามจริง ๆ!” ซูอันใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขาทันที ในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มก็ได้กลืนยาเม็ดคืนวิญญาณที่เขาได้รับจากหมอเทวะจี้ลงไปด้วย

เขาไม่ได้ดื่ม ‘น้ำยาศรัทธาพี่น้อง’ เพราะอาการบาดเจ็บไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต

ยาเม็ดคืนวิญญาณเป็นของดีสมดั่งชื่อ ซูอันสามารถสัมผัสได้ถึงฤทธิ์ของยาที่แผ่เข้าสู่จุดตันเถียนและค่อย ๆ ไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายทั้งหมด ควบคู่ไปกับอำนาจของวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ความเร็วในการรักษาจึงเร็วขึ้นมาก

ในที่สุดเขาก็พบห้องที่ฉินหว่านหรูถูกขังไว้ ชายหนุ่มประหลาดใจที่นางไม่ได้ถูกมัดแต่กำลังนั่งข้างเตียงด้วยสีหน้ากังวล

“ใครน่ะ!?” เมื่อนางเห็นว่ามีคนอยู่ข้างนอก ฉินหว่านหรูก็กระโดดด้วยความตกใจและถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

“ท่านแม่ยาย นี่ข้าเอง” ซูอันถอดหน้ากากออก

“อาซู!” ฉินหว่านหรูประหลาดใจและยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเขา

“ท่านแม่ยาย ท่านคงลำบากมามาก ข้าจะปล่อยท่านเดี๋ยวนี้!” ซูอันรีบเดินเข้าไปหาหวังจะพานางออกไป แต่ทันใดนั้น เขาก็ไอและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?” ฉินหว่านหรูร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

“ไม่เป็นไร มันเป็นแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย” ซูอันพูดด้วยรอยยิ้ม เอาหลังมือเช็ดมุมปากของตัวเอง

น้ำเสียงของฉินหว่านหรูดุดัน “คนเดียวที่สามารถทำร้ายเจ้าได้ในตอนนี้น่าจะเป็นหลิวเหย่า เขามีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับ 9! อาการบาดเจ็บของเจ้าจะเบาได้ยังไงหากเป็นฝีมือของเขา แสดงว่าที่ข้าได้ยินเสียงเอะอะเมื่อกี้ เขากำลังไล่ล่าเจ้าอยู่!”

ซูอันโบกมือและพูดว่า “ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ ข้าทั้งแข็งแกร่งและถึกทน เอาไว้ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดเมื่อเราออกไปได้แล้ว”

ฉินหว่านหรูส่ายหัว “ข้าออกไปไม่ได้ พวกเขาปิดผนึกจุดโคจรพลังชี่ ของข้าไว้ ข้าจะเป็นภาระถ้าไปกับเจ้า นอกจากนี้พ่อตาของเจ้ายังอยู่ที่นี่ ข้าจะทิ้งเขาหนีไปคนเดียวได้ยังไง?”