บทที่ 618 หนังสือน่าเบื่อเล่มหนึ่ง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

จวนอ๋องเย่

พ่อบ้านเหมยกลับมาจากไปซื้อของด้านนอก มองดูโคมไฟที่ประดับบนจวน เหล่าคนใช้หยิบโคมไฟก็หยิบโคมไฟ แขวนผ้าไหมก็แขวนผ้าไหม แม้จะยุ่งวุ่นวาย แต่ล้วนเป็นบรรยากาศความปีติยินดี

“นี่คืออะไร?” พ่อบ้านเหมยสงสัย

คนใช้สองสามคนที่ห่างจากพ่อบ้านเหมยใกล้หน่อย รีบดึงพ่อบ้านเหมยไปข้างๆ กดเสียงต่ำซุบซิบขึ้นมา

“พ่อบ้านเหมยขอรับ ท่านอ๋องนี่คือเป็นอย่างไรแล้วขอรับ? วันนี้กลับจวนสีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษ แต่มองดูลานซวนซีมองไปมองมาก็ยิ้มแล้ว ยังบอกว่าต้องการตกแต่งทั้งหมดให้รื่นเริงหน่อย” ครู่หนึ่งคนก็เป็นกังวลมาก

ท่านอ๋องเป็นเช่นนี้ชั่งไม่ปกตินัก

ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ดวงตาทั้งคู่ของท่านอ๋องมองไม่เห็น แทบจะอยู่ในลานซวนซีทั้งวัน ไม่เหยียบออกจากบ้าน ตอนนี้หายแล้ว ท่านอ๋องออกจากบ้านแล้ว กลับเปลี่ยนเป็นไม่ปกติ

จวนถูกขายแล้ว

ตัวท่านอ๋องเองก็ขายให้คุณชายซ่างกวนแล้ว นี่ทำให้พวกเขาคนรับใช้เหล่านี้กังวลเป็นอย่างมาก

พ่อบ้านเหมยตอบ : “ใกล้วันจับจ่ายสิ้นปี ทุกครัวเรือนล้วนจับจ่ายของขึ้นปีใหม่ แสงสีคึกคัก เปี่ยมด้วยความปีติยินดี ในจวนมีบรรยากาศรื่นเริงหน่อยก็ดี”

“ใช่ขอรับ! พ่อบ้านเหมย ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องยังไปที่ห้องอาบน้ำด้วย เมื่ออาบน้ำก็หนึ่งชั่วยามกว่า นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนเชียวขอรับ”

“ท่านอ๋องทำงานหนักเหนื่อยล้ามาหลายวัน วันนี้กลับจวน ล้างความเหนื่อยล้าทั้งตัว แช่ในน้ำร้อนหน่อยก็ดี” พ่อบ้านเหมยยังคงตอบอย่างเรียบๆ

เพียงแค่ท่านอ๋องไม่ซึมเศร้าอีก ทุกอย่างอย่างอื่นก็ล้วนพูดง่าย

“แต่เมื่อครู่ข้าเข้าไป บังเอิญเห็นหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ยังจะใช้เสื้อผ้าทับไว้…….”

คำพูดด้านหลัง คนรับใช้ผู้นั้นไม่กล้าพูดต่อ ค่อยข้างปริปากยาก ทั้งเกรงกลัวว่าพ่อบ้านเหมยจะดุด่า ทำได้เพียงแค่มองพ่อบ้านเหมยอย่างเคอะเขิน หวังว่าพ่อบ้านเหมยจะสามารถรู้กันได้จากในสายตาของเขา

แต่พ่อบ้านเหมยไม่ได้คิดมากมาย จดจ่อเป็นห่วงอยู่กับสมุดบัญชี

ตอนนี้จวนเป็นของคุณชายซ่างกวนแล้ว เขาจำเป็นต้องเอาของทุกอย่างตรวจนับออกมา รอกระทั่งทันทีที่ร่างกายของท่านอ๋องดีหายดี คาดว่าคุณชายซ่างกวนก็จะยึดจวนไป

เขาจำเป็นต้องรีบจัดซื้อสิ่งของที่ท่านอ๋องโปรดปรานในจวนหลังอื่น รอถึงเวลา จึงจะไม่แสดงถึงความลุกลี้ลุกลน

เพราะเหตุนี้ เรื่องที่สองสามคนนั้นพูด พ่อบ้านเหมยล้วนไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่

“ท่านอ๋องอ่านหนังสือไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องปกติหรือ?”

นี่ก็ทำเป็นกระต่ายตื่นตูม?

คนที่ตัวเองหามาเข้าจวน ทำเปลี่ยนไปเป็นไม่เข้าท่าเช่นนี้แล้ว?

“ไม่ใช่ขอรับ พ่อบ้านเหมย หนังสือเล่มนั้นความจริงไม่ใช่หนังสือธรรมดา มัน มันเป็นหนังสือพรรคนั้น อีกทั้งยังเป็นหนังสือชายชอบชายประเภทนั้นอีกขอรับ”

เมื่อคำพูดนี้ออกไป

พ่อบ้านเหมยเบิกตากว้างทันที ของที่ในมือที่ซื้อมาร่วงตกพื้นทันที

“เจ้าพูดว่าอะไร? พูดอีกรอบหนึ่ง พูดอย่างละเอียด”

รอจนคนรับใช้พูดจบอย่างกระจ่างแจ้งอีกครั้ง พ่อบ้านเหมยทั้งคนก็ไม่ดีแล้ว

ก่อนหน้าที่ซ่างกวนหนานซู่ปรากฏตัว การแสดงออกทุกอย่างของท่านอ๋อง พ่อบ้านเหมยก็เป็นกังวลอย่างมาก ตอนนี้เรื่องราวสรุปได้แล้ว ในสมองของเขาว่างเปล่า

พ่อบ้านเหมยหมุนตัวเดินไปด้านนอก ของบนพื้นที่ซื้อมาก็ไม่เก็บแล้ว

“พ่อบ้านเหมยขอรับ ท่านจะไปที่ไหนขอรับ?”

ฉับพลันนั้น พ่อบ้านเหมยหยุดฝีเท้าลง มองคนสองคนที่ตอนนี้ปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบตรงประตูใหญ่ ผู้หนึ่งเป็นหมอของโรงหมอเปิดใหม่ ผู้หนึ่งเป็นเจ้าของของโรงหมอที่เปิดใหม่

ซ่างกวนหมอเทวดาและท่านหมอส้ง

พวกเขาถึงเมื่อไหร่? เขาไม่รู้สึกตัวสักนิดจริงๆ

เห็นซ่างกวนหนานซู่ สีหน้าพ่อบ้านเหมยบูดเบี้ยว

และก็คือรูปหล่อสง่างาม ผิวพรรณขาวไปนิด ทำไมถึงได้เข้าตาท่านอ๋อง ยังทำให้ท่านอ๋องชอบผู้ชายด้วยกันอีก……

“พ่อบ้านเหมยนี่คือ เป็นอย่างไรหรือ?” หลานเยาเยาสงสัย

สองสามครั้งที่พบก่อนหน้านี้ยังนอบน้อมมีมารยาทต่อนาง ครั้งนี้เห็นนาง ทำไมเหมือนว่านางไปคว้าผู้หญิงบ้านเขาเช่นนั้น?

หรือว่าเพราะเย่แจ๋หยิ่งเอาจวนขายให้นางเป็นเหตุ?

หลานเยาเยายิ่งคิดยิ่งมีความเป็นไปได้

คิดแล้วพ่อบ้านเหมยก็เป็นคนดีมากผู้หนึ่ง มีความจำเป็นต้องอธิบายกับเขาสักหน่อย ให้เขาสบายใจ

“พ่อบ้านเหมยอย่าเข้าใจผิด เดิมทีข้าก็ไม่เคยคิดต้องการจวน ท่านอ๋องของพวกท่านยัดเยียดให้ข้า ไม่รับไม่ได้ เป็นเช่นนี้ก็ดี ข้าเข้ามาอยู่ อ๋องเย่ก็ไม่ต้องย้ายออก พวกเราอยู่ด้วยกัน สามารถพบกันได้ทุกวัน ยังสามารถควบคุมเร่งเร้าให้เขาออกกำลังกายอีกด้วย”

คำพูดเหล่านี้เดิมทีไม่มีอะไร

แต่ตกมาถึงพ่อบ้านเหมยได้เพิ่งจะได้ยินเรื่องสรุปมาว่าท่านอ๋องชอบผู้ชายด้วยกัน อีกทั้งฝ่ายตรงข้างที่สรุปออกมาก็คือคนที่พูดจาตรงหน้าผู้นี้

พ่อบ้านเหมยกะพริบตา การแสดงออกที่ยากจะอธิบาย

ยังจะออกกำลังกายทุกวันอีก?

ท่านอ๋องจะทนได้หรือ?

“อ๋อ ข้าน้อยเข้าใจ เข้าใจขอรับ คุณชายซ่างกวน พวกท่าน พวกท่านก็ไม่ต้องออกกำลังทุกวัน เว้นหนึ่งวันหรือสองสามวันออกกำลังครั้งหนึ่ง ก็ดีนะขอรับ”

เมื่อหลานเยาเยาได้ยิน เช่นนี้ได้ที่ไหน?

คำพูดเช่นนั้น แตกต่างอะไรกับการทำๆหยุดๆ?

“พ่อบ้านเหมยคำพูดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ร่างกายจำเป็นต้องออกกำลังอย่างเหมาะสมทุกวัน ถึงจะช่วยให้อาการป่วยฟื้นฟู ทำลวกๆไม่ได้เด็ดขาด”

“หาได้ยากมาที่คุณชายซ่างกวนยังจะรู้จักความเหมาะสม ข้าน้อยก็นับว่าโล่งใจแล้วขอรับ คุณชายซ่างกวนมาหาท่านอ๋องสินะขอรับ!”

เช่นนี้แล้วจะยังไหวหรอ

ไม่ได้ เขาต้องไปหาคุณชายเหลียงเฉินโน้มน้าวท่านอ๋อง

เห็นคุณชายซ่างกวนพยักหน้า พ่อบ้านเหมยรีบให้คนพานางไปหาเย่แจ๋หยิ่ง ตัวเองกลับออกจากประตูไปอย่างรีบร้อนแล้ว

หลานเยาเยางงงัน มองทางส้งเย่นกุย แต่ส้งเย่นกุยเพียงแค่เลิกคิ้ว สะบัดแขนเสื้ออย่างสบายๆเล็กน้อย แฉลบหายตัวไปจากตรงหน้านาง ต่อจากนั้นเสียงจึงดังมา

“มีปัญหาเรียกข้า ยังมี…….รักษาตัวขอรับ”

เอ่อ……

แม้ร่างกายของนางจะอ่อนแอ แต่เทียบกับช่วงเวลานั้นที่อยู่ที่ทะเลทราย ดีขึ้นมากมายแล้ว

“คุณชายซ่างกวน เชิญทางนี้ขอรับ” คนผู้หนึ่งยื่นมือทำท่าเชื้อเชิญ

หลานเยาเยาจึงตามคนผู้นั้นไป ระหว่างทางหลังจากที่รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งอยู่ห้องหนังสือ หลานเยาเยาก็เสนอว่าไปเอง คนรับใช้ผู้นั้นก็ไม่พูดอะไร จึงโค้งตัวแล้วถอยไป

ห้องหนังสือ

โต๊ะทำงานที่โอ่อ่าหรูหรา เป็นกองเอกสารราชการกองหนึ่ง ตำรา ยังมีแผ่นไม้ไผ่สำหรับบันทึกเก่าแก่อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีพู่กันหมึกกระดาษและแท่นฝนหมึกที่ใช้ประจำ

บนแท่นฝนหมึกมีฝนน้ำหมึกแล้ว พู่กันที่พิงไว้ที่ขอบข้างกลับยังไม่ได้จุ่มหมึก แผ่นไม้ไผ่สำหรับบันทึกเก่าแก่แผ่ออกเพียงครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ได้เปิดอีก

เย่แจ๋หยิ่งที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยนั่งตัวตรง เส้นผมดำที่ยังไม่แห้ง ห้อยลงมากระจายคลุมแผ่นหลัง เส้นผมไม่กี่ปอย ตกลงมาตามข้างจอนผม ห้อยอยู่บนหน้าอก ชุดนอนที่เปลี่ยนซักแล้ว ปกเสื้อเปิดกว้าง เส้นผมล้วนติดอยู่บนผิวที่ขาวหมดจด

หนังสือเล็กกะทัดรัดในมือของเขา บนหน้าปกเป็นลักษณะที่พรรณนาผู้ชายสองคนอย่างชัดเจน ในสถานที่ทิวทัศน์งดงาม กำลังทำเรื่องที่ไม่สามารถบรรยายได้ จุดที่สำคัญที่สุดตรงกลางถูกต้นไม้ต้นหนึ่งบังไว้ บนต้นไม้เต็มไปด้วยดอกไม้ที่สวยงาม

เย่แจ๋หยิ่งพลิกได้ครึ่งหนึ่งแล้ว หน้าไม่แดงใจไม่เต้น ราวกับว่ากำลังอ่านหนังสือธรรมดา

เพียงแค่สายตาไม่เหมือนกับปกติเล็กน้อย

จนกระทั่งมืออ่อนนุ่มข้างหนึ่งปรากฏขึ้นบนหนังสือ เหมือนกับเตรียมจะหยิบไป

เย่แจ๋หยิ่งตอบสนองเร็วมาก ผุดยืนขึ้น เอาหนังสือในมือซ่อนไว้ด้านหลังโดยตรง เมื่อเห็นว่าคนที่ปรากฏตัวด้านหน้าเป็นหลานเยาเยา ใบหน้าที่สง่างามร้อนอย่างฉับพลัน แก้มแดงขึ้นมาทันใด

หลานเยาเยาอึ้งไปแล้ว

ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นเย่แจ๋หยิ่งตอบสนองรุนแรงขนาดนี้

“ทำไมหรือ?”

“เจ้า เจ้าไม่เห็น?” สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งไม่เป็นธรรมชาติที่สุด แววตาก็ค่อนข้างสั่นไหวไม่นิ่ง

“ไม่เห็นนี่! ท่านอ่านหนังสืออะไร? ข้าดูด้วย”

ผลักประตูเบาๆเข้ามาถึงตรงนี้ ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งใส่เสื้อเรียบร้อยนั่งตัวตรง อ่านหนังสืออย่างจดจ่อ แม้แต่นางเข้ามา กระทั่งเข้าใกล้แล้ว กระทั่งเข้าใกล้แล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว

นี่ทำให้นางอดอยากรู้ไม่ได้ เย่แจ๋หยิ่งดูหนังสืออะไรกันแน่

สีหน้าตื่นตระหนกของเย่แจ๋หยิ่งผ่อนคลายเล็กน้อย

“ก็แค่หนังสือน่าเบื่อของข้าเท่านั้น”

“น่าเบื่อ?”

หลานเยาเยาไม่เชื่อที่สุด ยิ่งมีความอยากรู้ต่อหนังสือเล่มนั้นแล้ว “น่าเบื่อท่าจะแอบไว้ด้านหลังอีก? เร็ว เอาออกมา ข้าดู”

พูดจบ นางเอื้อมมือไป กลับคิดไม่ถึง เอื้อมมือได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งจับไว้แล้ว หมุนและดึงนางทันที นางจึงพุ่งเข้าไปในอ้อมอกของเย่แจ๋หยิ่ง…