บทที่ 619 เจ้าโกหกจนข้าลำบากมาก

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หลังจากชนเข้ากับทรวงอกของเขา เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่เตรียมให้นางได้ขัดขืนออกไป

มือข้างหนึ่งจับกุมช่วงเอวของนางไว้แน่น มืออีกข้างถือหนังสือชายชอบชายซ่อนไว้ด้านหลัง รีบเอาหนังสือเล่มนั้นใส่ไว้บนชั้นหนังสือ จึงได้โล่งอก มือสองข้างกอดคนไว้ในอ้อมกอดอย่างสบายใจ

ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับพฤติกรรมเมื่อครู่ของตัวเอง

อดที่จะหยอกล้อคำหนึ่งไม่ได้ : “เยาเยา ข้าจะทำอะไรเจ้าได้?”

หลานเยาเยารู้สึกว่าคำพูดนี้น่าสนใจ เงยหน้าตาสองคู่สบตากับเขา มุมปากผุดรอยยิ้มบางๆออกมา

“พูดกลับกันแล้วล่ะมัง? น่าจะเป็นข้าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าจึงจะถูก”

พูดจบก็เอาศีรษะมุดเข้าไปที่หน้าอกของเขา สูดกลิ่นหอมจางๆบนตัวของเขา ทั้งๆที่เป็นเพียงกลิ่นหอมจางมากๆ แต่กลับสดชื่น

มือสองข้างของหลานเยาเยาโอบรอบช่วงเอวของเขา ริมฝีปากแดงขยับ :

“ทำให้คนวู่วามเป็นอย่างมาก”

“อะไร?” เย่แจ๋หยิ่งไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร

“ข้าบอกว่ากลิ่นหอมอ่อนบนกายของท่านทำให้คนวู่วามเป็นอย่างมาก” หลานเยาเยาอธิบายเล็กน้อย

แต่การอธิบายเช่นนี้ ค่อนข้างมีเลศนัยไม่กระจ่าง รอจนหลานเยาเยาได้สติ เงยหน้ามองทางเย่แจ๋หยิ่งอย่างฉับพลัน พบว่าเขาจ้องมองนางด้วยแววตาที่เปล่งประกาย ในดวงตามีความผิดปกติ เป็นสายตาที่นางคุ้นเคยอีกทั้งไม่ได้เห็นมานานแล้ว

นางใบหน้าร้อนทันที รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งเข้าใจผิดแล้ว

เปิดปากอธิบาย : “เย่แจ๋หยิ่ง ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ความหมายของข้าคือ……..”

“คืออะไร?” เสียงเย่แจ๋หยิ่งแหบต่ำ

เห็นท่าไม่ดี หลานเยาเยาคิดผลักเขาออก แต่ทำอะไรไม่ได้เวลานี้ผลักเขาไม่ได้แล้ว กลับถูกเขากอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าต้องการบีบนางเข้าไปในร่างกายของเขา

“เยาเยา คืนนี้เจ้ากล้ามา จะต้องรู้เป็นธรรมดาว่าข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้ ดังนั้น เจ้าเตรียมใจมาดีแล้วใช่หรือไม่?”

หลานเยาเยานิ่งไปครู่หนึ่ง หยุดการขัดขืน เงยหน้ามองเย่แจ๋หยิ่งด้วยใบหน้าแดงก่ำ เปิดปากพูด ริมฝีปากบางๆของเย่แจ๋หยิ่งค่อยๆยกขึ้น ก้มลงพูดเบาๆข้างหูของนางประโยคหนึ่ง

“ไม่ต้องพูด ข้ารู้แล้ว”

พูดจบ เย่แจ๋หยิ่งก็เข้าใกล้ริมฝีปากของนาง จูงลงไปเบาๆ

คิดถึงมานาน จูบบางๆอย่างง่ายดายทำให้คนสองคนสมใจอยากไม่ได้แล้ว เมื่อครู่ได้รับพิธีศีลมหาสนิทจากหนังสือชายชอบชาย แม้ว่าแรกเริ่มเย่แจ๋หยิ่งจะยอมรับไม่ได้ แต่เวลานี้เป็นคนที่เขาคิดถึงตลอดเวลา อีกทั้งหลังจากที่ชนะได้รับการเห็นด้วยจากนาง ก็ไม่มีความกังวลใดแล้ว

ปากฟันประกบกัน ความคิดจิตใจเชื่อมถึงกัน

หลานเยาเยารู้สึกว่าตัวเบาอย่างฉับพลัน ก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งอุ้มขึ้นขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงาน สิ่งของบนโต๊ะถูกผลักไปอีกข้างหนึ่ง

ตาเห็นเย่แจ๋หยิ่งต้องการทับขึ้นมาด้านบน ในดวงตาของนางฉายแววเจ้าเล่ห์ ผลักออกเบาๆทันที จึงถูกผลักออกไป จากนั้นกระโดดลงไป กลับจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้กระทำ กดเย่แจ๋หยิ่งไว้กลับชั้นหนังสือด้านหลัง

โดยประมาณคือถูกการกระทำของนางได้รับความชื่นชอบแล้ว

เย่แจ๋หยิ่งยิ้มและอ้าแขนออก รอจนนางทำทุกอย่างที่ปรารถนา

หลานเยาเยาก็ไม่เกรงใจ

มองดูปกเสื้อที่เดิมทีก็เปิดกว้างของเขา พริบตานั้นรู้สึกเลือดลมพรั่งพรู ยื่นมือไปโดยไม่รู้ตัว ไปสัมผัสทรวงอกของเขา จากนั้นดึงเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้น มือทั้งสองกอดร่างกายเขาอย่างแนบแน่น เงยหน้าขึ้นไปจูบริมฝีปากที่ชุ่มชื่นอีกครั้ง

เย่แจ๋หยิ่งตอบสนองนาง นิ้วมือเรียวยาวเคลื่อนไหวไปมาที่แผ่นหลังของนาง ค่อยๆเคลื่อนมาด้านหน้า เมื่อต้องการยื่นเข้าไปในปกเสื้อของนางอย่างกล้าหาญ…….

“กึก” เสียงหนึ่ง

เหมือนกับว่ามีของอะไรร่วงหล่นที่พื้น

ทำให้หลานเยาเยาตะลึงทันที มองไปทางของที่ตกบนพื้นด้วยสัญชาตญาณ

ไม่เห็นไม่รู้ เมื่อเห็นตกใจยกใหญ่

เป็นหนังสือชายชอบชายเล่มหนึ่ง อีกทั้งคุ้นๆมาก ราวกับว่าเป็นหนังสือที่เย่แจ๋หยิ่งถือไว้ในมือเมื่อครู่

พระเจ้า!

หลานเยาเยาตะลึงงันไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

เก็บหนังสือขึ้นมา กำลังต้องการพลิกดู เย่แจ๋หยิ่งก็หยิบหนังสือไปแล้ว สีหน้าเคอะเขินเป็นอย่างมาก พูดเบาๆประโยคหนึ่ง

“ไม่ต้องดู เจ้าจะรังเกียจข้า”

หนังสือชนิดนี้ เขาเคยดูหมิ่นสิ่งนี้ กระทั่งถึงขั้นรังเกียจ ตอนนี้ตัวเองกลับแอบดูอย่างหลบๆซ่อนๆ ยังถูกหลานเยาเยาพบเข้าอีก ทั้งยังเป็นเวลาเช่นนี้ด้วย

นี่ควรเซ็งแค่ไหนกัน!

เป็นการกระทบกระเทือนต่อหลานเยาเยาอย่างไม่ต้องสงสัย

เย่แจ๋หยิ่งกลัวแล้ว สีหน้าหมองจนยากที่จะเอ่ยปาก

เขามองดูนาง น้ำเสียงแทบจะแฝงด้วยความอ้อนวอนเล็กน้อย : “อย่าเกลียดข้า!”

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หลานเยาเยาค่อนข้างงง

เขาเป็นอะไรแล้ว?

ไม่มั่นใจถึงเพียงนี้?

“ทำไมท่านถึงดูหนังสือประเภทนี้?” เมื่อคิดถึงการทดสอบแต่ละครั้งก่อนหน้านี้ของเย่แจ๋หยิ่ง นางอยากหัวเราะอย่างฉับพลัน “คงไม่ใช่เพราะข้าหรอกนะ?”

จดจ้องดวงตาของเย่แจ๋หยิ่ง ถูกนางมองตรงมาด้วยสายตาที่แผดเผา เย่แจ๋หยิ่งไม่หลบไม่หลีก ไม่ตอบ และไม่ปฏิเสธ

หลานเยาเยาเข้าใจแล้ว เขากลัวว่านางจะคิดมาก ดังนั้นถึงเป็นเช่นนี้

ฉับพลันนั้นในใจตบโต๊ะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

เย่แจ๋หยิ่งฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก ทำไมอยู่กับนาง สติปัญญาก็ไม่ทำงานแล้วล่ะ?

หลานเยาเยาหยิบหนังสือจากมือเขามา พลิกดูทีละหน้าทีละหน้า ครั้งนี้เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้เอื้อมมือมาแย่งกลับไปอีก แต่มองดูนางนิ่งๆ ในใจสับสนอย่างอธิบายไม่ได้

เห้ย!

หลานเยาเยาเบิกตาโตครู่หนึ่ง

ดุเดือดมากเลย! ดุเดือดจนค่อนข้างจะทนดูตรงๆไม่ได้ นางดูไปพลางเหลือบมองเย่แจ๋หยิ่งไปพลาง

ไม่รู้จริงๆว่าเย่แจ๋หยิ่งที่มีอำนาจอิทธิพลกว้างขวางเหมือนผู้คนเช่นนี้ อยู่อย่างสูงส่ง คนที่นิสัยเย็นชา ดูหนังสือประเภทนี้จะรู้สึกอย่างไร

นางอยากถาม แต่ไม่กล้าถามเกรงว่าบางคนจะโกรธแล้วจากไป

ในที่สุด ขณะที่หลานเยาเยาดูอย่างออกรสออกชาติ เย่แจ๋หยิ่งที่สีหน้าครุ่นคิดเปิดปากแล้ว

“อย่าดูแล้ว!”

“ได้!”

หลานเยาเยารีบปิดหนังสือทันที วางไว้บนโต๊ะ

“เอาหนังสือไปเผาได้แล้ว” เพราะไม่ได้ใช้ แล้วนางก็ไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ เพียงแค่คุณชายที่ปลอมตัวผู้หนึ่ง

“ได้!”

เย่แจ๋หยิ่งพยักหน้า ทั้งที่ยังหอบหนัก ไฟปรารถนาในดวงตายังไม่ทีทางที่จะดับมอดได้ แต่กลับไม่มีการกระทำสักนิด แม้คำพูดก็ไม่เอ่ย ก็มองดูนางเป็นระยะ

หลานเยาเยาเยาะเย้ยเล็กน้อย แล้วหัวเราะ

อดไม่ได้ที่จะล้อเล่นด้วยเสียงสดใส : “ลักษณะข้าหล่อเหลา แม้ว่าเป็นผู้ชาย ก็เย้ายวนน่ากินใช่หรือไม่?”

“เยาเยา……”

“ตอบข้า” นางสีหน้าจริงจัง

“ไม่ว่าร่างกายจะเป็นอะไร ไม่ว่าจะลักษณะเช่นใด เพียงแค่เป็นเจ้า เยาเยา ข้าล้วนยอมรับ ข้าล้วนสามารถยอมรับได้ เจ้าต้องเชื่อข้า”

เพื่อหลานเยาเยา เขายอมเสียสละทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตก็ไม่เสียดาย ยังมีอะไรยอมรับไม่ได้อีกล่ะ?

กลับกัน เขายังโชคดีมาก หลานเยาเยายังสามารถกลับมาข้างกายเขาได้

ไม่รู้ทำไม ฟังถึงประโยคนี้ เบ้าตาของหลานเยาเยาแดง น้ำตาไหล

“เย่แจ๋หยิ่ง ข้าเชื่อท่าน ท่านทำข้าซาบซึ้งอีกแล้ว”

หลานเยาเยาไปดึงมือของเขา วางบนใบหน้าของตัวเอง จากนั้นหัวเราะเบาๆออกมา “ท่านคนทึ่ม มานี่ บอกท่านความลับอย่างหนึ่ง”

เย่แจ๋หยิ่งสงสัย

เยาเยายังมีความลับอะไรได้อีก เขาโน้มตัวเข้าไป หลานเยาเยากุมใบหน้าของเขาแล้วจูบเข้าไปทันที

ในไม่ช้าทั้งสองคนก็พัวพันกัน กระทั่งเปลื้องเสื้อผ้าหมด เย่แจ๋หยิ่งตะลึงแล้ว

มองดูสภาพตรงหน้า ประทับเข้าไปในม่านตาคือผ้าพันหน้าอกที่ห่อหุ้มอย่างแน่นหนาผืนหนึ่ง……

“เยาเยา เจ้า……”

แม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงที่หลานเยาเยาเป็นผู้ชายอย่างไม่หวาดหวั่น แต่นาทีนี้ได้โค่นล้มการยอมรับของเขาทันที

เขายังมีอะไรไม่เข้าใจ ประกายแห่งความสุขเปล่งออกมาโดยธรรมชาติ “ดีจริงๆ!”

ทันใดนั้นเย่แจ๋หยิ่งกอดนางไว้แน่น เอาหัวซุกไว้ในอ้อมอกของนาง กล่าวตำหนิเสียงหนึ่ง “เจ้าโกหกจนข้าลำบาก!”

มิน่าล่ะการทดลองไม่กี่ครั้งไร้ผล

มิน่าล่ะขณะที่เยาเยาเข้าใกล้กับเขาถึงไม่มีความแสลงใจ ที่แท้เป็นเช่นนี้

หลานเยาเยาผลักเขาเล็กน้อย ดึงปลายผ้าพันอกออก เลิกคิ้วไปทางเย่แจ๋หยิ่ง

“ให้อภัยข้าหรือไม่?”

หากไม่อภัย มั่นใจว่าก็คือวางมาดสวมชุดและจากไป

เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือโอบ จุ๊บระหว่างคิ้วของหลานเยาเยา เสียงแหบ พึมพำข้างหูของนาง : “ดูการแสดงออกของเจ้า”

พูดจบ ไม่รอให้หลานเยาเยาตอบ เขาไม่มีแม้แต่จิตใจที่จะถอดผ้าพันอกออกทีละรอบทีละรอบแล้ว ใช้กำลังภายในสะเทือนให้แหลกไปโดยตรง จากนั้นกดคนไว้บนโต๊ะทำงาน โน้มตัวจูบริมฝีปากสีแดงที่นุ่มนวล…