ในห้องหนังสือไฟร้อนระอุ แสงเทียนพลิ้วไหวเบาๆส่องสว่างอยู่บนเชิงเทียน ทำให้ร่างกายของสองคนที่พัวพันอ่อนไหวอยู่บนโต๊ะทำงานเลือนราง
ด้านนอกห้องหนังสือเงียบสงบดั่งปกติ มีเพียงองครักษ์ลาดตระเวนที่เดินด้วยฝีเท้าหนักหน่วงผ่านมาบางครั้ง
ขณะที่พ่อบ้านเหมยกลับมา ใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ด้านหลังยังคงเป็นคุณชายเหลียงเฉินที่จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมติดตามมา เพียงแค่สายตาของคุณชายเหลียงเฉิน มักจะซ่อนแฝงไปด้วยอารมณ์ที่ไม่เบิกบาน
คาดว่าในใจมีปัญหาสินะ!
“ท่านอ๋องนอนแล้วหรือ?” พ่อบ้านเหมยขวางองครักษ์ลาดตระเวนกองหนึ่งในนั้นแล้วถาม
“พ่อบ้านเหมยเพิ่งกลับมาหรือ! ท่านอ๋องยังอยู่ในห้องหนังสือน่ะขอรับ!” องครักษ์ผู้หนึ่งตอบ
“ยังอยู่ห้องหนังสือ?”
ดึกขนาดนี้แล้ว?
ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้ท่านอ๋องยังมีธุระอีกหรือ? ควรจะเข้านอนเร็วถึงจะถูก
“คุณชายซ่างกวนก็อยู่ คุยด้วยกันจนดึก”
เมื่อคำพูดนี้โพล่งออกไป
พ่อบ้านเหมยและคุณชายเหลียงเฉินอดไม่ได้ที่จะมองกันแวบหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนคิดเหมือนกันอย่างเห็นได้ชัด การแสดงออกบนใบหน้าค่อนข้างลึกซึ้ง
คุณชายเหลียงเฉินกลับยิ้มอย่างปล่อยวาง ต่อเรื่องนี้ก็ไม่ได้แสลงใจเท่าไหร่นัก “หากว่าสามารถทำให้เขากลับคืนเป็นปกติได้ ชอบผู้ชายด้วยกันก็ไม่ได้มีอะไรยิ่งใหญ่แล้ว? อย่างมากร้อยปีหลัง ท่านอ๋องของท่านก็โดนหลานเยาเยากระหน่ำทุบตีในนรกรอบหนึ่ง”
พ่อบ้านเหมยถอนหายใจ
ก่อนหน้านี้ความร้อนใจไม่คลาย กระทั่งยังเกิดมีความไม่พอใจเพื่ออดีตพระชายา ตอนนี้ได้ยินคุณชายเหลียงเฉินกล่าวเช่นนี้ ก็เหลือเพียงการทอดถอนใจอย่างหนักเท่านั้น
ตั้งแต่เด็กท่านอ๋องก็มีชีวิตอย่างยากลำเค็ญ เด็กที่อายุไม่มีขวบผู้หนึ่ง ต้องมีความคิดการกระทำเหมือนผู้ใหญ่เช่นนั้น ปัจจุบันมีอำนาจอิทธิพลเหนือคนในราชสำนักและคนทั่วไป กลับยังไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคงได้ ยังพบเจอผู้หญิงที่ชอบอย่างไม่ง่ายดายอีก
แต่สวรรค์ไม่ช่วยให้เรื่องสวยงาม ฝืนบังคับให้พวกเขาเป็นตายจากลากันหลายครั้ง ในที่สุดยังต้องตายจากกัน
ดวงตาสองข้างมองไม่เห็น ร่างกายทรุดโทรม ท่านอ๋องเองก็โศกเศร้าแทบจะขาดใจ
ซ่างกวนหนานซู่ที่วิชาการรักษาเหนือชั้นผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ดึงท่านอ๋องออกมาจากก้นเหว ทำให้เขามองเห็นได้อีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่ปรารถนาจะให้ท่านอ๋องชอบผู้ชายด้วยกัน แต่พ่อบ้านเหมยกลับจนปัญญาที่จะเกิดความไม่พอใจต่อซ่างกวนหนานซู่
คนผู้นั้นทำให้คนมองแล้วผ่อนคลายจากก้นบึ้งของหัวใจ
“พูดอย่างกับว่าท่านไม่ร้อนใจเช่นนั้น” พ่อบ้านเหมยมองค้อนคุณชายเหลียงเฉินแวบหนึ่ง
“เห้อ ข้าจะร้อนใจอะไร? ในใจข้าวุ่นวายสับสนหมดแล้ว จัดการก็จัดการไม่กระจ่างเนี๊ย! ผู้หญิง ผู้หญิงเนี๊ย! ช่างทำให้คนปวดหัวจริงๆ”
พูดจาอย่างง่ายดายเป็นที่สุด แต่กลับยากที่จะปิดบังสีหน้าที่ความห่อเหี่ยว
“ทำไม ยังหาแม่นางฮัวไม่พบอีก?”
สำหรับคุณชายเหลียงเฉิน พ่อบ้านเหมยก็ช่วยอะไรไม่ได้
เขาเคยบอกเขาตั้งนานแล้ว เจ้าชู้ไปทั่ว ต้องมีสักวันจะตายในพุ่มดอกไม้ นี่ไม่ใช่หรือ ตอนนี้ก็เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นต่อหน้า ก่อนหน้านี้เคยยั่วเย้าฮัวหยู่อันง่ายเท่าไหร่ ตอนนี้ไล่ตามคนอื่นก็ยากเท่านั้น
“นางมีเพียงการแก้แค้น ไม่ยินยอมพบข้าตั้งนานแล้ว”
ฮัวหยู่อันในตอนนี้ ทำให้คนมองดูแล้วปวดใจ นางใช้ชีวิตในความเกลียดแค้นเท่านั้น คำพูดใครก็ล้วนฟังไม่เข้า เปลี่ยนอีกคนหนึ่งแล้วจริงๆ
นางที่บริสุทธิ์สดใสไร้เดียงสา ความน่ารักสดใสได้จางหายไปนานแล้ว
“ต้องการให้ข้าน้อยแนะสองสามวิธีหรือไม่?” พ่อบ้านเหมยพูดอย่างจริงใจน่าเชื่อถือ เขารู้สึกว่าตัวเองผ่านอะไรมากมาย ประสบการณ์เยอะ อุปสรรคน้อยใหญ่ล้วนเผชิญมาหมดแล้ว ยังสามารถถ่ายทอดความรู้ให้คุณชายเหลียงเฉินได้เล็กน้อย
ใครจะรู้……
เมื่อคุณชายเหลียงเฉินฟัง ใบหน้ายิ้มเจื่อนๆ
“พ่อบ้านเหมยท่านสอนอย่างอื่นให้ข้า ข้ายอมรับเป็นแน่ แต่เรื่องความรักความสัมพันธ์ ข้าเองสามารถพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านล้วนอายุมากแล้ว ยังตัวคนเดียว ทำให้คนเชื่อมั่นไม่ได้จริงๆ”
ถูกโจมตีจุดสำคัญของชีวิตพ่อบ้านเหมยแข็งทื่อไปตรงนั้น
มองดูคุณชายเหลียงเฉินไปทางห้องรับแขกที่ตัวเองพักประจำอย่างชำนาญทาง พ่อบ้านเหมยทำได้เพียงมองตาปริบๆ สักคำหนึ่งก็ไม่พูดออกมา
ในห้องหนังสือ หลังจากเหตุการณ์ที่ชื่นมื่นสบายตัวแล้ว
หลานเยาเยาอยู่ในอ้อมกอด สูดดมกลิ่นหอมอ่อนบนร่างของเขาเบาๆ มุมปากยกขึ้นยิ้มบางๆ ยื่นมือไปวาดวงกลมบนหน้าอกของเขา
“ไม่เหนื่อยหรือ?” เสียงรักและเอ็นดูดังมาจากบนศีรษะ
“ยังพอได้” นางตอบโดยไม่ได้ไตร่ตรอง เหลือบไปเห็นเย่แจ๋หยิ่งกำลังอ่านหนังสือในมือเล่มหนึ่ง อีกทั้งหนังสือเล่มนั้นค่อนข้างคุ้นตา
หืม?
ไม่ใช่หนังสือชายชอบชายเมื่อครู่เล่มนั้นหรือ?
ผ่านศึกเมื่อครู่ เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้เข้าใจอย่างกระจ่างชัดแล้วหรือว่านางเป็นผู้หญิง? ทำไมยังอ่านหนังสือประเภทนี้อีก?
ติดแล้ว?
สังเกตเห็นแววตาของนาง เย่แจ๋หยิ่งหัวเราะเบาๆเสียงหนึ่ง พูดอย่างจริงจังเป็นพิเศษ :
“เยาเยา ข้าพบว่า วิธีการเหล่านี้เปลี่ยนไปแต่เนื้อแท้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ตำแหน่งของร่างกายไม่ว่าคนใดทุกคนก็สามารถใช้ได้
ได้ยินดังนั้น!
ใจหลานเยาเยาตกตะลึง
รีบสบสายตากับเย่แจ๋หยิ่งทันที ถามอย่างติดอ่างประโยคหนึ่ง : “หมายความว่าอะไร?”
ถามจบนางก็เสียใจแล้ว
เพราะดวงตาสีหน้าของเย่แจ๋หยิ่ง ทำให้นางเข้าใจแล้วว่าหมายความว่าอะไร
เย่แจ๋หยิ่งตั้งใจกดเสียงต่ำ เปิดปากเบาๆข้างหูนาง : “อีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้แล้ว ต้องทำให้เจ้าพอใจแน่นอน”
“อย่าอย่าอย่า เย่แจ๋หยิ่ง ตอนนี้ข้าพอใจมากแล้ว”
นางรีบปฏิเสธ
แต่ว่า ผู้ชายที่เว้นไปนานหนึ่งปี หลังจากที่เริ่มกินอาหารคาว ไม่ใช่ว่าครั้งเดียวจะสามารถพอใจได้?
หลานเยาเยาถูกอุ้มขึ้นมา ร่างกายของบางคนที่ยังร้อนระอุแนบชิดอยู่กับนาง เดินไปด้านนอกห้องหนังสือพลาง พูดจาน่าเกลียดเบาๆไปพลาง
“แต่ข้ามองไม่ออก เยาเยา ตอนนี้เจ้ายังเต็มเปี่ยมด้วยกำลัง ก็พอที่จะพิสูจน์ได้ว่าข้ายังออกแรงไม่พอ ดังนั้นข้าตัดสินใจกลับห้องบรรทมรับใช้เจ้าให้ดีๆหน่อย จนกระทั่งเจ้าร้องขอชีวิต”
“……”
แก้มที่แดงเป็นเลือดฝาดเพิ่งลดไปเมื่อครู่ ภายใต้วาจาเสียดหูทำให้คนหน้าแดงหูแดง แดงก่ำขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
หลายเยาเยาอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลง
เป็นดังคาด เย่แจ๋หยิ่งที่ใส่เสื้อผ้าและไม่ใส่เสื้อผ้าต่างกันราวฟ้ากับดิน
หลานเยาเยาที่ถูกอุ้มกลับห้องบรรทม ถูกเชยชมซ้ำไปมาดังคาด นางเหงื่อไหลชุ่มแม้แต่นิ้วมือก็ไม่อยากกระดิก เย่แจ๋หยิ่งจึงได้ปล่อยนางไปด้วยพอใจยังไม่ถึงที่สุด มองดูรอยจูบที่ทิ้งไว้บนตัวของนาง อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
นางเป็นของเขาแล้ว
ทั้งหมดทุกอย่างล้วนเป็นของเขาแล้ว
เอาหลานเยาเยาที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเคืองกอดในอ้อมอก และหอมที่หน้าผากนางเบาๆ
“เหนื่อยหรือ?”
หลานเยาเยาก็มองดูเขานิ่งๆ ให้เขาเพียงความรู้สึกที่แสดงผ่านสายตา ไม่อยากพูดจา
นางยังจำได้ ก่อนหน้านี้เย่แจ๋หยิ่งเคยพูด เพียงแค่นางร้องของให้ปล่อย เขาก็จะปล่อยนาง
แต่ความจริงล่ะ?
นางได้ร้องขอด้วยเสียงต่ำแล้ว เขายังเชยชมซ้ำไปมาอยู่ตรงนั้น
“เยาเยา อย่าโกรธเลย เมื่อครู่เจ้าก็เคลิบเคลิ้มมาก”
“ข้า…….”
มีประโยคหนึ่งที่คำพูดไม่น่าฟังไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรพูด
เย่แจ๋หยิ่งช่วยนางจัดการเส้นผมที่ถูกเหงื่อจนชุ่ม ทั้งปลอบนางเบาๆ ต่อจากนั้นเพื่อทำให้ตัวเองได้สนุกจนเพียงพอ เริ่มหาเหตุผลมาแก้ตัวอีก
“เยาเยา ข้ากับเจ้าแต่งงานกันกี่ปี อีกทั้งอยู่ด้วยกันน้อยจากกันมาก กี่ครั้งที่เผชิญความเป็นความตาย ครั้งนี้ก็นับว่าทุกข์ผ่านไปสุขเข้ามาแล้ว ตอนนี้สามารถมีเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ สูญเสียการควบคุมไปหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดา
แน่นอน ที่สำคัญที่สุดคือ เยาเยาเจ้าช่างทำให้ข้าควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้เลย”
หลานเยาเยามองค้อนเขาแวบหนึ่ง ยังคงขี้เกียจพูดจา นางปิดตาลง เตรียมตัวนอน กลับไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ ลืมตาขึ้นมาในพริบตาอีก ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งเข้ามาใกล้……
“ทำอะไร?” นางหรี่ตาถาม
“แฮ่มๆ” เย่แจ๋หยิ่งรวมมือเข้าด้วยกัน ปากทำไม่สำเร็จ มือกอดคนแน่นขึ้นอีกนิด “เยาเยา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดอะไร?”
“เดิมทีเพียงแค่คิดถึงเรื่องของเสี่ยวฮัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน คิดไม่ถึงว่าท่านจะคิดบุ่มบ่ามอีก หมาป่าหางโต เฮือกหนึ่งก็สามารถกินจนอ้วนได้? ไม่รู้จักค่อยๆทำทีละนิดอย่างสม่ำเสมอ?”
“ทำทีละนิดอย่างสม่ำเสมอ? !”
เย่แจ๋หยิ่งพึมพำไม่กี่คำนี้ด้วยเสียงต่ำ ราวกับว่าไตร่ตรองครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นยิ้มอย่างทนไม่ได้
จู่ๆก็ชอบไม่กี่คำนี้อย่างเกิดอะไรขึ้น?
ในใจเย่แจ๋หยิ่งชื่นชอบ เสียงสดใสที่ดึงดูดดังมา : “ได้ นี่เป็นที่เจ้าพูด ก็ทำทีละนิดอย่างสม่ำเสมอ”
ไม่รอให้หลานเยาเยาเปิดปากพูดตอบโต้ เขาก็รับเปลี่ยนบทสนทนาทันที
“ตั้งแต่ที่เจ้าจากไปแล้ว ในตาของฮัวหยู่อันก็มีแต่ความแค้น เป็นเช่นนี้ต่อไป สุดท้ายนางทำได้เพียงเดินไปทางความตาย ตอนนี้สามารถเปลี่ยนนางได้ เกรงว่ามีเพียงเจ้าแล้ว”
เขาเคยมีความคิดที่จะให้โม่เหลียงเฉินจัดการ อย่างไรเสีย นางกับหลานเยาเยาเป็นเพื่อนกัน เยาเยาจะต้องหวังให้นางมีชีวิตดีๆเป็นแน่ น่าเสียดายเรื่องราวเกิดขึ้นกลับกันกับที่หวัง ฮัวหยู่อันโม่เหลียงเฉินก็โกรธเคืองกันขึ้นมาแล้ว
บนโลกนี้ยังมีคนที่สามารถเปลี่ยนนางได้ เกรงว่ามีเพียงคนในอ้อมอกผู้นี้แล้ว
“นางเนี๊ย ความรั้นล้ำลึกนัก พึ่งข้าเพียงผู้เดียวจะทำได้อย่างไร? ข้าอยากขอยืมคนของท่าน”
“ได้!”
เย่แจ๋หยิ่งตอบตกลง
หลานเยาเยาเลิกคิ้ว “ข้ายังไม่ได้พูดว่าเป็นใคร”
“ข้าเป็นถึงพยาธิในท้องของเจ้า” พูดจบ ฉวยโอกาสจุ๊บริมฝีปากแดงบวมของหลานเยาเยา
นับว่าเป็นค่าตอบแทนของการยืมคนแล้ว……
หลานเยาเยา : “…