ตอนที่ 22 โศกนาฏกรรมงานมงคล (2)
เจียงหย่งไม่ตอบ เขามองเจียงไห่เทา เจียงไห่เทาเข้าใจความนัยจึงเอ่ยว่า “พี่ชายกล่าวเช่นนี้มิถูกต้อง ทำการค้าย่อมต้องอาศัยความสามารถของแต่ละคน ตระกูลไห่มีความสามารถสร้างเรือยักษ์ เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเย่ว์ หากตระกูลเย่ว์ต้องการร่วมมือกับตระกูลไห่ สมควรหารือกับท่านไห่เป็นการส่วนตัว เหตุใดต้องมาก่อกวนงานมงคลของน้องเล่า”
ใบหน้าของเย่ว์เหวินฮั่นปรากฏสีหน้าประหลาดวูบหนึ่ง “ใต้หล้าผู้ใดมิทราบว่าเบื้องหลังกิจการเดินเรือตระกูลไห่คือท่านอาเขย การที่ตระกูลไห่ครอบครองกิจการเดินเรือเพียงผู้เดียวคงเป็นความปรารถนาของท่านอาเขยสินะ หากชิงเยียนแต่งงานกับบุตรชายของท่านแล้ว พวกท่านอาจเห็นแก่หน้าญาติให้ผลประโยชน์แก่ตระกูลเย่ว์ของเราบ้าง แต่คงมิยอมให้แบบต่อเรือแก่ตระกูลเย่ว์เปล่าๆ ถึงเวลาน้องสาวกลายเป็นคนตระกูลเจียงของพวกท่านแล้วก็เป็นดั่งตัวประกัน ตระกูลเย่ว์ไยมิใช่ขาดทุนเสียเปล่า มิสู้คุยกันให้ชัดก่อนดีกว่า”
เจียงไห่เทาโกรธแล้ว “นี่มันอะไรกัน ที่นี่คือตงไห่ของข้า ไม่ใช่หนานหมิ่นของพวกท่าน พี่ชายหากอยากสอดมือเข้ามาในกิจการนี้ก็สมควรเอาเงินทองจริงๆ มานั่งเจรจากับพวกเราให้ชัดเจน มาคาดคั้นอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ตระกูลเย่ว์ทำกิจการเช่นนี้มาตลอดหรือไร”
เย่ว์เหวินฮั่นเอ่ยอย่างเย็นชา “กล่าวกันว่าอำนาจอันแข็งแกร่งคือเหตุผลอันเที่ยงแท้ หลานเรียกร้องเพียงแบบต่อเรือกับแผนที่ทะเลเพราะเห็นแก่ที่ท่านอาเขยยึดถือคุณธรรมน้ำมิตร คงมิยอมขายพวกพ้องง่ายๆ หากทำตามเจตนาของผู้ดูแลใหญ่ คงเรียกร้องให้ท่านอาเขยร่วมมือกับพวกเราแบ่งส่วนตระกูลไห่มาครองแล้ว ไยต้องอาศัยเศษน้ำแกงเศษข้าวของผู้อื่นดำรงชีพ กำเส้นทางมั่งคั่งไว้ให้มั่นมิดีกว่าหรือ”
เจียงหย่งสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ฟังถึงตรงนี้ก็เอ่ยเสียงเย็นชา “ตระกูลไห่เป็นพวกพ้องของตงไห่ ตอนนี้เจ้าจะให้พวกข้าตระกูลเจียงทรยศสัญญาที่มีต่อพวกพ้อง ขายสหายหรือ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ ช่างเถิด เห็นแก่น้าของเจ้า พวกเจ้าตระกูลเย่ว์จงไปเสียเถิด ส่วนชิงเยียน พวกเจ้าก็จงพากลับไปด้วย พวกข้าตระกูลเจียงมิกล้ารับบุตรีตระกูลเย่ว์เป็นสะใภ้”
เวลานี้ทั่วทั้งเกาะรู้ข่าวการทะเลาะกันของสองตระกูลแล้ว องครักษ์ตระกูลเย่ว์ที่อารักขาเจ้าสาวมาส่งเข้าประชิดห้องโถงพิธี พวกเขาเตรียมตัวมาล่วงหน้า บนร่างซุกซ่อนมีดดาบอาวุธเอาไว้ ส่วนลูกน้องของตระกูลเจียงผู้รับผิดชอบคุ้มครองความปลอดภัยบนเกาะล้วนอาวุธครบมือ ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันอยู่นอกห้องโถงพิธี
ตระกูลเจียงเป็นผู้นำกองทัพ กำลังพลและข้ารับใช้ที่กระจายกันไปจัดการองครักษ์ที่เหล่าแขกสูงศักดิ์พามาให้ไปพักผ่อนอยู่ห้องโถงด้านข้างสองฝั่งตอบสนองอย่างรวดเร็วเด็ดขาดยิ่งนัก นอกจากคนของตระกูลเย่ว์ที่เตรียมตัวมาก่อนจึงมาถึงด้านนอกห้องโถงพิธี คนที่เหลือล้วนถูกกักตัวและเฝ้าคุ้มกันไว้แล้ว
เย่ว์เหวินฮั่นทำเสมือนมองไม่เห็นสถานการณ์ตอนนี้ กลับกัน เขาหัวเราะเย็นชาแล้วเอ่ยเสียงดังว่า “บุตรีตระกูลเย่ว์ของข้าสูงศักดิ์นัก ต่อให้ตระกูลเจียงคิดสู่ขอก็ไม่แน่ว่าจะสู่ขอได้ ชิงเยียน ในเมื่อตระกูลเจียงไม่เห็นค่าเจ้า เจ้าก็กลับมาเถิด”
เจ้าสาวผู้ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงันมาตลอดค้อมกายเล็กน้อย หลังจากนั้นมืองามขาวเทียบเทียมหิมะข้างหนึ่งก็ยกขึ้นปลดผ้าแพรสีแดงที่ติดอยู่กับมงกุฎหงส์ออก ดวงตางามหยดย้อยออกมาอวดโฉม ดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นดั่งผืนน้ำสารทฤดู นัยน์ตาสีดำเย็นเฉียบประหนึ่งลำธารเหมันต์กลอกมองผู้คนในห้องโถงอย่างชัดเจนเล็กน้อย จากนั้นนางจึงก้มหน้ามุ่นคิ้ว เดินไปยืนนิ่งข้างกายเย่ว์เหวินฮั่น
เย่ว์อู๋จิวผู้อมยิ้มไม่พูดจามาตลอดเอ่ยขึ้นว่า “หลานสาว ในเมื่อตระกูลเจียงไร้หัวใจ พวกเราก็มิต้องยั้งมือแล้ว หลานสาวทวงความยุติธรรมให้ตนเองเถิด”
ทุกคนฟังแล้วหัวใจพลันหนาววูบ หากเย่ว์อู๋จิวออกคำสั่งให้ผู้ติดตามตระกูลเย่ว์นอกห้องโถงบุกเข้ามา ทุกคนยังเข้าใจได้ แต่เย่ว์อู๋จิวกลับให้เย่ว์ชิงเยียนลงมือ นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว บุตรสาวตระกูลเย่ว์เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์สมดังชื่อ จะมีวิธีเล่นงานศัตรูได้อย่างไร แต่พวกเขาต่างยกระดับการระวังตัวขึ้นถ้วนหน้า ในเมื่อเย่ว์อู๋จิวเอ่ยเช่นนี้ เย่ว์ชิงเยียนย่อมมีความสามารถพิเศษอันใดอยู่
สายตาของเย่ว์ชิงเยียนหันไปมองเย่ว์เหวินฮั่น เย่ว์เหวินฮั่นพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเย่ว์ชิงเยียนฉายแววเศร้าสร้อยวูบหนึ่งแล้วหลับตาลง พริบตานี้เอง องครักษ์ตงไห่ที่เฝ้าอยู่ตรงประตูห้องโถงพิธีเหล่านั้นแต่ละคนพลันส่งเสียงกรีดร้องแล้วทรุดลงกับพื้น หมดสติไป
เจียงไห่เทาตกตะลึง เขาชักกระบี่ยาวจากทหารองครักษ์นายหนึ่งแล้วกระโจนเข้าใส่เย่ว์ชิงเยียน ปากก็เอ่ยว่า “นังปีศาจกล้าวางยาพิษที่นี่ ตายเสียเถิด”
เจียงหย่งขมวดคิ้วเตือน “เทาเอ๋อร์อย่าบุ่มบ่าม”
ทว่าเวลานี้เจียงไห่เทากับเย่ว์เหวินฮั่นผู้ก้าวออกมาขวางประมือกันแล้ว เย่ว์เหวินฮั่นวรยุทธ์ธรรมดา เจียงไห่เทาใช้เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็บีบให้เขาพ้นทางได้ เขาพุ่งมาถึงตัวเย่ว์ชิงเยียน กำลังจะยกมือสกัดจุดนาง ทว่าเย่ว์ชิงเยียนพลันลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยสุกสกาวดั่งธารน้ำใสคู่นั้นกลับกลายเป็นสีเลือด นางขยับยิ้มเย็นชา เจียงไห่เทาพลันรู้สึกว่าอวัยวะภายในดั่งถูกเข็มทิ่ม ถูกเปลวเพลิงแผดเผา เขากรีดร้องแล้วล้มลงกับพื้น
เย่ว์ชิงเยียนกวาดสายตามองภายในห้องโถงอย่างช้าๆ สายตาของนางจับจ้องบนร่างผู้ใด คนผู้นั้นพลันรู้สึกเวียนหัวตาลาย หงายล้มกับพื้น เย่ว์ชิงเยียนผู้สวมอาภรณ์สีแดงทั้งร่างงดงามดั่งรากษสท่ามกลางเพลิงนรก และชวนให้คนขวัญกระเจิงดุจเดียวกับรากษสเช่นกัน
ทันใดนั้นฉีอ๋องหลี่เสี่ยนพลันเอ่ยออกมาอย่างเนิบช้า “กู่ประสานใจ เจ้าใช้กู่ประสานใจ”
สายตาของเย่ว์ชิงเยียนหันมาจับบนร่างฉีอ๋อง ดวงตาแดงก่ำแฝงแววตาหมดอาลัยตายอยาก หลังจากนั้นนางก็มุ่นคิ้ว เหงื่อเย็นหยดหนึ่งไหลลงมาจากหน้าผาก
หลี่เสี่ยนเอ่ยอย่างเย็นชา “แม่นางเย่ว์อย่าเปลืองแรงเลย แม้กู่ประสานใจจะร้ายกาจยิ่งนัก แต่ที่ตัวข้ามีสมบัติล้ำค่าที่ป้องกันสิ่งอัปมงคลได้ พิษกู่ของเจ้าทำร้ายข้ามิได้”
เย่ว์ชิงเยียนขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “สมบัติล้ำค่าที่ป้องกันพิษร้ายอัปมงคลของกู่ได้มีไม่มาก สิ่งที่อยู่กับท่านอ๋องคือ ‘หยกม่วงปี้เสีย[1]’ หรือ ‘ประคำเมล็ดโพธิ์ห้วงทุกข์’ เล่า”
หลี่เสี่ยนยิ้มเฉยชา แล้วเอื้อมมือรั้งสายโซ่เส้นเล็กสีดำเส้นหนึ่งออกมาจากหน้าอก บนสายโซ่คล้องหยกสีม่วงขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งที่แกะสลักเป็นรูปปี้เสีย กลิ่นอายความล้ำค่าแผ่ออกมาเลือนราง เนื้อหยกใสแวววาว
หลี่คังอุทานอย่างตกตะลึง “เสด็จพ่อพระราชทานหยกชิ้นนี้ให้เจ้า” เพลิงโทสะพลุ่งพล่านออกมาจากดวงตาเขา
หลินปี้คลี่ยิ้ม “ได้ยินมานานแล้วว่าหยกม่วงปี้เสียมีอำนาจป้องกันพิษและปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย คิดไม่ถึงว่าฉีอ๋องจะพกติดตัวอยู่ ดูท่าพวกเราจะมีบุญอยู่เล็กน้อย แม่นางเย่ว์ แม้กู่ประสานใจของเจ้าจะน่ากลัว ทว่าอยู่ต่อหน้าหยกม่วงปี้เสียย่อมมิอาจแผลงฤทธิ์ อีกทั้งการใช้กู่ประสานใจก็ทั้งทำร้ายทั้งผู้อื่นและทำร้ายตนเอง แม่นางเย่ว์มิสู้เก็บไปเสียเถิด”
สายตาเย่ว์ชิงเยียนจับจ้องบนร่างหลินปี้ แววตาเหี้ยมเกรียมปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะบังคับพิษกู่ เย่ว์อู่จิวก็โพล่งเสียงดัง “คุณหนูรอง ท่านใช้กู่ประสานใจซึ่งเป็นของต้องห้ามของใต้หล้าได้เช่นไร เจ้าตระกูลน้อยทราบมาก่อนหรือไม่ เจ้าตระกูลทราบหรือไม่ เหตุใดเรื่องนี้จึงมิบอกอา”
เย่ว์ชิงเยียนเหยียดยิ้มถากถาง แล้วหยุดกระตุ้นพิษกู่ในร่างหลินปี้ให้ออกฤทธิ์ จากนั้นจึงตอบว่า “ไม่ ท่านพ่อมิทราบ แต่พี่ใหญ่ทราบ”
เย่ว์อู๋จิวสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลันแล้วเอ่ยว่า “ตัวข้าในฐานะผู้ดูแลใหญ่ ช่างไร้ความสามารถผิดต่อหน้าที่โดยแท้ เจ้าตระกูลน้อยตั้งใจจะยึดครองตงไห่ ข้าห้ามมิได้ ทำได้เพียงยอมรับคำสั่ง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายกับคุณหนูจะสมคบกันใช้กู่ประสานใจทำร้ายผู้คน แม้ข้าเป็นบริวารแต่มิกล้าทำตามคำสั่งเหลวไหล คุณหนูยอมจำนนแล้วตามผู้น้อยกลับไปขอขมาเจ้าตระกูลเถิด”
คำพูดนี้ของเขาถ้อยคำฟังดูจริงใจ จนยอดฝีมือตระกูลเย่ว์ที่ขวางประตูห้องโถงอยู่เหล่านั้นมองหน้ากัน มีคนก้าวออกมาจากกลุ่มเอ่ยว่า “เจ้าตระกูลน้อย ผู้ดูแลใหญ่กล่าวถูกต้องที่สุด ขอคุณชายกับคุณหนูอย่าได้ใช้กู่ทำร้ายผู้คน ตามพวกเรากลับไปรับบทลงโทษจากเจ้าตระกูลเถิด”
ใบหน้าของเย่ว์เหวินฮั่นกับเย่ว์ชิงเยียนปรากฏสีหน้ากระจ่างใจขึ้นมาพร้อมกัน เย่ว์เหวินฮั่นเอ่ยอย่างเย็นชา “พวกเจ้าล้วนเป็นลูกน้องของตระกูลเย่ว์ ที่แห่งนี้ไม่มีที่ให้พวกเจ้าพูด ชิงเยียน หากมีคนกล้าขัดคำสั่ง เจ้าจงเอาชีวิตของเขาเสีย”
เย่ว์ชิงเยียนยิ้มละไม ดวงตาที่เดิมกลับคืนเป็นสีดำกลายเป็นสีโลหิตอีกครั้ง พร้อมกับที่ยอดฝีมือตระกูลเย่ว์ผู้ก้าวออกมาแสดงความเห็นคนนั้นฟุบลงกับพื้น สีหน้าบิดเบี้ยวแล้วขาดใจตาย
แทบทุกคนสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด เย่ว์ชิงเยียนเอ่ยอย่างเย็นชา “ทุกคนจงวางอาวุธ มัดสองมือตนไว้ ผู้ที่ขัดคำสั่งตาย ฉีอ๋อง แม้ตัวท่านมีหยกล้ำค่าคุ้มกาย แต่ก็ปกป้องได้เพียงตนเองเท่านั้น พี่ชายและลูกน้องของท่าน สักคนก็มิอาจรอด หากท่านยอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะไว้ชีวิตพวกท่านชั่วคราว”
[1]ปี้เสีย สัตว์เทพในตำนานของจีน บ้างว่าลำตัวเหมือนกวาง มีหางยาวและมีเขา บ้างว่ารูปร่างคล้ายสิงโตมีเขา ส่วนมากมีปีกด้วย เป็นสัญลักษณ์ของการขับไล่สิ่งชั่วร้าย
ตอนต่อไป